15 ท่าเล่นดัมเบลสร้างกล้ามทั่วร่างกาย ฟิตหุ่นเฟิร์ม แบบ Full Body
สวัสดีครับ “ผมโค้ชปูแน่น” ในฐานะเทรนเนอร์ฟิตเนสที่มีประสบการณ์สอนมากว่า 13 ปีและได้รับใบรับรอง ACE Certified Personal Trainer ผมพบว่าการออกกำลังกายด้วยดัมเบลที่บ้านกำลังเป็นเทรนด์ที่มาแรงมากครับ วารสาร Sports Medicine พบว่า การออกกำลังกายด้วยดัมเบลที่บ้านสร้างกล้ามเนื้อได้เทียบเท่าการเล่นที่ฟิตเนส และจากการศึกษาด้านจิตวิทยาการออกกำลังกายพบว่ามีอัตราความสม่ำเสมอในการฝึกสูงกว่าถึง 26% เลยทีเดียวครับ
ตลอดระยะเวลาที่ผมฝึกนักกีฬาที่ Real Gym จนได้แชมป์หลายรายการ ผมพบว่าการออกกำลังกายด้วยดัมเบลแบบ Full Body เป็นวิธีการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับคนที่มีเวลาจำกัดครับ ในบทความนี้ ผมจะแชร์เทคนิคการเลือกท่าออกกำลังกายและวิธีเลือกน้ำหนักดัมเบลที่เหมาะสม พร้อมคำแนะนำจากประสบการณ์จริงที่จะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดครับ
สารบัญเนื้อหา
- วิธีเลือกน้ำหนักดัมเบล
- อุปกรณ์ที่ควรมีในออกกำลังกายด้วยดัมเบล
- แนะนำ 8 ท่าเล่นดัมเบล สำหรับผู้หญิง
- แนะนำ 7 ท่าเล่นดัมเบล สำหรับผู้ชาย
- บทสรุป
วิธีเลือกน้ำหนักดัมเบล เลือกดัมเบลอย่างไรให้เหมาะสม แนะนำโดยโค้ชผู้เชี่ยวชาญ
ในฐานะโค้ชที่มีประสบการณ์มากว่า 13 ปี ผมพบว่าการเลือกน้ำหนักดัมเบลให้เหมาะสมเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการออกกำลังกาย ดัมเบลช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ สร้างความสมดุลให้กับร่างกาย ได้ทั้งความแข็งแรง และรูปร่างที่สมส่วนมากขึ้น
1. พิจารณางบประมาณในการซื้อดัมเบล
เนื่องจากดัมเบลมีหลายขนาดและหลายน้ำหนักให้เลือก หากต้องการสร้างกล้ามเนื้อ ควรเลือกดัมเบลแบบปรับน้ำหนักได้ แต่ถ้าเป็นนักออกกำลังกายมือใหม่ อาจเริ่มจากดัมเบลน้ำหนักเบาๆ ที่ยกได้สบาย หรือลงทุนซื้อดัมเบลแบบครบเซ็ตเพื่อใช้งานระยะยาวก็ได้เช่นกันครับ
2. เลือกน้ำหนักดัมเบลที่เหมาะสม
จากประสบการณ์การสอน ผมอยากแนะนำให้เริ่มจากน้ำหนักที่ยกได้ 12-15 ครั้งโดยไม่ฝืน เช่น ถ้ายกดัมเบล 4 กิโลกรัมแล้วรู้สึกหนักเกินไป อาจจะลดลงเหลือ 2-3 กิโลกรัม ซึ่งช่วยเพิ่มความสบายในขณะที่ยกดัมเบล และทำให้ผู้ออกกำลังกายสามารถโฟกัสให้ท่านั้นออกมาดูสวยงาม และถูกส่วนกล้ามเนื้อที่เราต้องการจะเล่น
3. ประเมินความแข็งแรงของตนเองอย่างถูกวิธี
แน่นอนว่าคนเราเกิดมามีความแข็งแรงไม่เท่ากัน ต่อให้ส่วนสูงเท่ากัน น้ำหนักเท่ากัน แต่ก็ใช่ว่ามีแรงเท่ากัน เพราะว่าภายในร่างกายของแต่ละคนมีมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของมวลกล้ามเนื้อที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรต้องประเมินความแข็งแรงของกล้ามเนื้อด้วยการยกดัมเบลด้วยตนเอง และประเมินตนเองว่าสามารถยกดัมเบลได้ที่น้ำหนักเท่าใด เพื่อที่จะเลือกซื้อดัมเบลสำหรับการออกกำลังกายให้ตรงจุดและใช้งานดัมเบลได้อย่างเต็มที่
4. จุดประสงค์ที่ต้องการใช้งานดัมเบล
การใช้ดัมเบลออกกำลังกายสามารถพัฒนากล้ามเนื้อและให้ผลลัพธ์ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ต้องการที่จะสร้างกล้ามเขา, กล้ามแขน, กล้ามอก หรือเป็นการฝึกออกกำลังกายแบบได้ทุกส่วน หรือที่เรียกกันว่าออกกำลังกายแบบ Full Body นั่นเอง โดยวารสารด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาแนะนำให้เลือกดัมเบลแบบปรับน้ำหนักได้ เพื่อปรับเปลี่ยนตามพัฒนาการของร่างกาย หากเรามีมวลกล้ามเนื้อที่แข็งแรงขึ้นเราก็สามารถยกน้ำหนักดัมเบลที่มากขึ้นได้นั่นเอง
