BODYWEIGHT
- Foam Roller โฟมโรลเลอร์ โฟมนวดกล้ามเนื้อ สำหรับเล่นโยคะ - Homefittoolsราคาพิเศษ ฿ 490.00 ราคาปรกติ ฿ 890.00
- เครื่องบริหารหน้าท้อง ลูกกลิ้งออกกําลังกาย ลูกกลิ้งสร้างกล้ามท้อง 3 Wheels Abs Roller ลูกกลิ้ง 3 ล้อ | Homefittoolsราคาพิเศษ ฿ 490.00 ราคาปรกติ ฿ 1,550.00
- บาร์โหน บาร์ดึงข้อ บาร์โหนติดประตู Pull up bar Chin-up ขนาด 80-130 ซม.ราคาพิเศษ ฿ 499.00 ราคาปรกติ ฿ 1,100.00
- เครื่องบริหารหน้าท้อง ชุดลูกกลิ้ง+ที่วิดพื้น ลูกกลิ้งออกกำลังกาย AW16 และที่วิดพื้น รุ่น P22 | Homefitoolsราคาพิเศษ ฿ 549.00 ราคาปรกติ ฿ 1,190.00
- เครื่องบริหารหน้าท้อง ลูกกลิ้งออกกำลังกาย Ab-wheel Push up grip รุ่น AW16 และที่วิดพื้น รุ่น P25 | Homefitoolsราคาพิเศษ ฿ 640.00 ราคาปรกติ ฿ 1,380.00
- เครื่องบริหารหน้าท้อง ลูกกลิ้งบริหารหน้าท้อง ลูกกลิ้งหน้าท้อง ลูกกลิ้ง AB Carver Pro | Homefittoolsราคาพิเศษ ฿ 690.00 ราคาปรกติ ฿ 2,990.00
- บาร์โหน บาร์โหนติดประตู บาร์ดึงข้อ Pull up bar Chin-up ขนาด 120-200 ซม. | Homefittoolsราคาพิเศษ ฿ 999.00 ราคาปรกติ ฿ 2,290.00
- เครื่องบริหารหน้าท้อง เครื่องออกกำลังกายหน้าท้อง อุปกรณ์สร้างซิทแพค อุปกรณ์ซิทอัพ Six Pack Care | Homefittoolsราคาพิเศษ ฿ 1,290.00 ราคาปรกติ ฿ 4,590.00
- เครื่องบริหารหน้าท้อง อุปกรณ์สร้างกล้ามท้อง ม้านอนบริหารกล้ามท้อง อุปกรณ์ซิทอัพ Twist Power Plank | Homefittoolsราคาพิเศษ ฿ 1,290.00 ราคาปรกติ ฿ 5,990.00
- เครื่องบริหารหน้าท้อง เก้าอี้ซิทอัพ S1 ม้านั่ง Sit-up S-1 (สีดำ/แดง) ฟรีดัมเบล 3 kg+สายแรงต้าน+ก้านวิดพิ้น - Homefittoolsราคาพิเศษ ฿ 1,390.00 ราคาปรกติ ฿ 6,990.00
- เครื่องย่ำ Mini stepper เครื่องสเต็ปเปอร์ เครื่องออกกำลังกายคาดิโอ | Homefittoolsราคาพิเศษ ฿ 2,390.00 ราคาปรกติ ฿ 5,500.00
- bosu ball โบซุบอล Yoga ball บอลโยคะ ลูกบอลครึ่งวงกลมออกกำลังกาย - Homefittoolsราคาพิเศษ ฿ 2,490.00 ราคาปรกติ ฿ 3,590.00
- เครื่องบริหารหน้าท้อง เครื่องช่วยสควอท สควอทลดหน้าท้อง Squat Machine รุ่น SQ01 | Homefittoolsราคาพิเศษ ฿ 2,490.00 ราคาปรกติ ฿ 5,990.00
- บาร์โหนตั้งพื้น บาร์ดึงข้อ บาร์โหนออกกำลังกาย Stand Pull Up Bar พร้อม Dip Station Push Up ที่วิดพื้น รุ่น TS-1ราคาพิเศษ ฿ 3,390.00 ราคาปรกติ ฿ 4,990.00
- บาร์โหนตั้งพื้น บาร์ดึงข้อ มีเก้าอี้ปรับระดับในตัว พร้อม Dip Station Push Up ที่วิดพื้น รุ่น TS4ราคาพิเศษ ฿ 3,990.00 ราคาปรกติ ฿ 5,990.00
ภาพรีวิวจากฟิตเนสชื่อดัง RealGym
ภาพรีวิวจากลูกค้าที่ใช้งานจริง
▽ บอดี้เวท คืออะไร?
