เวทเทรนนิ่งสำหรับผู้หญิง พร้อมคู่มือฝึกกล้ามเนื้อแบบครบทุกส่วน
ในฐานะ Personal Trainer ที่ได้รับการรับรองจาก ACE ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของวงการเวทเทรนนิ่งมาอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่หันมาสนใจการเล่นเวทเพิ่มขึ้น การสร้างกล้ามเนื้ออย่างถูกวิธีไม่เพียงช่วยพัฒนารูปร่าง แต่ยังเสริมสร้างสุขภาพที่ดีในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ความกังวลเรื่องกล้ามใหญ่เกินไปเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น เพราะด้วยธรรมชาติของฮอร์โมนในร่างกายผู้หญิง การสร้างกล้ามเนื้อจะเน้นความกระชับ เฟิร์ม และสมส่วนมากกว่าการมีกล้ามใหญ่โต
บทความนี้จะรวบรวมความรู้ทั้งหมดที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับเวทเทรนนิ่งสำหรับผู้หญิง ทั้งการเลือกอุปกรณ์ ท่าฝึก และโภชนาการที่เหมาะสม โดยอ้างอิงจากประสบการณ์การดูแลผู้หญิงกว่าพันคนให้ประสบความสำเร็จในการพัฒนารูปร่าง
สารบัญเนื้อหา
การเลือกน้ำหนักและอุปกรณ์สำหรับผู้หญิง
การเริ่มต้นเล่นเวทอย่างถูกวิธีเริ่มจากการเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยสร้างพื้นฐานที่ดีและลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ ผมจะแนะนำการเลือกน้ำหนักและอุปกรณ์ที่เหมาะสำหรับผู้หญิงเริ่มต้น
การเลือกดัมเบลและน้ำหนักเริ่มต้นที่เหมาะสม
จากประสบการณ์ดูแลนักกีฬาหญิงในการแข่งขันระดับนานาชาติ ผมพบว่าการเลือกน้ำหนักที่เหมาะสมคือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ สำหรับ ผู้หญิงใช้ดัมเบลระดับเริ่มต้น จากการฝึกฟอร์มให้ถูกต้องก่อน โดยเริ่มจากน้ำหนักเบาประมาณ 2-4 กิโลกรัมสำหรับท่าฝึกแขนและไหล่ และ 4-6 กิโลกรัมสำหรับท่าฝึกขาและหลัง ตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา การเริ่มต้นเบาๆ จะช่วยให้กล้ามเนื้อปรับตัวและลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ
การเลือกน้ำหนักนี้ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงอย่างเหมาะสม แต่ยังลดโอกาสเกิดการบาดเจ็บ โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ที่พึ่งเริ่มออกกำลังกาย ที่ยังปรับตัวกับการฝึก คำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา คือการเริ่มฝึกจากน้ำหนักเบา และค่อยๆ เพิ่มความหนักในแต่ละเซสชัน เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัวและพัฒนากล้ามเนื้ออย่างมั่นคงในระยะยาวจะดีกว่าครับ
อุปกรณ์เวทเทรนนิ่งพื้นฐานสำหรับฝึกที่บ้าน
การฝึก เวทเทรนนิ่งที่บ้าน ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพง จากการดูแลลูกค้าที่ฝึกที่บ้านมากว่า 500 คน ผมพบว่าดัมเบลปรับน้ำหนักได้หนึ่งคู่ เสื่อโยคะคุณภาพดี และยางยืดแรงต้านระดับกลางก็เพียงพอสำหรับการเริ่มต้น สิ่งสำคัญคือการใช้อุปกรณ์ที่มีอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ
อุปกรณ์ออกกำลังกายที่เกี่ยวข้องกับบทความนี้
Rubber Fix Dumbbell ดัมเบลยาง ดัมเบลฟิกน้ำหนัก | Homefittools
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไปราคาต่ำสุด ฿ 300.00อุปกรณ์เสริมดัมเบล ข้อต่อดัมเบล ขนาด 30 cm
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไป฿ 300.00ดัมเบล ดัมเบลยกน้ำหนัก ดัมเบลผู้หญิง ผิว Neoprene (ผิวหยาบ) - Homefittools
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไปราคาพิเศษ ฿ 60.00 ราคาปรกติ ฿ 120.00Kettlebell เคตเทิลเบล ดัมเบลหูหิ้ว ดัมเบลลูกตุ้มปรับน้ำหนัก - Homefittools
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไปราคาต่ำสุด ฿ 240.00เคตเทิลเบล Kettlebell Soft หนังนิ่ม ดัมเบลหูหิ้ว ที่ยกน้ำหนัก เวทยกน้ำหนัก
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไปราคาพิเศษ ฿ 350.00 ราคาปรกติ ฿ 530.00อุปกรณ์เสริมดัมเบล ข้อต่อดัมเบล ขนาด 60 cm