เคล็ดลับเพิ่มเติมจากประสบการณ์โค้ช
- เริ่มต้นด้วยการยกดัมเบลน้ำหนักเบาและค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักของดัมเบล
- ฝึกท่าให้ถูกต้อง โฟกัสให้ถูกจุด ก่อนที่จะเพิ่มน้ำหนักดัมเบล
- หากเล่นในส่วนที่ต่างกันก็ควรใช้น้ำหนักดัมเบลที่ต่างกันเช่นกัน ขึ้นอยู่ส่วนของกล้ามเนื้อที่เราเล่น
- จัดตารางการออกกำลังกาย และวางโปรแกรมการออกกำลังกายให้เป็นระเบียบ เพื่อความแข็งแรงและสุขภาพดีในระยะยาว
อุปกรณ์ที่ควรมีในการออกกำลังกายด้วยดัมเบล
การออกกำลังกายด้วยดัมเบล เป็นการยกน้ำหนักดัมเบล ในแต่ละท่าออกกำลังกายต่างๆ ขึ้นอยู่กับส่วนของกล้ามเนื้อที่เราต้องการบริหาร หากต้องการให้การออกกำลังกายด้วยดัมเบลนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ก็จำเป็นที่ต้องจะมีอุปกรณ์เสริมเพื่อรองรับการเล่นดัมเบลเพื่อสร้างกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ หรืออาจจะยกระดับการเล่นไปจนถึงการยกน้ำหนักที่มากขึ้นในอนาคต อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยระหว่างการออกกำลังกายด้วยดัมเบล เลี่ยงอาการบาดเจ็บได้อีกด้วย และอุปกรณ์ที่พูดถึงที่ควรมีในการออกกำลังกายด้วยดัมเบล ก็คือ ม้านั่งออกกำลังกาย
ม้านั่งออกกำลังกายหรือเก้าอี้ออกกำลังกายนั้น เหมาะสำหรับการเล่นคู่กับ ดัมเบล หรือ บาร์เบล เพื่อเน้นการสร้างกล้ามอก, กล้ามแขน, กล้ามไหล่ และกล้ามท้อง แนะนำว่าควรเป็นเก้าอี้ออกกำลังกายแบบปรับระดับได้ เพื่อรองรับการออกกำลังกายในท่าที่หลากหลายได้ เบาะของม้านั่งออกกำลังกายต้องนุ่มพอเหมาะ ที่จะรองรับน้ำหนักของร่างกายเมื่อยกดัมเบล เลี่ยงอาการบาดเจ็บจากการกดทับน้ำหนักได้
แนะนำ 8 ท่าเล่นดัมเบล สำหรับผู้หญิง
ในฐานะเทรนเนอร์ฟิตเนสที่ได้รับการรับรองจาก ACE ผมจะแนะนำ 8 ท่าเล่นดัมเบลสำหรับผู้หญิง หลายคนอาจสงสัยว่า "ผู้หญิงเล่นดัมเบลแล้วกล้ามจะใหญ่ไหม?" จากการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาพบว่า ผู้หญิงมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนน้อยกว่าผู้ชาย 15-20 เท่า จึงไม่ต้องกังวลเรื่องกล้ามเนื้อที่ใหญ่เกินไปครับ
ท่าเล่นดัมเบลสำหรับผู้หญิงที่จะแนะนำนี้สามารถทำได้หลายสถานที่ ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกายที่บ้าน, ออกกำลังกายที่คอนโด หรือออกกำลังกายสำหรับคนพื้นที่น้อย โดยมีข้อดีคือใช้พื้นที่น้อยและไม่รบกวนเพื่อนบ้าน โดยโค้ชแนะนำให้มีการฝึก 3-4 ครั้ง/สัปดาห์ จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 8-12 สัปดาห์ ดังนั้นไปดู 8 ท่าเล่นดัมเบล กันเลย
ท่าเล่นหน้าแขนด้วยดัมเบล Dumbbell Bicep Curl ที่ช่วยบริหารส่วนกล้ามหน้าแขน (Bicep) ช่วยเสริมบุคลิกให้แขนดูกระชับ และกล้ามเนื้อเป็นมัดๆมากขึ้น จากประสบการณ์สอนของผม พบว่าท่านี้เป็นหนึ่งในท่าพื้นฐานที่ดีที่สุดสำหรับการเริ่มต้นสร้างกล้ามแขนเหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และมือฉมัง
