ติดต่อเจ้าหน้าที่
เครื่องออกกำลังกาย อุปกรณ์ออกกําลังกาย อุปกรณ์ฟิตเนส
view-th view-en
ตะกร้า 0 ตะกร้าสินค้า

BODYWEIGHT

อุปกรณ์บอดี้เวท ( Body Weight )

หากคุณกำลังมองหาอุปกรณ์ช่วยฝึก Body Weight ที่ช่วยพัฒนาร่างกายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ Homefittools มีให้คุณครบทุกอย่างในราคาสุดคุ้ม!


Best of ที่สุดของลู่วิ่ง

บาร์โหน (Pull-up Bar) หรือ บาร์ดึงข้อ เป็นอุปกรณ์ออกกำลังกายที่ใช้ในการฝึกกล้ามเนื้อส่วนบนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น กล้ามเนื้อหลัง กล้ามเนื้อแขน หรือกล้ามเนื้อไหล่ ใช้พื้นที่น้อย

เครื่องพิลาทิส เครื่องออกกำลังกายเสริมความแข็งแรง และความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ ปรับสมดุลของร่างกาย ลดความเครียดและสร้างความผ่อนคลายให้กับร่างกายและจิตใจ

เครื่องบริการหน้าท้อง อุปกรณ์สำหรับการฝึกกล้ามเนื้อหน้าท้อง ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อหน้าท้องส่วนบนหรือส่วนล่าง ก็สามารถสร้างกล้ามได้ง่ายๆ รวมถึงช่วยเสริมกล้ามเนื้อหลังและแขนได้อย่างครบครันในเครื่องเดียว

อุปกรณ์บอดี้เวท อุปกรณ์ออกกำลังกายสำหรับการฝึกโดยใช้แรงต้านจากน้ำหนักตัว ช่วยเสริมความแข็งแรงทดทานและความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อ สามารถฝึกได้ทุกที่ ทุกเวลา พกพาง่าย

อุปกรณ์โยคะ เสริมการออกกำลังกายให้มีประสิทธิภาพ ช่วยลดการบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย ช่วยให้สามารถฝึกท่าออกกำลังกายได้หลากหลายมากขึ้น



บาร์โหนติดประตู บาร์ดึงข้อ

ติดตั้งง่ายใช้พื้นที่น้อย สามารถออกกำลังกายเสริมความแข็งให้กล้ามเนื้อหลัง แขน และไหล่




เครื่องบริหารหน้าท้อง

อุปกรณ์ฝึกสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้อง เสริมความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อไหล่ หลัง และแขน




เครื่องพิลาทิส

อุปกรณ์ฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เสริมความยืดหยุ่นให้กับร่างกาย




อุปกรณ์โยคะ

เสริมประสิทธิภาพการออกกำลังกาย ลดและป้องกันการบาดเจ็บจากการฝึกซ่อม ช่วยให้สามารถออกกำลังกายในท่าที่หลากหลายมากขึ้น


Filter Products By
เงื่อนไขการซื้อสินค้า
หมวดหมู่
ราคา
สี
ดูในมุมมอง ตาราง รายการ