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไปราคาพิเศษ ฿ 400.00 ราคาปรกติ ฿ 690.00ดัมเบลปรับน้ำหนัก ดัมเบลผู้หญิง ดัมเบลออกกำลังกาย รุ่น Gdx - Homefittools
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไปราคาต่ำสุด ฿ 490.00ดัมเบลยาง ดัมเบลหุ้มยาง ดัมเบลฟิตเนส (Rubber Dumbbells) - Homefittools
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไปราคาพิเศษ ฿ 600.00 ราคาปรกติ ฿ 5,990.00อุปกรณ์เสริมดัมเบล อุปกรณ์เสริมแปลงดัมเบลเป็น Kettlebell ด้ามจับ Kettlebell - Homefittools
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไปราคาพิเศษ ฿ 650.00 ราคาปรกติ ฿ 1,300.00เครื่องออกกำลังกาย ดัมเบล Dumbbell 20P ดัมเบลพลาสติก ดัมเบลปรับน้ำหนัก 20 Kg. ไม่มีกล่อง แถมฟรีข้อต่อ
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไประดับคะแนน:100%ราคาพิเศษ ฿ 790.00 ราคาปรกติ ฿ 1,590.00ดัมเบลหูหิ้ว ดัมเบลลูกตุ้มปรับน้ำหนัก Kettlebell รุ่น Her Healthy ปรับน้ำหนัก 4 ระดับ 2.2/3.6/4/5.4 กิโลกรัม | Homefittools
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไปดัมเบล 5 Kg ดัมเบลผู้หญิงปรับน้ำหนักได้ รุ่น GX-5 - Homefittools
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไปราคาต่ำสุด ฿ 990.00ดัมเบล 10 Kg Dumbbell ดัมเบลปรับน้ำหนัก
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไปราคาพิเศษ ฿ 990.00 ราคาปรกติ ฿ 3,990.00ดัมเบล Dumbbell ดัมเบลปรับน้ำหนัก 15 Kg. ไม่มีกล่อง แถมฟรีข้อต่อ ถุงมือ
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไปราคาพิเศษ ฿ 1,290.00 ราคาปรกติ ฿ 2,990.00Dumbbell ดัมเบล ดัมเบลปรับน้ำหนัก 20 Kg. มีกล่อง แถมฟรีข้อต่อ 30 ซม.
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไปราคาพิเศษ ฿ 1,590.00 ราคาปรกติ ฿ 1,790.00ดัมเบล 20 Kg Dumbbell ดัมเบลปรับน้ำหนัก คุณภาพดี
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไปราคาพิเศษ ฿ 1,590.00 ราคาปรกติ ฿ 2,100.00ดัมเบล Dumbbell ดัมเบลปรับน้ำหนัก สีดำ 20 Kg. มีกล่องแถมฟรีข้อต่อ
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไปราคาพิเศษ ฿ 1,590.00 ราคาปรกติ ฿ 2,890.00ดัมเบล Dumbbell 40P ดัมเบลพลาสติก ดัมเบลปรับน้ำหนัก 40 Kg.ไม่มีกล่อง แถมฟรีข้อต่อ
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไประดับคะแนน:100%ราคาพิเศษ ฿ 1,590.00 ราคาปรกติ ฿ 3,780.00ดัมเบลปรับน้ำหนัก ชุดดัมเบล Dumbbell 30 Kg.มีกล่องแถมฟรีข้อต่อ
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไปราคาพิเศษ ฿ 2,390.00 ราคาปรกติ ฿ 5,990.00ดัมเบล Dumbbell ดัมเบลปรับน้ำหนัก 35 Kg. ไม่มีกล่อง แถมฟรีข้อต่อ ถุงมือ
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไปราคาพิเศษ ฿ 2,690.00 ราคาปรกติ ฿ 5,990.00ดัมเบลปรับน้ำหนัก รุ่น HFT ราคาถูก แถมถุงมือหนาพิเศษ - Homefittools
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไปราคาพิเศษ ฿ 2,990.00 ราคาปรกติ ฿ 12,000.00ดัมเบล Dumbbell ดัมเบลปรับน้ำหนัก 40 Kg. ไม่มีกล่อง แถมฟรีข้อต่อ ถุงมือ
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไปราคาพิเศษ ฿ 2,990.00 ราคาปรกติ ฿ 5,990.00ดัมเบล Dumbbell ดัมเบลปรับน้ำหนัก 50 Kg.มีกล่อง แถมฟรีถุงมือ
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไปราคาพิเศษ ฿ 3,990.00 ราคาปรกติ ฿ 6,990.00ดัมเบล Dumbbell ดัมเบลปรับน้ำหนัก รุ่น H20 ชุดดัมเบล ขนาด 20 Kg.| Homefittools
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไปราคาพิเศษ ฿ 4,990.00 ราคาปรกติ ฿ 9,980.00ดัมเบล Dumbbell ดัมเบลปรับน้ำหนัก ชุดดัมเบล รุ่น H32 ขนาด 32 Kg. | Homefittools