วิธีทำท่า Bicep Curl ที่ถูกต้องคือ กางขาเล็กน้อย หลังตรง พยายามล็อกข้อศอกให้อยู่กับที่ และใช้แรงส่วนหน้าแขน (Bicep) ในการยกดัมเบลขึ้น โดยยกขึ้นมาอยู่ในระดับไหล่ และลงอย่างช้าๆให้สุด ไม่ต้องรีบ ซึ่งหายใจเข้าเมื่อยกขึ้น และหายใจออกเมื่อลง ทำซ้ำเช่นนี้ทั้งหมด 2-3 เซ็ต/ เซ็ตละ 15-20 ครั้ง
โดยผมมีเคล็ดลับสำหรับท่า Dumbbell Bicep Curl คือการควบคุมจังหวะการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะช่วงลดดัมเบลลง ควรใช้เวลา 2-3 วินาที เพื่อให้กล้ามเนื้อทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
ท่าเล่นหลังแขน Overhead Dumbbell Triceps Extension เป็นท่ากระชับกล้ามเนื้อหลังแขน (Triceps) ให้แขนดูเรียวสวย ไม่ห้อย และยังช่วยเสริมความแข็งแรงในการทำกิจกรรมต่างๆ จากประสบการณ์ฝึกผู้หญิงมากกว่า 100 คน ผมพบว่าท่านี้ช่วยแก้ปัญหาต้นแขนที่หย่อนคล้อยได้ดีมาก
วิธีทำท่า Triceps Extension คือ ยืนตัวตรง จับดัมเบลยกขึ้นเหนือศีรษะ จากนั้นงอข้อศอกลงด้านหลัง ให้ดัมเบลลงมาอยู่หลังศีรษะ แล้วเหยียดแขนขึ้นตรงอีกครั้ง ควบคุมการเคลื่อนไหวให้ช้าและนุ่มนวล หายใจเข้าตอนลดดัมเบลลง หายใจออกตอนยกขึ้น ทำซ้ำ 2-3 เซ็ต เซ็ตละ 12-15 ครั้ง
เคล็ดลับสำคัญคือควรเริ่มจากน้ำหนักเบาๆ 1-2 กิโลกรัม แล้วค่อยๆ เพิ่มเมื่อรู้สึกแข็งแรงขึ้น
ท่าเล่นไหล่ Standing Shoulder Press Dumbbell ช่วยให้ไหล่และกระดูกไหปลาร้าดูสวยงาม คมชัด และเสริมสร้างบุคลิกภาพให้ดูดี ไหล่ไม่ห่อ ท่านี้เป็นท่าพื้นฐานที่สำคัญที่สุดสำหรับการพัฒนาบุคลิกภาพโดยรวม
วิธีทำที่ถูกต้อง คือ ยืนตรงกางขาเล็กน้อย และใช้มือทั้งสองข้างถือดัมเบลไว้ให้ศอกยกขึ้นทำมุม 90 องศากับลำตัว จากนั้นยกดัมเบลให้เหนือศีรษะ และยกลงมาทำมุม 90 องศากับลำตัว ทำซ้ำเช่นนี้ทั้งหมด 2-3 เซ็ต/ เซ็ตละ 15-20 ครั้ง
จากการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาพบว่า การทำท่าเล่นไหล่ Shoulder Press อย่างถูกวิธีไม่เพียงสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อไหล่ แต่ยังช่วยแก้ปัญหาอาการปวดคอและบ่าจากการนั่งทำงาน(office syndrome) ได้อีกด้วย
เคล็ดลับสำคัญคือการรักษาแกนกลางลำตัวให้มั่นคง และควบคุมจังหวะการเคลื่อนไหวให้นุ่มนวล โดยเฉพาะในช่วงลดน้ำหนักลง
ท่าเล่นไหล่ Side Raise Dumbbell ช่วยบริหารส่วนหัวไหล่ให้ดูสง่า ไหล่ไม่ห่อ จากประสบการณ์ที่ Real Gym ผมพบว่าท่านี้เป็นท่าที่มีประสิทธิภาพสูงในการสร้างความกว้างของไหล่และปรับปรุงบุคลิกภาพ
วิธีทำท่า Side Raise คือ ยืดตัวตรง กางขาเล็กน้อย และถือดัมเบลข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้ง 2 ข้างก็ได้เช่นกัน โดยถือไว้ชิดกับลำตัวและทำการล็อกหัวไหล่ให้อยู่กับที่ และใช้แขนยกดัมเบลขึ้นมาในระดับเดียวหัวไหล่ จากนั้นค่อยๆลงอย่างช้าๆโดยยังคงล็อกหัวไหล่เช่นเดิมให้กลับมาในท่าเริ่มต้น ทำซ้ำเช่นนี้ทั้งหมด 2-3 เซ็ต/ เซ็ตละ 15-20 ครั้ง ซึ่งหายใจเข้าเมื่อยกขึ้น และหายใจออกเมื่อลง
การวิจัยด้านกายภาพบำบัดพบว่า การทำท่า Side Raise อย่างถูกวิธีช่วยแก้ปัญหาไหล่ห่อและปวดบ่าได้ถึง 60% เคล็ดลับสำคัญคือการรักษาข้อศอกให้งอเล็กน้อย ไม่ล็อกตึง และควบคุมจังหวะการเคลื่อนไหวให้ช้าโดยเฉพาะตอนลดน้ำหนักลง เพื่อให้กล้ามเนื้อไหล่ได้ทำงานอย่างเต็มที่