รายการ 1-36 ของ 54

ตั้งค่าเรียงจากมากไปน้อย
ต่อหน้า
หน้า
  1. Massage ball ลูกบอลนวด นวดคล้ายกล้ามเนื้อ บอลนวด
    ราคาพิเศษ ฿ 30.00 ราคาปรกติ ฿ 60.00
  2. บาร์โหนติดประตู ติดผนัง บาร์ดึงข้อ pull up bar รุ่น N3
    ระดับคะแนน:
    100%
    ราคาพิเศษ ฿ 690.00 ราคาปรกติ ฿ 1,380.00
  3. บาร์ออกกำลังกาย บาร์คู่ปรับระดับ Dip bar V3 พับเก็บได้ บาร์วิดพื้น Street bar
    ราคาพิเศษ ฿ 1,990.00 ราคาปรกติ ฿ 2,990.00
  4. ไวเปอร์ VIPR กระบองออกกำลังกาย อุปกรณ์ออกกำลังกาย ทรงกระบอก VIPR Fitness Tube
    ราคาพิเศษ ฿ 2,290.00 ราคาปรกติ ฿ 4,580.00
  5. Wall Mount Multi Grip บาร์โหนติดผนัง Pullup Bar ติดพนัง ที่โหนบาร์ติดผนัง
    ราคาพิเศษ ฿ 2,390.00 ราคาปรกติ ฿ 4,870.00
  6. เก้าอี้พิลาทิส Wunda Chair เก้าอี้วุนดา ช่วยยืดกล้ามเนื้อ ไม้โอ๊ค
    ระดับคะแนน:
    100%
    ราคาพิเศษ ฿ 13,900.00 ราคาปรกติ ฿ 23,900.00
  7. เก้าอี้พิลาทิส Wunda Chair เก้าอี้วุนดา ช่วยยืดกล้ามเนื้อ ไม้เมเปิ้ล
    ระดับคะแนน:
    100%
    ราคาพิเศษ ฿ 17,900.00 ราคาปรกติ ฿ 29,900.00
  8. พิลาทิส Pilates Cadillac ใช้สำหรับฝึกความยืดหยุ่น ความแข็งแรง การทรงตัว ไม้โอ๊ค
    ระดับคะแนน:
    100%
    ราคาพิเศษ ฿ 39,900.00 ราคาปรกติ ฿ 69,900.00
  9. อุปกรณ์พิลาทิส รีฟอร์มเมอร์ pilates reformer เครื่องพิลาทิสฝึกความยืดหยุ่น
    ระดับคะแนน:
    100%
    ราคาพิเศษ ฿ 49,000.00 ราคาปรกติ ฿ 89,900.00
  10. อุปกรณ์พิลาทิสรีฟอร์มเมอร์ Pilates Reformer Tower อุปกรณ์พิลาทิสฝึกความยืดหยุ่น
    ระดับคะแนน:
    100%
    ราคาพิเศษ ฿ 59,900.00 ราคาปรกติ ฿ 129,900.00
ดูในมุมมอง ตาราง รายการ

รายการ 1-36 ของ 54

ตั้งค่าเรียงจากมากไปน้อย
ต่อหน้า
หน้า

ขอบคุณลูกค้า ที่ไว้วางใจใช้บริการ HOMEFITTOOLS


ขอบคุณลูกค้าผู้มีชื่อเสียงของ Homefittools ขอบคุณลูกที่ทุกท่านที่ไว้วางใจ Homefittools

ภาพรีวิวจากฟิตเนสชื่อดัง RealGym

ภาพรีวิวอุปกรณ์บอดี้เวท เรียลยิม
ภาพรีวิวอุปกรณ์บอดี้เวท เรียลยิม 1
ภาพรีวิวอุปกรณ์บอดี้เวท เรียลยิม 01
ภาพรีวิวอุปกรณ์บอดี้เวท เรียลยิม 02
ภาพรีวิวอุปกรณ์บอดี้เวท เรียลยิม 03
ภาพรีวิวอุปกรณ์บอดี้เวท เรียลยิม 04

ภาพรีวิวจากลูกค้าที่ใช้งานจริง

ภาพรีวิวอุปกรณ์บอดี้เวท จากลูกค้า 01
ภาพรีวิวอุปกรณ์บอดี้เวท จากลูกค้า 02
ภาพรีวิวอุปกรณ์บอดี้เวท จากลูกค้า 03
ภาพรีวิวอุปกรณ์บอดี้เวท จากลูกค้า 04


ในฐานะโค้ชผู้มีประสบการณ์กว่า 20 ปีและแชมป์การแข่งขันระดับนานาชาติ ผมสามารถยืนยันได้ว่าบอดี้เวทเป็นวิธีออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพสูงสุดวิธีหนึ่ง บอดี้เวทใช้น้ำหนักตัวของคุณเองเป็นแรงต้านธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เพิ่มเติม ทำได้ทุกที่ทุกเวลา และปรับความหนักเบาได้ตามความเหมาะสม ทำให้เหมาะกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้เริ่มต้น ผู้สูงอายุ หรือนักกีฬามืออาชีพ