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไปราคาพิเศษ ฿ 6,490.00 ราคาปรกติ ฿ 12,980.00
การเลือกใช้เครื่องเล่นในฟิตเนส
การฝึก เวทเทรนนิ่ง ในยิมอาจดูน่ากลัวสำหรับมือใหม่ แต่จากประสบการณ์การเป็น CEO ของ Real Gym ผมพบว่าเครื่อง Smith Machine เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับ ผู้หญิงเล่นเวท เพราะช่วยควบคุมทิศทางการเคลื่อนไหวได้ดี ตามด้วย Cable Machine ที่ช่วยฝึกการทรงตัวและความแข็งแรง รวมถึง Leg Press ที่ช่วยพัฒนากล้ามขาอย่างปลอดภัย การเลือกใช้เครื่องเล่นอย่างเหมาะสมจะช่วยสร้าง กล้ามเนื้อ และความแข็งแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เริ่มต้นเล่นเวทเทรนนิ่งอย่างถูกวิธี
ความสำเร็จในการเล่นเวทเริ่มต้นจากพื้นฐานที่ถูกต้อง ในฐานะ Certified Fitness Trainer ที่ดูแลนักกีฬาทั้งมือใหม่และมืออาชีพ ผมขอแนะนำการเริ่มต้นที่เหมาะสมสำหรับผู้หญิงเล่นเวท
การวอร์มอัพและการฝึกท่าพื้นฐาน
การวอร์มอัพเป็นสิ่งสำคัญที่ผมมักเน้นย้ำกับนักกีฬาทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้เริ่มต้นหรือระดับมืออาชีพ เพราะช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บได้ถึง 68% ตามการศึกษาจาก Journal of Strength and Conditioning Research การเตรียมร่างกายก่อนออกกำลังกายเป็นมากกว่าการทำให้ร่างกายอบอุ่น แต่ยังช่วยปรับระบบการไหลเวียนโลหิตและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อและข้อต่ออีกด้วย
เริ่มต้นด้วยการ ยืดเหยียดกล้ามเนื้อแบบไดนามิก (Dynamic Stretching) เป็นเวลา 5-10 นาที เช่น การแกว่งขา การหมุนข้อไหล่ และการเดินย่ำสลับเข่า การเคลื่อนไหวเหล่านี้ไม่เพียงช่วยเตรียมความพร้อมของกล้ามเนื้อ แต่ยังกระตุ้นระบบประสาทและเพิ่มความยืดหยุ่นในส่วนสำคัญของร่างกาย เช่น สะโพก ข้อเท้า และหัวไหล่
หลังจากนั้นควรฝึก การเคลื่อนไหวพื้นฐานก่อนยกน้ำหนัก เช่น ท่าสควอท (Bodyweight Squat) หรือการดันพื้น (Push-Up) ซึ่งช่วยสร้างความสมดุลและเสริมความมั่นคงให้แกนกลางลำตัว ท่าพื้นฐานเหล่านี้ไม่ได้แค่เตรียมร่างกายสำหรับการออกกำลังกายที่เข้มข้นขึ้น แต่ยังช่วยปรับปรุงท่าทางและเทคนิค เพื่อให้การฝึกในระดับที่สูงขึ้นมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
สิ่งสำคัญคือการทำทุกขั้นตอนอย่างต่อเนื่องและใส่ใจ หากรู้สึกตึงเกินไปหรือไม่สบายตัวในช่วงการวอร์มอัพ ควรปรับการเคลื่อนไหวให้เหมาะสมและหลีกเลี่ยงการฝืน เพราะการเริ่มต้นด้วยร่างกายที่พร้อม จะช่วยให้การฝึกเป็นไปอย่างราบรื่นและลดความเสี่ยงจากอาการบาดเจ็บได้ในระยะยาว
การหายใจและจังหวะในการเล่น
การหายใจที่ถูกต้องเป็นหัวใจสำคัญของการเล่นเวทเทรนนิ่ง ซึ่งอาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่จริง ๆ แล้วมีผลกระทบอย่างมากต่อประสิทธิภาพการฝึก จากการศึกษาของ Journal of Applied Physiology การหายใจที่สอดคล้องกับจังหวะการฝึกสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการเล่นกล้ามได้มากถึง 30% โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องใช้น้ำหนักมากหรือท่าที่ซับซ้อน
หลักการง่าย ๆ คือ หายใจเข้าช่วงเตรียมตัว และ หายใจออกเมื่อออกแรง ตัวอย่างเช่น ในการยกดัมเบลท่า Bench Press คุณควรหายใจเข้าลึก ๆ เมื่อดัมเบลลดลงมา และหายใจออกอย่างช้า ๆ เมื่อคุณดันน้ำหนักขึ้น การควบคุมการหายใจในลักษณะนี้จะช่วยเสริมแรงและลดความดันในช่องอก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันอาการบาดเจ็บจากการเล่นเวท
นอกจากนี้ การใช้เทคนิค "Diaphragmatic Breathing" หรือการหายใจด้วยกระบังลม ยังช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนในเลือด และช่วยเสริมความมั่นคงให้กับแกนกลางลำตัว ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งในท่าที่ต้องใช้การทรงตัว เช่น Deadlift หรือ Squat การฝึกหายใจให้เป็นจังหวะไม่เพียงช่วยเพิ่มพลังและความทนทาน แต่ยังทำให้คุณมีสมาธิและควบคุมการเคลื่อนไหวได้ดียิ่งขึ้น