ท่าเล่นหลังด้วยดัมเบล One-Arm Dumbbell Row เป็นท่าเล่นหลังที่มีประสิทธิภาพสูงในการสร้างกล้ามเนื้อ เป็นท่าบริหารส่วนหลังให้ดูกระชับ ถ้าเป็นผู้ชายจะทำให้ผู้ชายดูตัวกว้างขึ้น และถ้าเป็นผู้หญิงจะมีสรีระที่สวยงามมากขึ้น จากประสบการณ์สอนท่าออกกำลังกายหลัง ผมพบว่าท่าเล่นหลังด้วยดัมเบลนี้เป็นหนึ่งในท่าที่ดีที่สุดสำหรับการสร้างกล้ามเนื้อหลังให้แข็งแรงและสวยงาม
วิธีการเล่นหลังที่ถูกต้อง คือ นำเท้าข้างที่ถนัดไปข้างหน้า และงอเข่าเล็กน้อย ส่วนขาอีกข้างยืดไปด้านหลังจนสุด โดยที่ส้นเท้าไม่ยกลอยจากพื้น จากนั้นให้โค้งตัวลงเล็กน้อย โดยกะระยะห่างของคางและปลายเท้าให้อยู่ในระนาบเดียวกัน และถือดัมเบลข้างที่ยืดขาไปด้านหลัง ล็อกขอศอก ให้ทำมุม 90 องศากับลำตัว หลังจากนั้นยกขึ้นและลงสลับไปเรื่อยๆ ทำแบบนี้ทั้งหมด 2-3 เซ็ต/ เซ็ตละ 15-20 ครั้ง
จากการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา พบว่าท่าเล่นหลังด้วยดัมเบลนี้ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังได้ถึง 35% ใน 12 สัปดาห์
เคล็ดลับสำคัญในการเล่นหลังคือการรักษาหลังให้ตรง ไม่บิดลำตัว และควบคุมจังหวะการเคลื่อนไหวให้ช้าและมั่นคง โดยเฉพาะในช่วงลดน้ำหนักลง
ท่าเล่นกล้ามขา, ท่าเล่นกล้ามหลัง Dumbbell Stiff Leg Deadlift เป็นท่าที่ช่วยบริหารทั้งกล้ามเนื้อขาส่วนหลังและกล้ามเนื้อหลัง ซึ่งความสำคัญของท่านี่อยู่ที่ฟอร์มในการเล่น หลังต้องตรงและเข่าห้ามเลยปลายเท้า จากประสบการณ์ของโค้ชที่ผ่านมาอาจจะมีผู้ออกกำลังกายใหม่มีปัญหาเข่าที่เลยปลายเท้าทำให้ไม่สามารถโฟกัสถูกจุดได้ เรามาดูการเล่นที่ถูกต้องกันดีกว่า
วิธีการเล่นกล้ามขา, เล่นกล้ามหลังที่ถูกต้อง คือ วางเท้าทั้งสองข้างให้ห่างกันด้วยความกว้างเท่ากับหัวไหล่ และเข่าไม่เกินปลายเท้า จากนั้นให้โค้งตัวลงโดยถือดัมเบลให้มีระยะกว้างกว่าหัวไหล่เล็กน้อย จากนั้นงอเข่าเล็กน้อย ดึงสะโพกไปด้านหลัง โดยที่แผ่นหลังกับสะโพกต้องเป็นเส้นตรง พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าจนสุด หลังจากนั้นออกแรงเกร็งขาส่วนหลัง ดันสะโพกกลับเข้ามา เพื่อยกลำตัวขึ้น และปล่อยลมหายใจออกจนสุด นับเป็น 1 ครั้ง ทำแบบนี้ทั้งหมด 2-3 เซ็ต/ เซ็ตละ 12-15 ครั้ง
เคล็ดลับสำคัญในการเล่นกล้ามขาท่านี้คือการรักษาหลังให้ตรง และการรักษาสมดุลตรงกลางของแกนลำตัวให้มั่นคงเสมอเพื่อการโฟกัสที่ถูกจุด
ท่าเล่นขาด้วยดัมเบล Reverse Lunges Dumbbell เป็นท่าบริหารกล้ามเนื้อขาและสร้างกล้ามเนื้อสะโพกให้มีความกระชับ ได้สัดส่วนที่ดี ในฐานะโค้ชที่มีประสบการณ์สอนมามากกว่า 10 ปี ผมพบว่าท่านี้เป็นหนึ่งในท่าที่มีประสิทธิภาพสูงในการกระชับสัดส่วนช่วงล่าง เพราะทำงานได้ครบทั้งกล้ามเนื้อขาด้านหน้า ด้านหลัง และสะโพก โดยมีท่าทางคือ ยืนตรงโดยวางเท้าทั้ง 2 ข้างให้พอดีกับหัวไหล่และมือ ซึ่งถือดัมเบลไว้ทั้ง 2 ข้าง พร้อมหายใจเข้าจนสุด จากนั้นก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมย่อขาขนานกับพื้น และขาอีกข้างอยู่ด้านหลังตั้งฉากกับพื้น และหายใจออก หลังจากนั้นดึงเท้าที่ยื่นออกไปข้างหน้ากลับมาอยู่ตำแหน่งเดิม นับเป็น 1 ครั้ง ทำแบบนี้ทั้งหมด 2-3 เซ็ต/ เซ็ตละ 12-15 ครั้ง
เคล็ดลับสำคัญจากประสบการณ์ของโค้ชคือการควบคุมจังหวะในการเล่น ควรใช้เวลา 2 วินาทีในช่วงขาลง และ 1 วินาทีตอนยกขึ้น สำหรับผู้เริ่มต้น แนะนำให้ฝึกท่าเล่นขานี้โดยไม่ใช้ดัมเบลก่อนโดยให้ใช้น้ำหนักตัวเองหรือที่เรียกว่า”ท่าเล่นขาแบบบอดี้เวท”นั่นเอง จนกว่าจะควบคุมสมดุลได้ดี จึงค่อยเพิ่มน้ำหนักทีละน้อย