ในฐานะโค้ชผู้มีประสบการณ์กว่า 20 ปีและแชมป์การแข่งขันระดับนานาชาติ ผมสามารถยืนยันได้ว่าบอดี้เวทเป็นวิธีออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพสูงสุดวิธีหนึ่ง บอดี้เวทใช้น้ำหนักตัวของคุณเองเป็นแรงต้านธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เพิ่มเติม ทำได้ทุกที่ทุกเวลา และปรับความหนักเบาได้ตามความเหมาะสม ทำให้เหมาะกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้เริ่มต้น ผู้สูงอายุ หรือนักกีฬามืออาชีพ
บอดี้เวท (Bodyweight Training) คือการออกกำลังกายที่ใช้น้ำหนักของร่างกายเองเป็นแรงต้าน โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม ทำให้สามารถฝึกได้ทุกที่ ไม่ว่าจะที่บ้าน สวนสาธารณะ หรือที่ทำงาน การออกกำลังกายแบบนี้ช่วยเพิ่มความแข็งแรง ความทนทาน และความยืดหยุ่นของร่างกาย
จากประสบการณ์ของผมที่ได้ฝึกสอนลูกค้ามากกว่าพันคน พบว่าการฝึกบอดี้เวทช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงของร่างกายผ่าน 3 กลไกหลัก:
- การฉีกขาดของกล้ามเนื้อระดับไมโคร – เมื่อร่างกายออกแรงต้าน กล้ามเนื้อจะเกิดการฉีกขาดเล็กๆ และซ่อมแซมตัวเองให้แข็งแรงขึ้น
- การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบประสาท – การควบคุมร่างกายในท่าต่างๆ ช่วยพัฒนาการสื่อสารระหว่างสมองและกล้ามเนื้อ
- การกระตุ้นฮอร์โมนเพิ่มกล้ามเนื้อ – การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการผลิต เทสโทสเตอโรน และ โกรทฮอร์โมน ที่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ
▽ บอดี้เวท vs เวทเทรนนิ่ง
หลายคนสงสัยว่า บอดี้เวท กับ เวทเทรนนิ่ง (Weight Training) แตกต่างกันอย่างไร?
- บอดี้เวท ใช้น้ำหนักตัวเองเป็นแรงต้าน ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงและปลอดภัยสำหรับข้อต่อ
- เวทเทรนนิ่ง ใช้ดัมเบล บาร์เบล หรือเครื่องออกกำลังกายเพื่อเพิ่มแรงต้าน ซึ่งช่วยสร้างกล้ามเนื้อได้เร็วขึ้น
จากประสบการณ์การฝึกสอน ผมพบว่ามีข้อแตกต่างที่สำคัญเพิ่มเติม:
- การฟื้นตัว – บอดี้เวทช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้เร็วกว่า เพราะแรงกระแทกต่อข้อต่อน้อย
- ความเสี่ยงในการบาดเจ็บ – บอดี้เวทปลอดภัยกว่าเพราะสามารถปรับระดับความยากของท่าได้ง่าย
- พัฒนาการสมดุลร่างกาย – ท่าบอดี้เวท เช่น Plank หรือ Single-Leg Squat ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อมัดเล็กที่ช่วยควบคุมการทรงตัว
▽ บอดี้เวท เหมาะกับใคร?