บอดี้เวท (Bodyweight Training) คือการออกกำลังกายที่ใช้น้ำหนักของร่างกายเองเป็นแรงต้าน โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม ทำให้สามารถฝึกได้ทุกที่ ไม่ว่าจะที่บ้าน สวนสาธารณะ หรือที่ทำงาน การออกกำลังกายแบบนี้ช่วยเพิ่มความแข็งแรง ความทนทาน และความยืดหยุ่นของร่างกาย

จากประสบการณ์ของผมที่ได้ฝึกสอนลูกค้ามากกว่าพันคน พบว่าการฝึกบอดี้เวทช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงของร่างกายผ่าน 3 กลไกหลัก:

  1. การฉีกขาดของกล้ามเนื้อระดับไมโคร – เมื่อร่างกายออกแรงต้าน กล้ามเนื้อจะเกิดการฉีกขาดเล็กๆ และซ่อมแซมตัวเองให้แข็งแรงขึ้น
  2. การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบประสาท – การควบคุมร่างกายในท่าต่างๆ ช่วยพัฒนาการสื่อสารระหว่างสมองและกล้ามเนื้อ
  3. การกระตุ้นฮอร์โมนเพิ่มกล้ามเนื้อ – การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการผลิต เทสโทสเตอโรน และ โกรทฮอร์โมน ที่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ


หลายคนสงสัยว่า บอดี้เวท กับ เวทเทรนนิ่ง (Weight Training) แตกต่างกันอย่างไร?

  • บอดี้เวท ใช้น้ำหนักตัวเองเป็นแรงต้าน ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงและปลอดภัยสำหรับข้อต่อ
  • เวทเทรนนิ่ง ใช้ดัมเบล บาร์เบล หรือเครื่องออกกำลังกายเพื่อเพิ่มแรงต้าน ซึ่งช่วยสร้างกล้ามเนื้อได้เร็วขึ้น

จากประสบการณ์การฝึกสอน ผมพบว่ามีข้อแตกต่างที่สำคัญเพิ่มเติม:

  1. การฟื้นตัว – บอดี้เวทช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้เร็วกว่า เพราะแรงกระแทกต่อข้อต่อน้อย
  2. ความเสี่ยงในการบาดเจ็บ – บอดี้เวทปลอดภัยกว่าเพราะสามารถปรับระดับความยากของท่าได้ง่าย
  3. พัฒนาการสมดุลร่างกาย – ท่าบอดี้เวท เช่น Plank หรือ Single-Leg Squat ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อมัดเล็กที่ช่วยควบคุมการทรงตัว


คำตอบ คือ เหมาะกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้เริ่มต้นออกกำลังกาย นักกีฬา หรือผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพ เพราะสามารถปรับระดับความหนักเบาได้ตามความเหมาะสมของแต่ละคน ผู้สูงอายุก็สามารถทำ บอดี้เวท ได้ โดยเลือกท่าที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย

1.ผู้เริ่มต้นออกกำลังกาย

  • บอดี้เวทเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน
  • สามารถเริ่มจากท่าง่ายๆ และค่อยๆ เพิ่มความซับซ้อนได้ตามความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้น
  • ช่วยเรียนรู้การเคลื่อนไหวพื้นฐาน เช่น การสควอต การแพลงค์ และการวิดพื้น
  • ลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บจากการฝึกผิดท่าได้

2.ผู้ที่มีเวลาจำกัด

  • เหมาะสำหรับคนที่มีตารางชีวิตแน่น เพราะบอดี้เวทสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา
  • ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยิมหรือใช้อุปกรณ์เพิ่มเติม
  • สามารถปรับเปลี่ยนท่าออกกำลังกายให้เหมาะสมกับพื้นที่ได้
  • ทำโปรแกรมออกกำลังกายสั้นๆ ในเวลาเพียง 15-20 นาทีก็ได้เช่นกัน

3.ผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย

  • ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพง
  • สามารถเริ่มต้นได้ทันทีในพื้นที่เล็กๆ เช่น บ้านหรือที่พัก บอดี้เวท เป็นวิธีที่สะดวกในการรักษาความฟิตแม้อยู่ต่างที่
  • ท่าง่ายๆ เช่น การแพลงก์ วิดพื้น และสควอต การบอดี้เวทช่วยเพิ่มความแข็งแรงและเผาผลาญพลังงานได้ดี