ท่าเล่นขา, ท่าเล่นก้น Dumbbell Single Leg Kick Back เป็นท่าบริหารกล้ามเนื้อส่วนหลังของต้นขา (Hamstrings) และก้น (Glutes) ให้กระชับ แข็งแรง ลดเซลลูไลท์ และปรับสัดส่วนสะโพกให้ดูดี ในฐานะเทรนเนอร์ส่วนตัวที่ผ่านการฝึกลูกค้ามากว่า 5,000 ชั่วโมง ผมมักแนะนำท่านี้ให้เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมกระชับสัดส่วนขา เพราะช่วยเน้นการทำงานของกล้ามเนื้อส่วนที่หลายคนมองข้ามไป แต่มีความสำคัญอย่างมากต่อการควบคุมการเคลื่อนไหวและการทรงท่า
โดยมีวิธีทำท่าคือ ให้เริ่มจากการยืนตรงโดยวางเท้าชิดกันพอดีกับช่วงหัวไหล่ และถือดัมเบลไว้ทั้ง 2 ข้าง ยกขาข้างที่ถนัดไปข้างหน้า และงอเข่าเล็กน้อย ขณะที่อีกข้างยังแตะพื้นอยู่ จากนั้นสูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอด พร้อมกับก้มตัวไปข้างหน้า 45 องศา โดยให้หลังและสะโพกอยู่ในแนวเดียวกัน แล้วเหยียดขาด้านที่ไม่ถนัดไปด้านหลังให้สูงสุดเท่าที่จะทำได้ ค้างไว้ 1-2 วินาที ก่อนผ่อนกลับมาที่ตำแหน่งเริ่มต้นพร้อมหายใจออก นับเป็น 1 ครั้ง ทำซ้ำ 12-15 ครั้งต่อขา รวม 2-3 เซ็ตต่อข้าง
เคล็ดลับสำคัญที่ผมพบจากการสอนลูกค้าคือ ต้องระวังไม่ให้หลังหรือเอวเอียงหรือบิดไปมาระหว่างการยกขาไปด้านหลัง พยายามเกร็งกล้ามท้องและก้นให้แน่นตลอดการฝึก เพื่อให้กล้ามเนื้อแกนกลางช่วยรักษาสมดุลและทำให้ร่างกายอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง
สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มฝึก แนะนำให้ทำท่านี้โดยไม่ใช้ดัมเบลก่อน ให้ลองใช้น้ำหนักตนเองเป็นตัวต้าน หรือที่เรียกว่าบอดี้เวท จนกว่าจะสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวและสัมผัสการทำงานของกล้ามเนื้อได้ดี แล้วค่อยๆเพิ่มน้ำหนักทีละน้อย ทั้งนี้ต้องฟังสัญญาณร่างกายของตัวเองเป็นหลัก ไม่ควรฝืนจนรู้สึกเจ็บหรือปวดมาก โดยหากทำอย่างสม่ำเสมอ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ รับรองว่าต้นขาและสะโพกจะต้องเฟิร์มกระชับอย่างเห็นได้ชัดแน่นอนครับ
แนะนำ 7 ท่าเล่นดัมเบล สำหรับผู้ชาย
สำหรับท่าเล่นดัมเบล สำหรับผู้ชาย แนะนำท่าออกกำลังกายด้วยดัมเบล พร้อมม้านั่งออกกำลังกาย จะเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้สร้างกล้ามเนื้อได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งแต่ละท่านับเป็น 1 ครั้ง แล้วเล่นท่าซ้ำ 2-3 เซ็ต/ เซ็ตละ 12-15 ครั้ง
ในฐานะเทรนเนอร์มืออาชีพ ผมขอแนะนำ 7 ท่าเล่นดัมเบลสำหรับผู้ชายสุดคลาสสิกที่ผู้ชายไม่ควรพลาด ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้โตเร็ว เพิ่มพละกำลังความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อมัดใหญ่แล้ว ยังเป็นการฝึกความอดทนของระบบไหลเวียนโลหิตและระบบหายใจไปพร้อมกันอีกด้วย
โดยโปรแกรมออกกำลังกายนี้ถูกออกแบบมาให้ครอบคลุมกลุ่มกล้ามเนื้อหลักทั่วทั้งร่าง เป็นท่าออกกำลังกายเพิ่มกล้ามเนื้อสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ เน้นการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัย เหมาะสำหรับผู้ฝึกทุกระดับตั้งแต่มือใหม่ยันเทรนนิ่งมานาน