การฝึกหายใจอย่างถูกต้องอาจต้องใช้เวลาในการปรับตัว แต่หากทำจนเคยชิน คุณจะรู้สึกถึงความแตกต่างในความแข็งแรงและสมรรถภาพของร่างกาย อีกทั้งยังช่วยป้องกันความเหนื่อยล้าจากการฝึกหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ระยะเวลาและความถี่ที่เหมาะสม
สำหรับผู้หญิงที่เริ่มต้นการออกกำลังกายด้วยเวทเทรนนิ่ง การกำหนดระยะเวลาและความถี่ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพโดยไม่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บ งานวิจัยล่าสุดจาก American College of Sports Medicine (ACSM) ชี้ให้เห็นว่าการออกกำลังกาย 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 45-60 นาที เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการพัฒนากล้ามเนื้อและการฟื้นฟูร่างกาย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่เริ่มต้น
เหตุผลที่การออกกำลังกาย 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์เหมาะสมสำหรับมือใหม่ เพราะร่างกายยังต้องการเวลาในการปรับตัวและซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่อาจถูกใช้งานหนักเป็นครั้งแรก การฝึกที่ถี่เกินไปอาจทำให้เกิดอาการล้าเรื้อรังหรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ นอกจากนี้ การพักฟื้นที่เพียงพอจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของกล้ามเนื้อผ่านกระบวนการ Protein Synthesis ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อใหม่
สำหรับแต่ละครั้งของการออกกำลังกาย คุณสามารถแบ่งเวลาเป็น 10-15 นาทีแรกสำหรับการวอร์มอัพและเตรียมกล้ามเนื้อ ตามด้วยการฝึกท่าหลักประมาณ 30-40 นาที และปิดท้ายด้วยการยืดเหยียดหรือคูลดาวน์อีก 5-10 นาที วิธีนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการฝึก แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับร่างกายอีกด้วย
ที่สำคัญ ผู้เริ่มต้นควรหลีกเลี่ยงการฝึกหนักติดต่อกันหลายวัน เพราะกล้ามเนื้อและระบบประสาทจำเป็นต้องพักผ่อนเพื่อฟื้นฟู หากจัดตารางเวลาอย่างสมดุล คุณจะสามารถเพิ่มความแข็งแรงและรูปร่างที่ดีขึ้นได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการบาดเจ็บหรือการใช้พลังงานเกินความจำเป็น
14 ท่าเวทเทรนนิ่งที่เหมาะสำหรับผู้หญิง ครบทุกส่วนแบบ Full Body
จากประสบการณ์ดูแลผู้หญิงเล่นเวทมากกว่า 1,000 คน ผมพบว่าการเริ่มต้นด้วยท่าพื้นฐานที่ถูกต้องคือกุญแจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการสร้างกล้ามเนื้ออย่างสมดุล
ท่าออกกำลังกายช่วงบน ที่เหมาะสำหรับผู้หญิง
1. ท่า Dumbbell Press
วิธีการทำท่า Dumbbell Press
- เริ่มต้นด้วยการนอนราบบนม้านั่งยกน้ำหนัก โดยถือดัมเบลไว้ในแต่ละมือ วางดัมเบลให้ขนานกับพื้นในระดับหน้าอก
- ดันดัมเบลขึ้นไปจนแขนยืดตรง โดยให้ดัมเบลทั้งสองข้างอยู่ใกล้กันเล็กน้อย แต่ไม่ต้องสัมผัส
- ค่อยๆ ลดดัมเบลลงกลับมาที่ตำแหน่งเริ่มต้นโดยให้ข้อศอกอยู่ใต้ระดับหัวไหล่
- ทำซ้ำตามจำนวนครั้งที่กำหนด โดยคงความนิ่งของลำตัวและโฟกัสที่กล้ามเนื้อหน้าอกและไหล่
จำนวนครั้ง และ เซ็ท
เริ่มต้นที่ 3 เซ็ท เซ็ทละ 10-12 ครั้ง สำหรับผู้หญิงที่เพิ่งเริ่มต้นสามารถเพิ่มจำนวนเซ็ทและน้ำหนักดัมเบลได้ตามความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้น
เคล็ดลับของ Dumbbell Press
การรักษาแนวหลังให้ชิดกับม้านั่งและการหายใจที่เหมาะสมมีความสำคัญมาก หายใจเข้าขณะลดดัมเบลลง และหายใจออกขณะดันดัมเบลขึ้น นอกจากนี้ ควรเลือกน้ำหนักที่ทำให้รู้สึกท้าทายแต่ยังควบคุมการเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นคง
2. ท่า Bent-Over Row
วิธีการทำท่า Bent-Over Row
- ยืนแยกเท้ากว้างเท่ากับหัวไหล่ ถือดัมเบลไว้ในแต่ละมือโดยให้แขนห้อยตรงแนวพื้น