คำตอบ คือ เหมาะกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้เริ่มต้นออกกำลังกาย นักกีฬา หรือผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพ เพราะสามารถปรับระดับความหนักเบาได้ตามความเหมาะสมของแต่ละคน ผู้สูงอายุก็สามารถทำ บอดี้เวท ได้ โดยเลือกท่าที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย
1.ผู้เริ่มต้นออกกำลังกาย
- บอดี้เวทเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน
- สามารถเริ่มจากท่าง่ายๆ และค่อยๆ เพิ่มความซับซ้อนได้ตามความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้น
- ช่วยเรียนรู้การเคลื่อนไหวพื้นฐาน เช่น การสควอต การแพลงค์ และการวิดพื้น
- ลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บจากการฝึกผิดท่าได้
2.ผู้ที่มีเวลาจำกัด
- เหมาะสำหรับคนที่มีตารางชีวิตแน่น เพราะบอดี้เวทสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา
- ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยิมหรือใช้อุปกรณ์เพิ่มเติม
- สามารถปรับเปลี่ยนท่าออกกำลังกายให้เหมาะสมกับพื้นที่ได้
- ทำโปรแกรมออกกำลังกายสั้นๆ ในเวลาเพียง 15-20 นาทีก็ได้เช่นกัน
3.ผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย
- ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพง
- สามารถเริ่มต้นได้ทันทีในพื้นที่เล็กๆ เช่น บ้านหรือที่พัก บอดี้เวท เป็นวิธีที่สะดวกในการรักษาความฟิตแม้อยู่ต่างที่
- ท่าง่ายๆ เช่น การแพลงก์ วิดพื้น และสควอต การบอดี้เวทช่วยเพิ่มความแข็งแรงและเผาผลาญพลังงานได้ดี
4.นักเดินทาง
- สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางบ่อย เพราะการออกกำลังกายแบบบอดี้เวทนั้นไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอุปกรณ์หรือสถานที่เฉพาะ
- ท่าง่ายๆ เช่น การแพลงค์ในห้องพักโรงแรม หรือวิดพื้นในสวนสาธารณะ ช่วยรักษาความฟิตได้
5.ผู้สูงอายุ
- สามารถปรับโปรแกรมบอดี้เวทให้เหมาะกับความสามารถและข้อจำกัดของผู้สูงอายุ
- ท่าง่ายๆ เช่น ท่านั่งลุกบนเก้าอี้ หรือท่ายืดกล้ามเนื้อหลัง ช่วยรักษาความยืดหยุ่นและความแข็งแรง
- ลดความเสี่ยงการหกล้มและเพิ่มความแข็งแรงให้แก่กล้ามเนื้อ
6.ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน
- บอดี้เวทเป็นวิธีที่ปลอดภัย เพราะควบคุมแรงกระแทกที่เกิดกับข้อต่อได้
- ท่าออกกำลังกายอย่างเช่น การยืดกล้ามเนื้อหรือการแพลงค์ ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจจะบาดเจ็บที่หัวเข่าและข้อเท้า
- เหมาะสำหรับเริ่มต้นออกกำลังกายได้โดยไม่ต้องกลัวการบาดเจ็บ
7.นักกีฬา
- ใช้บอดี้เวทเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกซ้อมเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความทนทาน
- ท่าเช่น Pull-up หรือ Plyometric Exercises ช่วยเพิ่มพลังและความเร็วในกีฬาเฉพาะทาง
- พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กที่ไม่ค่อยได้ใช้งานในโปรแกรมออกกำลังกายอื่น
8.ผู้ที่กำลังฟื้นฟูร่างกาย
- เหมาะสำหรับผู้ที่ฟื้นฟูจากการบาดเจ็บ เพราะปรับให้เหมาะกับข้อจำกัดทางร่างกายได้
- ท่าเบาๆ เช่น การยืดกล้ามเนื้อ หรือการนั่งย่อตัว ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ
- เหมาะสำหรับฟื้นฟูระบบกล้ามเนื้อและข้อต่อ
9.ผู้ที่ชอบความท้าทาย
- บอดี้เวทมีท่าขั้นสูงมากมายที่ต้องใช้ความแข็งแรงและการควบคุมร่างกาย เช่น One-arm Push-up หรือ Pistol Squat
- สามารถปรับเปลี่ยนท่าเพื่อเพิ่มความยากและความท้าทายได้เรื่อยๆ
10.ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
- แม้ไม่ใช้น้ำหนักภายนอก แต่บอดี้เวทช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ท่าที่ต้องใช้ความพยายามสูง เช่น Pull-up, Plank Variations หรือ Handstand Push-up
- ปรับจำนวนครั้งและความหนักเบาเพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงตามเป้าหมาย
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในกลุ่มไหน บอดี้เวท ก็สามารถปรับให้เหมาะกับเป้าหมายและความสามารถของคุณได้ ซึ่งนี่คือหนึ่งในข้อดีที่ทำให้ บอดี้เวท เป็นรูปแบบการออกกำลังกายที่เหมาะกับทุกคนจริงๆ
▽ บอดี้เวท ต้องทำทุกวันไหม? ทำวันละกี่นาที?
บอดี้เวท เป็นการออกกำลังกายที่ยืดหยุ่นและปรับให้เหมาะกับทุกคนได้ คำถามที่หลายคนสงสัยคือ ต้องทำทุกวันไหม และควรทำนานแค่ไหน โดย บอดี้เวท ไม่จำเป็นต้องทำทุกวัน การฝึก 3-4 วันต่อสัปดาห์ก็เพียงพอแล้ว โดยควรมีวันพักสลับกับวันฝึก เพื่อให้กล้ามเนื้อได้พักฟื้นและเติบโต การฝึกทุกวันอาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บหรือเหนื่อยล้าเกินไปได้ สำหรับผู้เริ่มต้น อาจเริ่มจาก 2-3 วันต่อสัปดาห์ก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามความแข็งแรงของร่างกาย
ส่วนเรื่องระยะเวลา สำหรับผู้เริ่มต้น การฝึก 15-20 นาทีต่อวันก็เพียงพอ เมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้น สามารถเพิ่มเวลาเป็น 30-45 นาทีต่อวันได้ สิ่งสำคัญคือการทำอย่างสม่ำเสมอและค่อยๆ เพิ่มความหนักขึ้นเรื่อยๆ
การแบ่งการฝึกก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้การทำ บอดี้เวท มีประสิทธิภาพ คุณอาจเลือกฝึกทุกส่วนของร่างกายในวันเดียว หรือแบ่งเป็นส่วนๆ เช่น วันหนึ่งฝึกขา อีกวันฝึกแขน และอีกวันฝึกแกนกลางร่างกาย การพักก็สำคัญไม่แพ้การฝึก ควรพักระหว่างเซ็ตประมาณ 30 วินาที ถึง 2 นาที และมีวันพักอย่างน้อย 1-2 วันต่อสัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟู เมื่อร่างกายเริ่มชิน คุณสามารถเพิ่มความท้าทายได้โดยเพิ่มจำนวนครั้งหรือเซ็ต ลดเวลาพักระหว่างเซ็ต หรือเพิ่มความซับซ้อนของท่า
▽ ความถี่ในการออกกำลังกายพาวเวอร์ลิฟ
ความถี่ในการออกกำลังกายที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับระดับของแต่ละคน
โดยโค้ชปูแน่นจะจำแนกเป็นดังนี้