สำหรับการฝึกในแต่ละท่า จากประสบการณ์การเป็นโค้ช ผมแนะนำให้เริ่มต้นที่ 2-3 เซ็ต โดยในแต่ละเซ็ตให้ทำ 12-15 ครั้ง ซึ่งเพียงพอที่จะกระตุ้นให้กล้ามเนื้อทำงานและเติบโตได้เป็นอย่างดี แต่หากรู้สึกว่าง่ายเกินไป ให้ลองเพิ่มน้ำหนักดัมเบลขึ้น หรือเพิ่มเป็น 4 เซ็ตก็ได้ แล้วค่อยๆปรับความหนักเบาและจำนวนเซ็ตให้สอดคล้องกับระดับความฟิตของตัวเองไปเรื่อยๆ สิ่งสำคัญคือ เน้นโฟกัสให้ถูกจุดมากกว่าเน้นจำนวนครั้งในการยกดัมเบล และอย่าลืมที่จะหายใจเข้า-ออกให้เป็นจังหวะเดียวกับการเคลื่อนไหวนะครับ
โดยมีวิธีการเล่นคือ ให้นั่งตัวตรงบนเก้าอี้ออกกำลังกาย แล้วยกดัมเบลขึ้นด้วยแขนข้างเดียวทำสลับกันซ้ายและขวา โดยต้องนั่งหลังตรงเสมอ (ไม่ควรใช้ดัมเบลที่หนักจนเกินตัว)
ท่า Dumbbell Side Raise เป็นท่าเล่นไหล่โดยเฉพาะไหล่ส่วนกลาง ทำให้หัวไหล่ใหญ่ขึ้นเป็นมัดชัดเจน
โดยเคล็ดลับการเล่นท่านี้ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด คือการนั่งหลังตรงเสมอ ไม่ให้ลำตัวเอียงตามแรงดัมเบลเด็ดขาด หายใจเข้าตอนยกแขนขึ้น และหายใจออกตอนลดแขนลง อย่าใช้น้ำหนักที่หนักเกินไปเด็ดขาด เพราะมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอันตราย
นั่งตัวตรงบนม้านั่ง แล้วยกดัมเบลขึ้นพร้อมกันพยายามให้หลังตรงตลอดเวลาทั้งยกขึ้นและยกลง (ต้องนั่งหลังตรงเสมอ)
ท่าเล่นไหล่ด้วยดัมเบล Dumbbell Shoulder Press เป็นท่าที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหัวไหล่ให้แข็งแรงและได้สัดส่วนสวยงาม ในฐานะโค้ชที่ ผมพบว่าท่านี้เป็นท่าออกกำลังกายพื้นฐานที่สำคัญที่สุดสำหรับการพัฒนากล้ามเนื้อหัวไหล่ เพราะช่วยสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อไหล่ทั้งสามส่วน (anterior, lateral และ posterior deltoid) โดยมีท่าทางคือ นั่งบนม้านั่งที่มีพนักพิงหลัง จับดัมเบลทั้งสองข้างวางที่ระดับไหล่ หายใจเข้าลึกๆ จากนั้นค่อยๆ ดันดัมเบลขึ้นเหนือศีรษะพร้อมหายใจออก รักษาหลังให้ตรงตลอดการเคลื่อนไหว แล้วค่อยๆ ลดดัมเบลลงมาที่ระดับไหล่พร้อมหายใจเข้า นับเป็น 1 ครั้ง ทำทั้งหมด 3-4 เซ็ต/ เซ็ตละ 10-12 ครั้ง
เคล็ดลับสำคัญคือการควบคุมจังหวะในการยกดัมเบล ควรใช้เวลา 2 วินาทีในการยกขึ้นและ 2 วินาทีในการลดลง สำหรับผู้เริ่มต้น แนะนำให้เริ่มจากดัมเบลน้ำหนักเบา (2-3 กิโลกรัม) ก่อน เพื่อฝึกการทรงตัวและการควบคุมการเคลื่อนไหว เมื่อทำได้ดีแล้วจึงค่อยๆ เพิ่มน้ำหนัก เพื่อให้กล้ามเนื้อหัวไหล่ได้พัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
นอนราบบนม้านั่งออกกำลังกาย แล้วยกดัมเบลขนานกับหน้าอก พยายามใช้กล้ามเนื้อหน้าอกส่วนกลางให้มากที่สุด
ท่านี้เป็นหนึ่งในท่าเล่นอกที่ขาดไม่ได้สำหรับการสร้างกล้ามอกให้สวยงามได้สัดส่วน โดยมีท่าทางคือ นอนราบบนม้านั่ง เท้าทั้งสองข้างวางราบกับพื้น จับดัมเบลทั้งสองข้างยกขึ้นตั้งฉากกับลำตัว จากนั้นหายใจเข้าลึกๆ พร้อมลดดัมเบลลงช้าๆ จนขนานกับหน้าอก แล้วหายใจออกพร้อมดันดัมเบลขึ้น โดยใช้พลังจากกล้ามอกเป็นหลัก นับเป็น 1 ครั้ง ทำทั้งหมด 3-4 เซ็ต/ เซ็ตละ 8-12 ครั้ง
เคล็ดลับสำคัญจากประสบการณ์ของโค้ชคือ การรักษาข้อศอกให้ทำมุมประมาณ 45-75 องศากับลำตัว สำหรับผู้เริ่มต้น แนะนำให้เริ่มจากดัมเบลน้ำหนักเบา (5-7 กิโลกรัม) ก่อน และข้อมือไม่ควรงอไปกับดัมเบล
โค้ชแนะนำให้ทำท่านี้เป็นท่าแรกของการเล่นอก เพราะเป็นช่วงที่กล้ามเนื้อยังมีพลังงานเต็มที่ ทำให้สามารถใช้น้ำหนักได้มากและกระตุ้นการเติบโตของกล้ามเนื้อได้ดีที่สุด