- โน้มตัวไปข้างหน้าประมาณ 45 องศา โดยให้หลังตรงและหัวเข่าเล็กน้อย
- ดึงดัมเบลขึ้นมาจนใกล้ระดับหน้าอก โดยให้ข้อศอกชี้ไปด้านหลัง
- ค่อยๆ ปล่อยดัมเบลลงกลับไปที่ตำแหน่งเริ่มต้น ทำซ้ำตามจำนวนครั้งที่กำหนด
จำนวนครั้ง และ เซ็ท
แนะนำให้เริ่มต้นที่ 3 เซ็ท เซ็ทละ 10-12 ครั้ง โดยสามารถเพิ่มน้ำหนักหรือจำนวนครั้งได้ตามความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้น
เคล็ดลับของท่า Bent-Over Row
การรักษาแนวหลังให้ตรงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ อย่าโยกตัวระหว่างการดึงดัมเบล และควรโฟกัสที่การเกร็งกล้ามเนื้อหลังเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด หายใจเข้าขณะลดดัมเบล และหายใจออกขณะดึงดัมเบลขึ้น
3. ท่า Dumbbell Lateral Raise
วิธีการทำท่า Dumbbell Lateral Raise
- ยืนตรง แยกเท้ากว้างเท่ากับหัวไหล่ ถือดัมเบลไว้ในแต่ละมือ โดยให้แขนห้อยลงข้างลำตัว
- ยกดัมเบลขึ้นด้านข้างจนถึงระดับไหล่ โดยข้อศอกควรงอเล็กน้อยเพื่อรักษาความมั่นคง
- ค่อยๆ ลดดัมเบลลงกลับมาที่ตำแหน่งเริ่มต้นอย่างช้าๆ และควบคุมการเคลื่อนไหว
- ทำซ้ำตามจำนวนครั้งที่กำหนด
จำนวนครั้ง และ เซ็ท
เริ่มต้นที่ 3 เซ็ท เซ็ทละ 10-12 ครั้ง และเพิ่มจำนวนครั้งหรือเซ็ทตามความแข็งแรง
เคล็ดลับของท่า Dumbbell Lateral Raise
ให้เน้นการใช้กล้ามเนื้อไหล่ (Deltoids) เป็นหลัก โดยไม่ต้องแกว่งตัวหรือใช้แรงจากลำตัวส่วนล่าง ควรหายใจเข้าเมื่อยกดัมเบลขึ้น และหายใจออกเมื่อปล่อยลง
4. ท่า Tricep Kickback
วิธีการทำท่า Tricep Kickback
- ยืนแยกเท้ากว้างเท่ากับหัวไหล่ โน้มตัวไปข้างหน้าประมาณ 45 องศา และถือดัมเบลไว้ในมือแต่ละข้าง
- งอข้อศอกจนดัมเบลอยู่ใกล้ระดับเอว โดยให้แขนท่อนบนแนบกับลำตัว
- ยืดแขนออกไปด้านหลังจนแขนเหยียดตรง พร้อมกับเกร็งกล้ามเนื้อท่อนหลังแขน (Triceps)
- ค่อยๆ ลดแขนกลับมาที่ตำแหน่งเริ่มต้น และทำซ้ำตามจำนวนครั้งที่กำหนด
จำนวนครั้ง และ เซ็ท
แนะนำให้เริ่มต้นที่ 3 เซ็ท เซ็ทละ 12-15 ครั้ง
เคล็ดลับของท่า Tricep Kickback
ให้เน้นการเกร็งกล้ามเนื้อท่อนหลังแขนขณะยืดแขนออกไป และหลีกเลี่ยงการใช้แรงเหวี่ยงจากลำตัว รักษาหลังให้ตรงเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ
5.Push-Up (แบบ Modified)
วิธีการทำท่า Push-Up
- วางเข่าบนพื้นและมือทั้งสองข้างกว้างกว่าหัวไหล่เล็กน้อย โดยให้ลำตัวอยู่ในแนวเส้นตรงตั้งแต่ศีรษะถึงสะโพก
- ค่อยๆ ลดตัวลงจนหน้าอกเกือบแตะพื้น โดยงอข้อศอกไปด้านข้าง
- ดันตัวกลับขึ้นสู่ตำแหน่งเริ่มต้น โดยใช้กล้ามเนื้อหน้าอกและแขน
- ทำซ้ำตามจำนวนครั้งที่กำหนด
จำนวนครั้ง และ เซ็ท
เริ่มต้นที่ 3 เซ็ท เซ็ทละ 10-15 ครั้ง
เคล็ดลับของ Push-Up (แบบ Modified)
สำหรับผู้หญิงที่เริ่มต้น ให้เลือกท่าดัดแปลงโดยวางเข่าบนพื้นเพื่อลดแรงกด ควรโฟกัสที่การรักษาแนวลำตัวให้ตรงและการเกร็งกล้ามเนื้อหน้าอกและแขนขณะดันตัวขึ้น
ท่าออกกำลังกายช่วงล่าง ที่เหมาะสำหรับผู้หญิง
งานวิจัยด้านกายวิภาคศาสตร์ชี้ว่าผู้หญิงมีความแข็งแรงของขาตามธรรมชาติมากกว่าช่วงบน โดยเฉพาะการกระชับต้นขาและสะโพก ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของผู้หญิงที่เล่นเวทส่วนใหญ่
6.ท่า Squats
วิธีการทำท่า Squats
- ยืนแยกเท้ากว้างเท่าช่วงไหล่ โดยปลายเท้าชี้ออกเล็กน้อย
- ยกหน้าอกขึ้น เกร็งกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว และมองตรงไปข้างหน้า
- ค่อยๆ ย่อตัวลงเหมือนกำลังจะนั่งบนเก้าอี้ โดยให้เข่าไม่เลยปลายเท้า
- ดันตัวกลับขึ้นมายืนตรงโดยใช้กล้ามเนื้อขาและสะโพก พร้อมหายใจออก
- ทำซ้ำตามจำนวนครั้งที่กำหนด
จำนวนครั้ง และ เซ็ท
เริ่มต้นที่ 3 เซ็ท เซ็ทละ 10-15 ครั้ง
เคล็ดลับของท่า Squats
รักษาแนวกระดูกสันหลังให้ตรง และเน้นน้ำหนักตัวลงที่ส้นเท้าเสมอ เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บบริเวณเข่าและหลัง
