เครื่องออกกำลังกาย อุปกรณ์ออกกําลังกาย อุปกรณ์ฟิตเนส
view-th view-en
ตะกร้า 0 ตะกร้าสินค้า

เทคนิคการวิ่งบน ลู่วิ่งไฟฟ้า เพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญ

เทคนิคการวิ่งบน ลู่วิ่งไฟฟ้า เพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญ

ลู่วิ่งไฟฟ้า เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ออกกำลังกายยอดนิยมที่ช่วยให้เราสามารถวิ่งได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพอากาศ นอกจากจะช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายแล้วลู่วิ่งไฟฟ้า ยังเป็นตัวช่วยสำคัญในการลดน้ำหนักและเผาผลาญไขมันส่วนเกิน หากรู้จักใช้ลู่วิ่งไฟฟ้าอย่างถูกวิธี วันนี้เรามีเทคนิคการวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญมาฝาก ซึ่งจะช่วยให้การวิ่งของคุณไม่สูญเปล่า แต่ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าแน่นอน

1. อบอุ่นร่างกายก่อนวิ่ง

ก่อนเริ่มวิ่งบน ลู่วิ่งไฟฟ้า ทุกครั้ง อย่าลืมอบอุ่นร่างกายด้วยการเดินเร็วหรือวิ่งเหยาะๆ ประมาณ 5-10 นาที เพื่อเตรียมความพร้อมของหัวใจ ปอด และกล้ามเนื้อ การอบอุ่นร่างกายที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บ เพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ และทำให้เราวิ่งได้นานขึ้นโดยไม่เหนื่อยง่าย

การวอร์มร่างกาย ก่อนวิ่งบน ลู่วิ่งไฟฟ้า

2. เพิ่มความเร็วและความชันอย่างค่อยเป็นค่อยไป

หลังจากอบอุ่นร่างกายด้วยการวิ่งม้าเหยาะแล้ว ให้ค่อยๆ เพิ่มความเร็วและความชันของลู่วิ่งไฟฟ้าขึ้นเรื่อยๆ ควรเริ่มต้นที่ความเร็ว 5-6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนถึงระดับที่ทำให้เราเหนื่อยปานกลาง โดยยังสามารถพูดเป็นประโยคได้ ไม่หอบจนเกินไป ในทำนองเดียวกัน ความชันของ ลู่วิ่งไฟฟ้า ก็ควรค่อยๆ เพิ่มจาก 0% ไปจนถึง 1-2% ซึ่งจะช่วยเพิ่มการทำงานของกล้ามเนื้อและเผาผลาญได้ดีขึ้น โดยไม่ทำให้ข้อต่อเข่าต้องรับน้ำหนักมากจนเกินไป

ค่อยๆ เพิ่มระดับ ลู่วิ่งไฟฟ้า

3. ใช้โปรแกรมวิ่งแบบหนักสลับเบา

วิธีการวิ่งที่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้ดีคือ การวิ่งแบบหนักสลับเบา หรือที่เรียกว่า Interval Training ยกตัวอย่างเช่น วิ่งเร็วที่ความเร็ว 9-10 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นเวลา 1 นาที แล้วเปลี่ยนมาวิ่งช้าที่ความเร็ว 6 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นเวลา 2 นาที วนสลับกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ ตลอดการวิ่ง 20-30 นาที การวิ่งแบบหนักสลับเบาจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญแคลอรี่ได้สูงกว่าการวิ่งที่ความเร็วคงที่ถึง 2-3 เท่า อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความอึดและความเร็วในระยะยาวอีกด้วย