ปรับเบาะของม้านั่งออกกำลังกายในลักษณะเอียง 45 องศา แล้วยกดัมเบลทั้ง 2 ข้าง ขึ้นและลง ขนานกับหน้าอก ช่วยสร้างกล้ามเนื้อหน้าอกส่วนบน
ท่าเล่นอกบนด้วยดัมเบล Dumbbell Incline Bench Press เป็นท่าที่มีประสิทธิภาพในการสร้างกล้ามเนื้อหน้าอกส่วนบน ให้มีมิติและความหนาสวยงามมากขึ้น โค้ชพบว่าท่านี้เป็นท่าที่สำคัญมากสำหรับการสร้างกล้ามอกให้สมบูรณ์แบบ โดยมีท่าทางคือ นอนบนม้านั่งออกกำลังกายที่ปรับเอียง 45 องศา วางเท้าทั้งสองข้างให้ราบกับพื้น จับดัมเบลทั้งสองข้างยกขึ้นตั้งฉากกับลำตัว หายใจเข้าลึกๆ พร้อมลดดัมเบลลงช้าๆ จนขนานกับหน้าอกส่วนบน แล้วหายใจออกพร้อมดันดัมเบลขึ้น โดยใช้พลังจากกล้ามอกส่วนบนเป็นหลัก นับเป็น 1 ครั้ง ทำทั้งหมด 3-4 เซ็ต/ เซ็ตละ 10-12 ครั้ง
เคล็ดลับของโคชในการเล่นอกบนคือ ใช้ดัมเบลน้ำหนักเบากว่าท่า Bench Press ปกติประมาณ 20-30% เพราะท่านี้จะใช้กล้ามเนื้ออกส่วนบนมากกว่า ทำให้ยกน้ำหนักได้น้อยกว่า จากการสอนที่ผ่านมา ผมพบว่าการทำท่านี้หลังจาก Flat Bench Press จะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพราะกล้ามเนื้ออกได้อุ่นเครื่องมาแล้วครับ
ปรับม้านั่งออกกำลังกายในลักษณะลาดเอียงตามภาพตัวอย่าง นอนรับไปกับม้านั่ง แล้วยกดัมเบลขึ้นลงขนานกับหน้าอกทั้ง 2 ข้าง
ท่าเล่นกล้ามอกล่างด้วยดัมเบล Dumbbell Decline Bench Press เป็นท่าที่มีประสิทธิภาพสูงมากในการสร้างกล้ามเนื้อหน้าอกส่วนล่าง ให้มีความหนาและสวยงาม จากประสบการณ์ส่วนตัวในฐานะเทรนเนอร์พบว่าท่านี้เป็นท่าที่ช่วยเติมเต็มกล้ามอกส่วนล่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีท่าทางคือ นอนบนม้านั่งที่ปรับให้ส่วนศีรษะต่ำกว่าส่วนขาประมาณ 15-30 องศา ล็อคขาให้แน่นกับที่ยึดเพื่อป้องกันการลื่นไถล จับดัมเบลทั้งสองข้างยกขึ้นตั้งฉากกับลำตัว หายใจเข้าลึกๆ พร้อมลดดัมเบลลงช้าๆ จนขนานกับหน้าอกส่วนล่าง แล้วหายใจออกพร้อมดันดัมเบลขึ้น โดยใช้พลังจากกล้ามอกส่วนล่างเป็นหลัก นับเป็น 1 ครั้ง ทำทั้งหมด 3-4 เซ็ต/ เซ็ตละ 10-15 ครั้ง
เคล็ดลับสำคัญจากประสบการณ์ของโค้ช คือเริ่มท่านี้ด้วยน้ำหนักเบาๆ ประมาณ 50-60% ของน้ำหนักที่ใช้ในท่า Flat Bench Press จากการสอนที่ผ่านมา ผมพบว่าการทำท่านี้เป็นท่าสุดท้ายในการเล่นอกจะได้ผลดีที่สุด เพราะเป็นท่าที่ใช้แรงน้อยกว่าท่าอื่นๆ แต่ยังคงสามารถกระตุ้นกล้ามเนื้ออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับหลังแขนและช่วยสร้างความหนาให้กับกล้ามอกส่วนล่างได้อย่างดีเยี่ยม
ปรับเบาะม้านั่งเอียง 45 องศา เพื่อใช้ยึดจับ ยกขาข้างหนึ่งวางพาดบนม้านั่ง ยกดัมเบลขึ้นด้วยแขนข้างเดียวทำสลับกันซ้ายและขวา โดยหลังต้องตรงเสมอ (ไม่ควรใช้ดัมเบลที่หนักจนเกินตัว)
ท่าเล่นกล้ามหลังด้วยดัมเบล Dumbbell One Arm Press เป็นท่าที่มีประสิทธิภาพสูงในการพัฒนากล้ามเนื้อหลังส่วนกลางและส่วนข้าง รวมถึงกล้ามเนื้อบริเวณสะบัก
โดยมีท่าทางคือ ยืนข้างม้านั่งออกกำลังกายที่ปรับเอียง 45 องศา วางเข่าและมือข้างหนึ่งบนม้านั่งเพื่อพยุงตัว จับดัมเบลด้วยมืออีกข้างหนึ่ง หายใจเข้าพร้อมกับลดดัมเบลลงช้าๆ ให้แขนเหยียดตรง จากนั้นหายใจออกพร้อมกับดึงดัมเบลขึ้นมาชิดลำตัว โดยพยายามบีบกล้ามเนื้อหลังให้มากที่สุด นับเป็น 1 ครั้ง ทำให้ครบจำนวนที่ต้องการแล้วสลับข้าง ทำทั้งหมด 3-4 เซ็ต/ เซ็ตละ 12-15 ครั้งต่อข้าง