7.ท่า Lunges
วิธีการทำท่า Lunges
- ยืนตรง แยกเท้าออกเล็กน้อย และก้าวเท้าข้างหนึ่งไปข้างหน้า
- ย่อตัวลงจนเข่าข้างหน้าทำมุม 90 องศา และเข่าข้างหลังเกือบแตะพื้น
- ดันตัวกลับขึ้นมาที่ท่าเริ่มต้นด้วยกล้ามเนื้อขาและสะโพก
- สลับขาและทำซ้ำตามจำนวนครั้งที่กำหนด
จำนวนครั้ง และ เซ็ท
เริ่มต้นที่ 3 เซ็ท เซ็ทละ 10-12 ครั้งต่อขา
เคล็ดลับของท่า Lunges
ให้แน่ใจว่าหัวเข่าข้างหน้าอยู่ในแนวเดียวกับข้อเท้า และหลีกเลี่ยงการก้าวยาวเกินไปเพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บที่เข่า
8.ท่า Hip Bridge
วิธีการทำท่า Hip Bridge
- นอนหงาย ชันเข่าขึ้นโดยให้เท้าวางราบกับพื้น และแขนวางข้างลำตัว
- ดันสะโพกขึ้นโดยใช้กล้ามเนื้อสะโพกและขา จนลำตัวตั้งแต่ไหล่ถึงเข่าเป็นเส้นตรง
- ค้างไว้ 2-3 วินาที และค่อยๆ ลดสะโพกลงกลับสู่ตำแหน่งเริ่มต้น
- ทำซ้ำตามจำนวนครั้งที่กำหนด
จำนวนครั้ง และ เซ็ท
เริ่มต้นที่ 3 เซ็ท เซ็ทละ 12-15 ครั้ง
เคล็ดลับของท่า Hip Bridge
เน้นการเกร็งกล้ามเนื้อสะโพกขณะดันตัวขึ้น และรักษาความมั่นคงของลำตัว เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บที่หลังส่วนล่าง
9.Side Plank with Reach Through
วิธีการทำ
- เริ่มต้นในท่า Side Plank โดยวางศอกลงที่พื้นและลำตัวอยู่ในแนวตรง
- ใช้มือข้างที่ไม่ได้วางบนพื้นยื่นเข้ามาใต้ลำตัว และบิดตัวเล็กน้อย
- ดึงแขนกลับมาและยืดตรงขึ้นไปเหนือศีรษะ
- ทำซ้ำตามจำนวนครั้งที่กำหนด แล้วสลับข้าง
จำนวนครั้ง และ เซ็ท
แนะนำ 3 เซ็ท เซ็ทละ 8-10 ครั้งต่อข้าง
เคล็ดลับของท่า Side Plank with Reach Through
โฟกัสที่การเกร็งกล้ามเนื้อแกนกลาง และหลีกเลี่ยงการบิดตัวเกินขอบเขตที่รู้สึกสบาย เพื่อลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บ
ท่าออกกำลังกายช่วงกลาง ที่เหมาะสำหรับผู้หญิง
แกนกลางร่างกายที่แข็งแรงช่วยป้องกันการบาดเจ็บและปรับปรุงท่าทางในชีวิตประจำวัน
10.ท่าเล่นท้อง ท่า Plank
วิธีการทำ ท่าPlank
- เริ่มต้นในท่าคว่ำหน้า วางข้อศอกทั้งสองข้างบนพื้น โดยให้ข้อศอกอยู่ใต้หัวไหล่
- ยืดขาไปข้างหลังให้ตรง และวางปลายเท้าบนพื้นเพื่อรองรับน้ำหนักตัว
- เกร็งกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว และรักษาลำตัวให้อยู่ในแนวตรงจากหัวถึงส้นเท้า
- ค้างไว้ในท่านี้ตามระยะเวลาที่กำหนด โดยไม่ให้สะโพกหย่อนหรือยกสูงเกินไป
จำนวนครั้ง และ เซ็ท
เริ่มต้นที่ 3 เซ็ท ค้างไว้เซ็ทละ 20-30 วินาที และเพิ่มระยะเวลาตามความแข็งแรง
เคล็ดลับของท่า Plank
รักษาลำตัวให้นิ่ง เกร็งกล้ามเนื้อแกนกลางและสะโพก เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บที่หลังส่วนล่าง หายใจเข้า-ออกลึกๆ เพื่อรักษาความมั่นคงของร่างกาย
11.ท่า Dead Bug
วิธีการทำท่า Dead Bug
- นอนหงาย วางแขนยืดตรงชี้ขึ้นฟ้า และยกขาขึ้นให้เข่างอทำมุม 90 องศา
- ค่อยๆ ลดแขนข้างหนึ่งไปด้านหลังและเหยียดขาตรงข้างที่ตรงกันข้ามลงไปใกล้พื้น แต่ไม่แตะพื้น
- ดึงแขนและขากลับมาที่ตำแหน่งเริ่มต้น และทำซ้ำกับแขนและขาอีกข้าง
- ทำสลับไปมาจนครบจำนวนครั้งที่กำหนด
จำนวนครั้ง และ เซ็ท
แนะนำ 3 เซ็ท เซ็ทละ 10-12 ครั้งต่อข้าง
เคล็ดลับของท่า Dead Bug
โฟกัสที่การเกร็งกล้ามเนื้อแกนกลางและหลีกเลี่ยงการยกหลังส่วนล่างออกจากพื้น เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บ หายใจออกเมื่อลดแขนและขาลง และหายใจเข้าขณะดึงกลับ
12.ท่า Bird Dog
วิธีการทำท่า Bird Dog
- เริ่มต้นในท่า Tabletop โดยวางมือและเข่าบนพื้น มืออยู่ใต้หัวไหล่ และเข่าอยู่ใต้สะโพก
- ยืดแขนข้างหนึ่งไปข้างหน้าและขาตรงกันข้ามไปข้างหลัง จนลำตัวอยู่ในแนวเส้นตรง
- ค้างไว้ 2-3 วินาที จากนั้นดึงกลับมาที่ตำแหน่งเริ่มต้น
- ทำสลับข้างและซ้ำตามจำนวนครั้งที่กำหนด
จำนวนครั้ง และ เซ็ท
เริ่มต้นที่ 3 เซ็ท เซ็ทละ 8-10 ครั้งต่อข้าง