มือใหม่ (0-3 เดือน)
- 3 วันต่อสัปดาห์ วันเว้นวัน
- 20-30 นาทีต่อครั้ง
- เน้นท่าพื้นฐาน ฝึกฟอร์ม
ระดับกลาง (3-12 เดือน)
- 4-5 วันต่อสัปดาห์
- 30-45 นาทีต่อครั้ง
- เพิ่มท่าที่ซับซ้อนขึ้น
ระดับสูง (1 ปีขึ้นไป)
- 5-6 วันต่อสัปดาห์
- 45-60 นาทีต่อครั้ง
- ผสมผสานท่ายาก เพิ่มความเข้มข้น
▽ ท่าออกกำลังกายแบบ บอดี้เวท ที่ทำได้ง่ายๆ สำหรับผู้เริ่มต้น
บอดี้เวท มีท่าออกกำลังกายมากมายที่สามารถทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม นี่คือ 5 ท่าพื้นฐานที่แนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น
1.สควอท (Squats)
ท่านี้ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับขาและสะโพก วิธีทำคือยืนแยกเท้าเท่าความกว้างของไหล่ ย่อตัวลงเหมือนนั่งเก้าอี้ โดยให้หลังตรงและเข่าไม่เลยปลายเท้า จากนั้นยืดตัวขึ้นกลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ 10-15 ครั้งต่อเซ็ต
2.วิดพื้น (Push-ups)
ท่านี้ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหน้าอก แขน และไหล่ เริ่มจากท่านอนคว่ำ มือวางห่างกันเท่าความกว้างของไหล่ ใช้แขนดันตัวขึ้น โดยให้ร่างกายเป็นแนวตรง แล้วลดตัวลงช้าๆ ทำซ้ำ 5-10 ครั้งต่อเซ็ต หากยังทำไม่ไหว สามารถทำแบบเข่าแตะพื้นได้
3.เพลงก์ (Planks)
ท่านี้ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับแกนกลางลำตัว เริ่มจากท่านอนคว่ำ ยกตัวขึ้นโดยใช้ปลายเท้าและแขนท่อนล่างรับน้ำหนัก ให้ร่างกายเป็นแนวตรง พยายามค้างไว้ 20-30 วินาที ทำ 2-3 เซ็ต
4.ลันจ์ (Lunges)
ท่านี้ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับขาและสะโพก รวมถึงช่วยพัฒนาการทรงตัว ยืนตรง ก้าวขาข้างหนึ่งไปด้านหน้า ย่อตัวลงให้เข่าทั้งสองข้างงอเป็นมุมฉาก แล้วดันตัวกลับสู่ท่าเริ่มต้น สลับขาทำอีกข้าง ทำข้างละ 5-10 ครั้งต่อเซ็ต
5.เมาน์เทนไคลม์เบอร์ (Mountain Climbers)
ท่านี้ช่วยเผาผลาญไขมันและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับแกนกลางลำตัว เริ่มจากท่าวิดพื้น แล้วยกเข่าขวาขึ้นมาชิดอก สลับกลับไปที่เดิม แล้วยกเข่าซ้ายขึ้นมาแทน ทำสลับกันเร็วๆ เหมือนกำลังวิ่งอยู่กับที่ ทำต่อเนื่อง 30 วินาที พัก แล้วทำซ้ำ 2-3 เซ็ต
เมื่อเริ่มต้น ให้ทำแต่ละท่า 2-3 เซ็ต โดยพักระหว่างเซ็ตประมาณ 30-60 วินาที เมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้น สามารถเพิ่มจำนวนครั้งหรือเซ็ต หรือลดเวลาพักลงได้
การทำ บอดี้เวท อย่างสม่ำเสมอด้วยท่าเหล่านี้ จะช่วยให้คุณเห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างชัดเจน ทั้งในแง่ของความแข็งแรง ความทนทาน และรูปร่างที่กระชับขึ้น นอกจากนี้ การฝึก บอดี้เวท ยังช่วยพัฒนาการทรงตัวและความมั่นคงของร่างกาย เนื่องจากต้องควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายในหลายมิติ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในชีวิตประจำวันและช่วยป้องกันการบาดเจ็บได้