4.นักเดินทาง

  • สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางบ่อย เพราะการออกกำลังกายแบบบอดี้เวทนั้นไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอุปกรณ์หรือสถานที่เฉพาะ
  • ท่าง่ายๆ เช่น การแพลงค์ในห้องพักโรงแรม หรือวิดพื้นในสวนสาธารณะ ช่วยรักษาความฟิตได้

5.ผู้สูงอายุ

  • สามารถปรับโปรแกรมบอดี้เวทให้เหมาะกับความสามารถและข้อจำกัดของผู้สูงอายุ
  • ท่าง่ายๆ เช่น ท่านั่งลุกบนเก้าอี้ หรือท่ายืดกล้ามเนื้อหลัง ช่วยรักษาความยืดหยุ่นและความแข็งแรง
  • ลดความเสี่ยงการหกล้มและเพิ่มความแข็งแรงให้แก่กล้ามเนื้อ

6.ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน

  • บอดี้เวทเป็นวิธีที่ปลอดภัย เพราะควบคุมแรงกระแทกที่เกิดกับข้อต่อได้
  • ท่าออกกำลังกายอย่างเช่น การยืดกล้ามเนื้อหรือการแพลงค์ ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจจะบาดเจ็บที่หัวเข่าและข้อเท้า
  • เหมาะสำหรับเริ่มต้นออกกำลังกายได้โดยไม่ต้องกลัวการบาดเจ็บ

7.นักกีฬา

  • ใช้บอดี้เวทเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกซ้อมเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความทนทาน
  • ท่าเช่น Pull-up หรือ Plyometric Exercises ช่วยเพิ่มพลังและความเร็วในกีฬาเฉพาะทาง
  • พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กที่ไม่ค่อยได้ใช้งานในโปรแกรมออกกำลังกายอื่น

8.ผู้ที่กำลังฟื้นฟูร่างกาย

  • เหมาะสำหรับผู้ที่ฟื้นฟูจากการบาดเจ็บ เพราะปรับให้เหมาะกับข้อจำกัดทางร่างกายได้
  • ท่าเบาๆ เช่น การยืดกล้ามเนื้อ หรือการนั่งย่อตัว ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ
  • เหมาะสำหรับฟื้นฟูระบบกล้ามเนื้อและข้อต่อ

9.ผู้ที่ชอบความท้าทาย

  • บอดี้เวทมีท่าขั้นสูงมากมายที่ต้องใช้ความแข็งแรงและการควบคุมร่างกาย เช่น One-arm Push-up หรือ Pistol Squat
  • สามารถปรับเปลี่ยนท่าเพื่อเพิ่มความยากและความท้าทายได้เรื่อยๆ

10.ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ

  • แม้ไม่ใช้น้ำหนักภายนอก แต่บอดี้เวทช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ท่าที่ต้องใช้ความพยายามสูง เช่น Pull-up, Plank Variations หรือ Handstand Push-up
  • ปรับจำนวนครั้งและความหนักเบาเพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงตามเป้าหมาย

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในกลุ่มไหน บอดี้เวท ก็สามารถปรับให้เหมาะกับเป้าหมายและความสามารถของคุณได้ ซึ่งนี่คือหนึ่งในข้อดีที่ทำให้ บอดี้เวท เป็นรูปแบบการออกกำลังกายที่เหมาะกับทุกคนจริงๆ



บอดี้เวท เป็นการออกกำลังกายที่ยืดหยุ่นและปรับให้เหมาะกับทุกคนได้ คำถามที่หลายคนสงสัยคือ ต้องทำทุกวันไหม และควรทำนานแค่ไหน โดย บอดี้เวท ไม่จำเป็นต้องทำทุกวัน การฝึก 3-4 วันต่อสัปดาห์ก็เพียงพอแล้ว โดยควรมีวันพักสลับกับวันฝึก เพื่อให้กล้ามเนื้อได้พักฟื้นและเติบโต การฝึกทุกวันอาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บหรือเหนื่อยล้าเกินไปได้ สำหรับผู้เริ่มต้น อาจเริ่มจาก 2-3 วันต่อสัปดาห์ก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามความแข็งแรงของร่างกาย

 