เคล็ดลับของท่า Bird Dog
รักษาลำตัวให้นิ่งในขณะที่เคลื่อนไหวแขนและขา เพื่อพัฒนาความมั่นคงของกล้ามเนื้อแกนกลาง
13.ท่า Side Plank
วิธีการทำท่า Side Plank
- เริ่มต้นในท่านอนตะแคง วางข้อศอกข้างหนึ่งบนพื้น และให้ไหล่อยู่เหนือข้อศอก
- ยืดขาให้ตรง และใช้ปลายเท้าดันน้ำหนักตัวขึ้น โดยลำตัวอยู่ในแนวเส้นตรง
- ค้างไว้ในท่านี้ 20-30 วินาที จากนั้นเปลี่ยนข้าง
- ทำซ้ำทั้งสองข้างตามจำนวนครั้งที่กำหนด
จำนวนครั้ง และ เซ็ท
เริ่มต้นที่ 3 เซ็ท เซ็ทละ 20-30 วินาทีต่อข้าง
เคล็ดลับของท่า Side Plank
โฟกัสที่การเกร็งกล้ามเนื้อแกนกลาง และหลีกเลี่ยงการหย่อนสะโพก หายใจเข้า-ออกลึกๆ เพื่อช่วยเพิ่มสมดุลในท่า
14.ท่า Russian Twist
วิธีการทำท่า Russian Twist
- นั่งบนพื้น ชันเข่าขึ้นและยกเท้าขึ้นเล็กน้อย ให้ลำตัวทำมุมประมาณ 45 องศา
- ถือดัมเบลหรือลูกบอลไว้ในมือ และบิดลำตัวไปทางขวา โดยให้ดัมเบลแตะพื้นข้างตัว
- บิดกลับมาตรงกลาง และบิดไปทางซ้ายในลักษณะเดียวกัน
- ทำสลับไปมาจนครบจำนวนครั้งที่กำหนด
จำนวนครั้ง และ เซ็ท
แนะนำ 3 เซ็ท เซ็ทละ 10-12 ครั้งต่อข้าง
เคล็ดลับของท่า Russian Twist
เกร็งกล้ามเนื้อแกนกลางตลอดเวลา และรักษาความสมดุลของลำตัว หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่เร็วเกินไปเพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บ
ตารางเวทเทรนนิ่งสำหรับการพัฒนาอย่างเป็นระบบ
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเวทเทรนนิ่งและลดน้ำหนัก ผมได้ออกแบบโปรแกรมเฉพาะสำหรับผู้หญิง ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ เผาผลาญไขมัน และปรับรูปร่างให้กระชับ
โปรแกรมสำหรับผู้หญิงมือใหม่
ตารางออกกำลังกาย 3 วันต่อสัปดาห์ (เวลา 45 นาที/วัน)
วัน |
กลุ่มกล้ามเนื้อ |
ท่าออกกำลังกาย |
เซต x ครั้ง |
พักระหว่างเซต |
จันทร์ |
แกนกลาง (Core) |
Russian Twist |
3 x 15 |
45 วินาที |
Side Plank |
3 x 30 วินาที |
45 วินาที |
||
Bird Dog |
3 x 12/ข้าง |
45 วินาที |
||
ขา |
Hip Bridge |
3 x 15 |
60 วินาที |
|
Lunges |
3 x 12/ข้าง |
60 วินาที |
||
Squats |
3 x 15 |
60 วินาที |
||
พุธ |
หลังและอก |
Push-Up |
3 x 10 |
60 วินาที |
Bent-Over Row |
3 x 12 |
60 วินาที |
||
Dumbbell Press |
3 x 12 |
60 วินาที |
||
ไหล่และแขน |
Tricep Kickback |
3 x 15 |
45 วินาที |
|
Dumbbell Lateral Raise |
3 x 12 |
45 วินาที |
||
ศุกร์ |
แกนกลาง (Core) |
Dead Bug |
3 x 12 |
45 วินาที |
Plank |
3 x 30 วินาที |
45 วินาที |
||
Side Plank with Reach Through |
3 x 10/ข้าง |
45 วินาที |
||
Full Body |
ท่าที่ชอบจากวันจันทร์และพุธ |
3 x 12-15 |
60 วินาที |
การพักและฟื้นฟู
ควรพักระหว่างเซต 45-60 วินาที และพักระหว่างท่า 1-2 นาที การศึกษาพบว่าผู้หญิงต้องการเวลาฟื้นตัวมากกว่าผู้ชาย 20% เพื่อให้กล้ามเนื้อได้ซ่อมแซมตัวเองอย่างสมบูรณ์
การเพิ่มความหนัก
เมื่อทำได้ 12-15 ครั้งต่อเซตอย่างง่ายดาย ให้เพิ่มน้ำหนัก 1-2 กิโลกรัมทุก 2-3 สัปดาห์ เป็นอัตราที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้หญิงเล่นกล้าม ช่วยลดความเสี่ยงการบาดเจ็บและสร้างความมั่นใจ
โภชนาการที่เหมาะสมสำหรับผู้หญิงเล่นเวท
ในฐานะ Certified Nutrition Specialist การสร้างกล้ามเนื้อไม่ได้เกิดขึ้นในยิม แต่เกิดในครัว อาหารคือกุญแจสำคัญสู่การพัฒนาร่างกายที่ยั่งยืน
การคำนวณแคลอรี่และโปรตีน
สูตรคำนวณง่ายๆ สำหรับผู้หญิงที่เล่นเวท
น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ต้องการโปรตีน 1.6-2.0 กรัม จากข้อมูลทางการแพทย์ พบว่าผู้หญิงที่ได้รับโปรตีนเพียงพอมีอัตราการพัฒนากล้ามเนื้อเร็วกว่าถึง 40%
มื้ออาหารก่อนและหลังเล่น