▽ เทคนิคการบอดี้เวทพิเศษจากโค้ชมืออาชีพ
การหายใจที่ถูกต้อง
- หายใจเข้าช่วงผ่อนแรง
- หายใจออกช่วงออกแรง
- ไม่กลั้นหายใจระหว่างทำท่า
การจัดท่าทาง
- กดสะโพกเข้าหาลำตัวทุกท่า
- รักษาแนวกระดูกสันหลัง
- เกร็งหน้าท้องตลอดการเคลื่อนไหว
▽ การปรับท่าตามข้อจำกัดร่างกายแต่ละคน
สำหรับผู้ที่มีปัญหาข้อเข่า
- ย่อสควอทแค่ 45 องศา
- เพิ่มการทำท่าวอล์คซิท
- หลีกเลี่ยงจั้มพ์สควอท
สำหรับผู้มีปัญหาหลัง
- เริ่มพลังก์จากท่าคุกเข่า
- ลดระยะเวลาการค้างท่า
- เน้นการทำท่าที่นอนราบ
▽ การเตรียมตัวและการฟื้นฟูร่างกาย
ก่อนเริ่ม
- วอร์มอัพ 5-10 นาทีด้วยท่าง่ายๆ
- ยืดเหยียดแบบไดนามิก
- จิบน้ำ 200-300 มล.
ระหว่างทำ
- พักระหว่างเซ็ต 30-60 วินาที
- หายใจสม่ำเสมอ
- สังเกตสัญญาณเหนื่อยล้า
หลังจบ
- คูลดาวน์ 5-10 นาที
- ยืดเหยียดแบบสถิต
- ดื่มน้ำทดแทน 500 มล.
▽ โภชนาการสำหรับคนทำบอดี้เวท
ก่อนออกกำลัง 1-2 ชั่วโมง
- คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
- โปรตีนย่อยง่าย
- หลีกเลี่ยงไขมัน
หลังออกกำลังทันที
- โปรตีนคุณภาพสูง 20-30 กรัม
- คาร์โบไฮเดรตฟื้นฟู
- เกลือแร่ทดแทน
Tips: สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นฝึก บอดี้เวท ควรเริ่มจากท่าพื้นฐานและค่อยๆ เพิ่มความซับซ้อนของท่าทาง รวมถึงจำนวนครั้งและเซ็ตในการฝึก การอบอุ่นร่างกายก่อนฝึกและการยืดกล้ามเนื้อหลังฝึกเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ
▽ ข้อดีของการทำ บอดี้เวท
การทำ บอดี้เวท ช่วยเสริมสร้างร่างกายในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น
- เพิ่มความแข็งแรงของกระดูกและกล้ามเนื้อ ปรับปรุงการทรงตัวและความยืดหยุ่น อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บและการหกล้ม ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากโดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ
- ในด้านสุขภาพหัวใจและการเผาผลาญ บอดี้เวท ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้สามารถควบคุมน้ำหนักและเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวานและโรคหัวใจ
- ส่งผลดีต่อสุขภาพจิตและการนอนหลับ โดยช่วยลดความเครียด อาการซึมเศร้า และความวิตกกังวล เพิ่มความมั่นใจและความรู้สึกดีต่อตัวเอง รวมถึงปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับให้ดีขึ้น
- การทำ บอดี้เวท ยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายสามารถต้านทานโรคได้ดีขึ้น และยังปรับปรุงการทำงานของสมอง ช่วยเพิ่มความจำและการเรียนรู้อีกด้วย
- การทำ บอดี้เวท อย่างสม่ำเสมอช่วยพัฒนาสุขภาพโดยรวม ทั้งร่างกายและจิตใจ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้เริ่มต้นและผู้สูงอายุ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บต่ำ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มโปรแกรมการออกกำลังกายใหม่ โดยเฉพาะหากมีโรคประจำตัว
- เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดเล็กช่วยเพิ่มสมรรถภาพในการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การหยิบจับสิ่งของหรือการทรงตัวในพื้นที่ไม่มั่นคง นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบาดเจ็บเล็กน้อยที่อาจสะสมจนเป็นปัญหาสุขภาพใหญ่ในอนาคตได้
- กล้ามเนื้อมัดเล็กช่วยให้การเคลื่อนไหวของร่างกายมีประสิทธิภาพและแม่นยำมากขึ้น นำไปสู่ความมั่นใจในการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การเล่นกีฬา หรือการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นออกกำลังกายหรือผู้สูงอายุที่ต้องการรักษาความแข็งแรงของร่างกาย
- กล้ามเนื้อมัดเล็กที่แข็งแรงช่วยรองรับข้อต่อและลดแรงกระแทกที่อาจเกิดขึ้นเมื่อร่างกายเคลื่อนไหวผิดพลาด การออกกำลังกายเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อสุขภาพในระยะยาว ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บจากกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
▽ คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับบอดี้เวท
Q1: บอดี้เวทช่วยลดน้ำหนักได้เร็วแค่ไหน?
A1: จากประสบการณ์ลูกค้าของดิฉัน เห็นผลใน 4-6 สัปดาห์ หากทำควบคู่กับควบคุมอาหาร สามารถลดได้ 2-4 กก./เดือน อย่างปลอดภัย
Q2: ทำบอดี้เวทแล้วกล้ามใหญ่เกินไปไหม?
A2: ไม่ใหญ่เกินค่ะ เพราะมีข้อจำกัดจากน้ำหนักตัว กล้ามเนื้อจะกระชับ แข็งแรง แต่ไม่บวมใหญ่
Q3: ควรทำบอดี้เวทก่อนหรือหลังคาร์ดิโอ?
A3: ขึ้นกับเป้าหมาย หากต้องการเผาผลาญ ทำคาร์ดิโอก่อน หากเน้นสร้างกล้าม ทำบอดี้เวทก่อน
Q4: ทำบอดี้เวทแล้วต้องกินอาหารเสริมไหม?
A4: ไม่จำเป็นสำหรับผู้เริ่มต้น แต่ถ้าฝึกหนัก อาจเสริมโปรตีนเพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อ
Q5: เริ่มต้นทำบอดี้เวทควรทำกี่ครั้งต่อสัปดาห์?
A5: เริ่มที่ 3 ครั้ง/สัปดาห์ วันเว้นวัน เพื่อให้ร่างกายปรับตัว
Q6: บอดี้เวทเหมาะกับผู้สูงอายุไหม?
A6: เหมาะสมมาก เพราะใช้น้ำหนักตัวเอง ปรับระดับได้ ช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของกระดูก
Q7: จะรู้ได้อย่างไรว่าทำบอดี้เวทถูกต้อง?
A7: ต้องรู้สึกถึงการทำงานของกล้ามเนื้อเป้าหมาย ไม่มีอาการปวดข้อหรือหลัง และควรถ่ายวิดีโอตัวเองเพื่อเช็คท่าทาง
สรุป
การออกกำลังกายด้วยบอดี้เวท (Body Weight) หนึ่งในวิธีการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยม เพราะข้อดีของการออกกำลังกายด้วยวิธีนี้ คือการที่สามารถออกกำลังกายได้ทุกที่ ทุกเวลา และช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อได้ดีมาก แถมยังไม่ต้องไปใช้บริการฟิตเนส โดยที่เราสามารถออกกำลังกายได้เองที่บ้าน
อ้างอิงแหล่งข้อมูล- https://www.fitmesport.com/bodyweight-exercises-for-women/
- https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/body-weight