ส่วนเรื่องระยะเวลา สำหรับผู้เริ่มต้น การฝึก 15-20 นาทีต่อวันก็เพียงพอ เมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้น สามารถเพิ่มเวลาเป็น 30-45 นาทีต่อวันได้ สิ่งสำคัญคือการทำอย่างสม่ำเสมอและค่อยๆ เพิ่มความหนักขึ้นเรื่อยๆ

การแบ่งการฝึกก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้การทำ บอดี้เวท มีประสิทธิภาพ คุณอาจเลือกฝึกทุกส่วนของร่างกายในวันเดียว หรือแบ่งเป็นส่วนๆ เช่น วันหนึ่งฝึกขา อีกวันฝึกแขน และอีกวันฝึกแกนกลางร่างกาย การพักก็สำคัญไม่แพ้การฝึก ควรพักระหว่างเซ็ตประมาณ 30 วินาที ถึง 2 นาที และมีวันพักอย่างน้อย 1-2 วันต่อสัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟู เมื่อร่างกายเริ่มชิน คุณสามารถเพิ่มความท้าทายได้โดยเพิ่มจำนวนครั้งหรือเซ็ต ลดเวลาพักระหว่างเซ็ต หรือเพิ่มความซับซ้อนของท่า



ความถี่ในการออกกำลังกายที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับระดับของแต่ละคน
โดยโค้ชปูแน่นจะจำแนกเป็นดังนี้

มือใหม่ (0-3 เดือน)

  • 3 วันต่อสัปดาห์ วันเว้นวัน
  • 20-30 นาทีต่อครั้ง
  • เน้นท่าพื้นฐาน ฝึกฟอร์ม

ระดับกลาง (3-12 เดือน)

  • 4-5 วันต่อสัปดาห์
  • 30-45 นาทีต่อครั้ง
  • เพิ่มท่าที่ซับซ้อนขึ้น

ระดับสูง (1 ปีขึ้นไป)

  • 5-6 วันต่อสัปดาห์
  • 45-60 นาทีต่อครั้ง
  • ผสมผสานท่ายาก เพิ่มความเข้มข้น


บอดี้เวท มีท่าออกกำลังกายมากมายที่สามารถทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม นี่คือ 5 ท่าพื้นฐานที่แนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น

1.สควอท (Squats)

ท่านี้ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับขาและสะโพก วิธีทำคือยืนแยกเท้าเท่าความกว้างของไหล่ ย่อตัวลงเหมือนนั่งเก้าอี้ โดยให้หลังตรงและเข่าไม่เลยปลายเท้า จากนั้นยืดตัวขึ้นกลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ 10-15 ครั้งต่อเซ็ต

2.วิดพื้น (Push-ups)

ท่านี้ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหน้าอก แขน และไหล่ เริ่มจากท่านอนคว่ำ มือวางห่างกันเท่าความกว้างของไหล่ ใช้แขนดันตัวขึ้น โดยให้ร่างกายเป็นแนวตรง แล้วลดตัวลงช้าๆ ทำซ้ำ 5-10 ครั้งต่อเซ็ต หากยังทำไม่ไหว สามารถทำแบบเข่าแตะพื้นได้

3.เพลงก์ (Planks)

ท่านี้ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับแกนกลางลำตัว เริ่มจากท่านอนคว่ำ ยกตัวขึ้นโดยใช้ปลายเท้าและแขนท่อนล่างรับน้ำหนัก ให้ร่างกายเป็นแนวตรง พยายามค้างไว้ 20-30 วินาที ทำ 2-3 เซ็ต

4.ลันจ์ (Lunges)

 ท่านี้ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับขาและสะโพก รวมถึงช่วยพัฒนาการทรงตัว ยืนตรง ก้าวขาข้างหนึ่งไปด้านหน้า ย่อตัวลงให้เข่าทั้งสองข้างงอเป็นมุมฉาก แล้วดันตัวกลับสู่ท่าเริ่มต้น สลับขาทำอีกข้าง ทำข้างละ 5-10 ครั้งต่อเซ็ต

5.เมาน์เทนไคลม์เบอร์ (Mountain Climbers)