การจัดมื้ออาหารที่เหมาะสมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสร้างกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะมื้อก่อนเล่น 2 ชั่วโมงควรมีคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนที่ย่อยง่าย และหลังเล่นภายใน 30 นาทีควรได้รับโปรตีนคุณภาพสูง ผมเห็นผลชัดเจนจากลูกค้าที่ทำตามแผนโภชนาการนี้
แหล่งโปรตีนคุณภาพสูง
จากงานวิจัยด้านโภชนาการ แหล่งโปรตีนที่ดีที่สุดสำหรับผู้หญิงไม่จำเป็นต้องพึ่งเวย์โปรตีนเสมอไป อกไก่ ไข่ขาว ปลา และถั่วต่างๆ ให้โปรตีนคุณภาพดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวม หากทานอาหารครบ 5 มื้อ โอกาสขาดโปรตีนแทบเป็นศูนย์
เล่นกล้ามไม่ได้อยู่ที่การยกน้ำหนักหนักอย่างเดียว แต่อยู่ที่เทคนิคการฝึกที่ถูกต้อง
การจัดการกับรอบเดือน
ช่วงฮอร์โมนที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงของรอบเดือนส่งผลต่อการเล่นเวทเทรนนิ่ง วันที่ 7-14 ของรอบเดือนเป็นช่วงที่ร่างกายแข็งแรงที่สุด เหมาะกับการเพิ่มน้ำหนักหรือความเข้มข้นของการฝึก
ส่วนช่วงมีประจำเดือน ควรลดความหนักลง 20-30%
การป้องกันการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้น
การป้องกันการบาดเจ็บสำคัญมากสำหรับการเล่นเวท ผู้หญิงมีแนวโน้มเกิดการบาดเจ็บที่หัวเข่าและไหล่มากกว่าผู้ชาย การเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อต่อและการรักษาท่าทางที่ถูกต้องช่วยลดความเสี่ยงได้ถึง 80%
มีเพื่อนออกกำลังกาย ย่อมดีกว่า
จากสถิติในฟิตเนสของผม ผู้หญิงที่มีเพื่อนร่วมฝึกมีโอกาสฝึกต่อเนื่องมากกว่า 70% การตั้งเป้าหมายระยะสั้นที่ชัดเจนและการบันทึกความก้าวหน้าช่วยสร้างแรงจูงใจในการสร้างกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่อง
บทสรุปการเล่นเวทเทรนนิ่งสำหรับผู้หญิง
ตลอดระยะเวลากว่า 13 ปีในวงการฟิตเนส ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งของผู้หญิงที่เล่นเวทอย่างถูกวิธี การสร้างกล้ามเนื้อไม่ใช่เรื่องของผู้ชายเท่านั้น กุญแจสำคัญอยู่ที่ความเข้าใจและการฝึกฝนอย่างถูกต้อง
ประโยชน์ระยะยาว
การเล่นเวทไม่เพียงช่วยสร้างรูปร่างที่สวยงาม แต่ยังช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก ลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน และเพิ่มการเผาผลาญ จากการติดตามผลลูกค้าผู้หญิงกว่า 1,000 คน พบว่าการเล่นเวทเทรนนิ่งอย่างสม่ำเสมอช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตในระยะยาว
ก้าวต่อไปของคุณ
ผมขอย้ำว่าทุกคนมีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกัน แต่ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้ เริ่มจากการเรียนรู้ท่าพื้นฐาน ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ และให้ความสำคัญกับการพักผ่อนและโภชนาการที่เหมาะสม การเล่นกล้ามไม่ใช่การแข่งขันความเร็ว แต่เป็นการเดินทางระยะยาวสู่สุขภาพที่ดีขึ้น
หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเล่นเวท สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือเทรนเนอร์ที่ได้รับการรับรองเพื่อสร้างโปรแกรมที่เหมาะกับคุณโดยเฉพาะ
บทความนี้เขียนโดย...
โค้ชปูแน่น (ปู จักรินทร์ บุญลาภ)
เป็น CEO และที่ปรึกษาด้านการพัฒนาทีมเทรนเนอร์ในฟิตเนสของตัวเองที่ Real Gym ซาฟารีเวิลด์ รวมถึงแบรนด์อาหารเสริม และที่ปรึกษาด้าน Training Quality ให้กับทีมเทรนเนอร์ของ Sport club และฟิตเนสชั้นนำ
โปรไฟล์โค้ชปูแน่น
บทความทั้งหมด
โทร Call
หมวดหมู่สินค้าทั้งหมด
เลือกหมวดหมู่เครื่องออกกำลังกายที่คุณต้องการ
Powered by Mirasvit Magento 2 Extensions
-
เพิ่มไขมันดี (HDL) เพื่อสุขภาพหัวใจที่แข็งแรง เทคนิคและ 20 อาหารที่แนะนำ
-
คาร์โบไฮเดรต พลังงานสำคัญสำหรับนักออกกำลังกาย และนักกล้าม
-
15 ประโยชน์ของการวิ่ง ลงทุนสุขภาพง่ายๆ ด้วยการวิ่ง
-
อาหารหลังออกกำลังกาย ฟื้นฟูกล้ามเนื้อ เสริมพลัง สร้างผลลัพธ์ที่ดี
-
เคล็ดลับออกกำลังกายช่วงมีประจำเดือน - ฟิต หุ่นสวย คลายปวด ด้วยวิธีง่ายๆ