ลู่วิ่งไฟฟ้า ใช้โปรแกรมวิ่งแบบหนักสลับเบา

4. ฝึกวิ่งขึ้นเนิน

การวิ่งบน ลู่วิ่งไฟฟ้า ที่ปรับความชันให้สูงขึ้น จะช่วยจำลองการวิ่งขึ้นเนินหรือตะกายเขา ซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่ท้าทายและเผาผลาญได้อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณกล้ามเนื้อก้น ต้นขา และหน้าท้อง แนะนำให้ค่อยๆ ปรับความชันขึ้นทีละ 1-2% เมื่อคุณเริ่มคุ้นเคยและไม่เหนื่อยหอบมากเกินไป ควรวิ่งขึ้นเนินเป็นระยะสั้นๆ 5-10 นาที แล้วสลับกับการวิ่งบนพื้นราบ เพื่อไม่ให้ข้อเข่าและเอ็นรับน้ำหนักมากจนเกินไป

5. ใช้ท่าวิ่งที่ถูกต้อง

ท่าทางการวิ่งบน ลู่วิ่งไฟฟ้า ที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่บาดเจ็บ และเผาผลาญได้เต็มที่ ควรวางเท้าให้หันตรงไปข้างหน้า สูบฝ่าเท้าให้มีแรงและรวดเร็ว กางศอกให้งอ 90 องศา แกว่งแขนไปมาตามจังหวะการวิ่ง ผ่อนคลายบ่าและไหล่ สายตามองตรงไปข้างหน้าประมาณ 10-15 ฟุต ไม่ก้มหน้าหรือเงยหน้ามากจนเกินไป ปรับความยาวก้าวให้พอดี ไม่สั้นหรือยาวเกินจนรู้สึกฝืน ใช้ลู่วิ่งไฟฟ้าตัวเป็นตัวช่วยพยุงตัว อย่าจับราวเหล็กด้วยน้ำหนักมากเกินไป เพราะจะทำให้ท่าทางผิดไปและลดแรงต้านในการวิ่ง

ลู่วิ่งไฟฟ้า ควรใช้ท่าวิ่งที่ถูกต้อง

6. กำหนดเป้าหมายในการวิ่ง

การวิ่งโดยไร้เป้าหมายจะทำให้ขาดแรงจูงใจ และมักจะวิ่งได้ไม่นาน การกำหนดเป้าหมายในการวิ่งบน ลู่วิ่งไฟฟ้า จะช่วยให้คุณมีกำลังใจและความมุ่งมั่นที่จะวิ่งให้ได้ตามที่ตั้งใจไว้ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งให้ได้ระยะทาง 3-5 กิโลเมตร การวิ่งให้ได้ 30-45 นาที การเผาผลาญแคลอรี่ให้ได้ 300-500 กิโลแคลอรี่ หรือการวิ่งให้เร็วขึ้นกว่าเดิม 0.5-1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อวิ่งได้ตามเป้าหมายแล้ว ก็ควรตั้งเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายมากขึ้น เพื่อให้ตัวเองมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ

7. จัดตารางการวิ่งอย่างสม่ำเสมอ

การวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้าเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ระบบเผาผลาญของคุณทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ลดไขมันส่วนเกิน และควบคุมน้ำหนักในระยะยาวได้ดี ควรจัดสรรเวลาวิ่งให้ได้อย่างน้อย 3-4 วันต่อสัปดาห์ วันละ 30-45 นาที สามารถแบ่งเป็นช่วงสั้นๆ 2 ครั้งต่อวันก็ได้ เช่น ตอนเช้าและตอนเย็น ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคน แต่ควรเว้นระยะห่างของการวิ่งแต่ละครั้งไม่เกิน 2 วัน เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูและสร้างกล้ามเนื้อ

จัดตารางการวิ่ง ลู่วิ่งไฟฟ้า

สรุป

การวิ่งบน ลู่วิ่งไฟฟ้า เป็นการออกกำลังกายที่ได้ผลดีต่อสุขภาพโดยรวม ทั้งระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบเผาผลาญ และระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ หากรู้จักใช้ลู่วิ่งไฟฟ้าอย่างถูกวิธี คุณจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญแคลอรี่ กำจัดไขมันส่วนเกิน กระชับสัดส่วน และมีร่างกายที่แข็งแรงและกระปรี้กระเปร่า อย่างไรก็ตาม ควรเริ่มต้นการวิ่งอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพิ่มความหนักอย่างช้าๆ และรับฟังสัญญาณจากร่างกาย