 ท่านี้ช่วยเผาผลาญไขมันและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับแกนกลางลำตัว เริ่มจากท่าวิดพื้น แล้วยกเข่าขวาขึ้นมาชิดอก สลับกลับไปที่เดิม แล้วยกเข่าซ้ายขึ้นมาแทน ทำสลับกันเร็วๆ เหมือนกำลังวิ่งอยู่กับที่ ทำต่อเนื่อง 30 วินาที พัก แล้วทำซ้ำ 2-3 เซ็ต

เมื่อเริ่มต้น ให้ทำแต่ละท่า 2-3 เซ็ต โดยพักระหว่างเซ็ตประมาณ 30-60 วินาที เมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้น สามารถเพิ่มจำนวนครั้งหรือเซ็ต หรือลดเวลาพักลงได้

การทำ บอดี้เวท อย่างสม่ำเสมอด้วยท่าเหล่านี้ จะช่วยให้คุณเห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างชัดเจน ทั้งในแง่ของความแข็งแรง ความทนทาน และรูปร่างที่กระชับขึ้น นอกจากนี้ การฝึก บอดี้เวท ยังช่วยพัฒนาการทรงตัวและความมั่นคงของร่างกาย เนื่องจากต้องควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายในหลายมิติ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในชีวิตประจำวันและช่วยป้องกันการบาดเจ็บได้



การหายใจที่ถูกต้อง

  • หายใจเข้าช่วงผ่อนแรง
  • หายใจออกช่วงออกแรง
  • ไม่กลั้นหายใจระหว่างทำท่า

การจัดท่าทาง

  • กดสะโพกเข้าหาลำตัวทุกท่า
  • รักษาแนวกระดูกสันหลัง
  • เกร็งหน้าท้องตลอดการเคลื่อนไหว


สำหรับผู้ที่มีปัญหาข้อเข่า

  • ย่อสควอทแค่ 45 องศา
  • เพิ่มการทำท่าวอล์คซิท
  • หลีกเลี่ยงจั้มพ์สควอท

สำหรับผู้มีปัญหาหลัง

  • เริ่มพลังก์จากท่าคุกเข่า
  • ลดระยะเวลาการค้างท่า
  • เน้นการทำท่าที่นอนราบ


ก่อนเริ่ม

  • วอร์มอัพ 5-10 นาทีด้วยท่าง่ายๆ
  • ยืดเหยียดแบบไดนามิก
  • จิบน้ำ 200-300 มล.

ระหว่างทำ

  • พักระหว่างเซ็ต 30-60 วินาที
  • หายใจสม่ำเสมอ
  • สังเกตสัญญาณเหนื่อยล้า

หลังจบ

  • คูลดาวน์ 5-10 นาที
  • ยืดเหยียดแบบสถิต
  • ดื่มน้ำทดแทน 500 มล.


ก่อนออกกำลัง 1-2 ชั่วโมง

  • คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
  • โปรตีนย่อยง่าย
  • หลีกเลี่ยงไขมัน

หลังออกกำลังทันที

  • โปรตีนคุณภาพสูง 20-30 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรตฟื้นฟู
  • เกลือแร่ทดแทน

Tips: สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นฝึก บอดี้เวท ควรเริ่มจากท่าพื้นฐานและค่อยๆ เพิ่มความซับซ้อนของท่าทาง รวมถึงจำนวนครั้งและเซ็ตในการฝึก การอบอุ่นร่างกายก่อนฝึกและการยืดกล้ามเนื้อหลังฝึกเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ



การทำ บอดี้เวท ช่วยเสริมสร้างร่างกายในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น