เคล็ดลับสำคัญจากประสบการณ์ของโค้ชคือ การรักษาหลังให้ตรงตลอดการเคลื่อนไหว การวอร์มอัพด้วยการยืดกล้ามเนื้อหลังและการทำท่า Cat-Cow Stretch ก่อนเริ่มทำท่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บและทำให้กล้ามเนื้อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ท่านี้ยังช่วยพัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว (core) และการทรงตัวได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการยกน้ำหนักในท่าออกกำลังกายอื่นๆ
ปรับเบาะม้านั่งเอียง 45 องศา นอนคว่ำบนม้านั่ง แล้วดึงดัมเบลขึ้นพร้อมกัน โดยพยายามใช้กล้ามเนื้อส่วนหลังให้มากที่สุด
ท่าเล่นหลังด้วยดัมเบล Dumbbell Row เป็นท่าที่ช่วยเพิ่มขนาดและความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อหลังส่วนบนและกล้ามเนื้อหลังส่วนกลาง รวมถึงกล้ามเนื้อสะบัก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีท่าทางคือ นอนคว่ำบนม้านั่งที่ปรับเอียง 45 องศา จัดท่าให้หน้าอกแนบชิดกับม้านั่ง เท้าทั้งสองข้างวางยันพื้นให้มั่นคง จับดัมเบลทั้งสองข้างปล่อยห้อยลงตามแรงโน้มถ่วง หายใจเข้าลึกๆ จากนั้นหายใจออกพร้อมดึงดัมเบลขึ้นชิดลำตัว พยายามบีบกล้ามเนื้อหลังให้แน่น ค้างไว้ครู่หนึ่ง แล้วค่อยๆ ลดดัมเบลลงพร้อมหายใจเข้า นับเป็น 1 ครั้ง ทำทั้งหมด 3-4 เซ็ต/ เซ็ตละ 12-15 ครั้ง
เคล็ดลับสำคัญในการทำท่านี้คือ วอร์มอัพด้วยท่ายืดกล้ามเนื้อหลังและการทำ Lat Pulldown เบาๆ ก่อนเริ่มทำท่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บและทำให้กล้ามเนื้อทำงานได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ท่า Dumbbell Row ยังช่วยพัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อต้นแขนด้านหลัง และกล้ามเนื้อบริเวณสะบัก เป็นท่าที่ทำให้หลังกว้างและหนาขึ้น
บทสรุป
สำหรับบทสรุปการออกกำลังกายด้วยท่าเล่นดัมเบล เพื่อสร้างกล้ามทั่วร่างกาย แบบ Full Body พัฒนากล้ามเนื้อได้ทุกส่วนไม่ว่าจะเป็น กล้ามอก กล้ามหลัง กล้ามไหล่ กล้ามแขน ควรเริ่มจากการที่คุณต้องมีดัมเบลขนาดและน้ำหนักเหมาะสมกับตัวคุณ โดยสามารถยกน้ำหนักได้พอดี ไม่หนักจนเกินไป เพื่อโฟกัสกับกล้ามเนื้อได้แม่นยำขึ้น และอุปกรณ์เสริมเช่น ม้านั่งออกกำลังกาย แผ่นยางปูพื้น เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะออกกำลังกาย นอกจากนี้ควรหมั่นรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ ควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างถูกต้องและมีวินัย ซึ่งคุณสามารถมั่นใจได้เลยว่าจะมีรูปร่างสมสัดส่วน กระชับ และสุขภาพดีอย่างแน่นอน
บทความนี้เขียนโดย...
โค้ชปูแน่น (ปู จักรินทร์ บุญลาภ)
เป็น CEO และที่ปรึกษาด้านการพัฒนาทีมเทรนเนอร์ในฟิตเนสของตัวเองที่ Real Gym ซาฟารีเวิลด์ รวมถึงแบรนด์อาหารเสริม และที่ปรึกษาด้าน Training Quality ให้กับทีมเทรนเนอร์ของ Sport club และฟิตเนสชั้นนำ
โปรไฟล์โค้ชปูแน่น
บทความทั้งหมด
Powered by Mirasvit Magento 2 Extensions
- เพิ่มไขมันดี (HDL) เพื่อสุขภาพหัวใจที่แข็งแรง เทคนิคและ 20 อาหารที่แนะนำ
- คาร์โบไฮเดรต พลังงานสำคัญสำหรับนักออกกำลังกาย และนักกล้าม
- 15 ประโยชน์ของการวิ่ง ลงทุนสุขภาพง่ายๆ ด้วยการวิ่ง
- อาหารหลังออกกำลังกาย ฟื้นฟูกล้ามเนื้อ เสริมพลัง สร้างผลลัพธ์ที่ดี
- เคล็ดลับออกกำลังกายช่วงมีประจำเดือน - ฟิต หุ่นสวย คลายปวด ด้วยวิธีง่ายๆ