  • เพิ่มความแข็งแรงของกระดูกและกล้ามเนื้อ ปรับปรุงการทรงตัวและความยืดหยุ่น อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บและการหกล้ม ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากโดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ
  • ในด้านสุขภาพหัวใจและการเผาผลาญ บอดี้เวท ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้สามารถควบคุมน้ำหนักและเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวานและโรคหัวใจ
  • ส่งผลดีต่อสุขภาพจิตและการนอนหลับ โดยช่วยลดความเครียด อาการซึมเศร้า และความวิตกกังวล เพิ่มความมั่นใจและความรู้สึกดีต่อตัวเอง รวมถึงปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับให้ดีขึ้น
  • การทำ บอดี้เวท ยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายสามารถต้านทานโรคได้ดีขึ้น และยังปรับปรุงการทำงานของสมอง ช่วยเพิ่มความจำและการเรียนรู้อีกด้วย
  • การทำ บอดี้เวท อย่างสม่ำเสมอช่วยพัฒนาสุขภาพโดยรวม ทั้งร่างกายและจิตใจ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้เริ่มต้นและผู้สูงอายุ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บต่ำ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มโปรแกรมการออกกำลังกายใหม่ โดยเฉพาะหากมีโรคประจำตัว
  • เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดเล็กช่วยเพิ่มสมรรถภาพในการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การหยิบจับสิ่งของหรือการทรงตัวในพื้นที่ไม่มั่นคง นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบาดเจ็บเล็กน้อยที่อาจสะสมจนเป็นปัญหาสุขภาพใหญ่ในอนาคตได้
  • กล้ามเนื้อมัดเล็กช่วยให้การเคลื่อนไหวของร่างกายมีประสิทธิภาพและแม่นยำมากขึ้น นำไปสู่ความมั่นใจในการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การเล่นกีฬา หรือการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นออกกำลังกายหรือผู้สูงอายุที่ต้องการรักษาความแข็งแรงของร่างกาย
  • กล้ามเนื้อมัดเล็กที่แข็งแรงช่วยรองรับข้อต่อและลดแรงกระแทกที่อาจเกิดขึ้นเมื่อร่างกายเคลื่อนไหวผิดพลาด การออกกำลังกายเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อสุขภาพในระยะยาว ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บจากกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ


Q1: บอดี้เวทช่วยลดน้ำหนักได้เร็วแค่ไหน?
A1: จากประสบการณ์ลูกค้าของดิฉัน เห็นผลใน 4-6 สัปดาห์ หากทำควบคู่กับควบคุมอาหาร สามารถลดได้ 2-4 กก./เดือน อย่างปลอดภัย

Q2: ทำบอดี้เวทแล้วกล้ามใหญ่เกินไปไหม?
A2: ไม่ใหญ่เกินค่ะ เพราะมีข้อจำกัดจากน้ำหนักตัว กล้ามเนื้อจะกระชับ แข็งแรง แต่ไม่บวมใหญ่

Q3: ควรทำบอดี้เวทก่อนหรือหลังคาร์ดิโอ?
A3: ขึ้นกับเป้าหมาย หากต้องการเผาผลาญ ทำคาร์ดิโอก่อน หากเน้นสร้างกล้าม ทำบอดี้เวทก่อน

Q4: ทำบอดี้เวทแล้วต้องกินอาหารเสริมไหม?
A4: ไม่จำเป็นสำหรับผู้เริ่มต้น แต่ถ้าฝึกหนัก อาจเสริมโปรตีนเพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อ

Q5: เริ่มต้นทำบอดี้เวทควรทำกี่ครั้งต่อสัปดาห์?
A5: เริ่มที่ 3 ครั้ง/สัปดาห์ วันเว้นวัน เพื่อให้ร่างกายปรับตัว

Q6: บอดี้เวทเหมาะกับผู้สูงอายุไหม?
A6: เหมาะสมมาก เพราะใช้น้ำหนักตัวเอง ปรับระดับได้ ช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของกระดูก

Q7: จะรู้ได้อย่างไรว่าทำบอดี้เวทถูกต้อง?
A7: ต้องรู้สึกถึงการทำงานของกล้ามเนื้อเป้าหมาย ไม่มีอาการปวดข้อหรือหลัง และควรถ่ายวิดีโอตัวเองเพื่อเช็คท่าทาง



สรุป

การออกกำลังกายด้วยบอดี้เวท (Body Weight) หนึ่งในวิธีการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยม เพราะข้อดีของการออกกำลังกายด้วยวิธีนี้ คือการที่สามารถออกกำลังกายได้ทุกที่ ทุกเวลา และช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อได้ดีมาก แถมยังไม่ต้องไปใช้บริการฟิตเนส โดยที่เราสามารถออกกำลังกายได้เองที่บ้าน

อ้างอิงแหล่งข้อมูล
  • https://www.fitmesport.com/bodyweight-exercises-for-women/
  • https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/body-weight