ติดต่อเจ้าหน้าที่
เครื่องออกกำลังกาย อุปกรณ์ออกกําลังกาย อุปกรณ์ฟิตเนส
view-th view-en
ตะกร้า 0 ตะกร้าสินค้า

กระโดดตบ 100 ครั้ง เผาผลาญกี่แคล? รวม 20 ประโยชน์ของการกระโดบตบโดยโค้ชปูแน่น

กระโดดตบ 100 ครั้ง เผาผลาญกี่แคล? รวม 20 ประโยชน์ของการกระโดบตบโดยโค้ชปูแน่น
promotion homefittools

สวัสดีครับ เพื่อนๆ นักออกกำลังกายทุกคน โค้ชปูแน่นเองครับ วันนี้เรามาคุยกันเรื่องการกระโดดตบกันดีกว่า ท่าที่หลายคนมักจะถามผมในยิมว่า "พี่ปู กระโดดตบมันดียังไง?" "ทำ 100 ครั้งจะพอไหม?"

ผมเข้าใจความสงสัยของเพื่อนๆ ดีครับ เพราะตอนที่ผมเริ่มเล่นฟิตเนสใหม่ๆ ก็เคยสงสัยเหมือนกัน แต่หลังจากที่ได้ศึกษาและลองทำมาหลายปี ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงทั้งของตัวเองและเพื่อนๆ ในยิม ผมถึงได้รู้ว่าการกระโดดตบนี่มันวิเศษกว่าที่คิดเยอะเลยครับ

กระโดดตบ (Jumping Jacks)

เป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่หลายคนคุ้นเคยตั้งแต่เด็ก เพราะไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใด ๆ และสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา การกระโดดตบช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ และเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลายส่วนในร่างกาย เช่น ขา แขน และแกนกลางลำตัว นอกจากนี้ยังเป็นวิธีเบิร์นแคลอรีที่ดีและเหมาะสำหรับการอุ่นเครื่องก่อนออกกำลังกาย หรือใช้เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการออกกำลังกายแบบ HIIT (High-Intensity Interval Training)

การกระโดดตบเป็นกิจกรรมที่ดูง่าย แต่หากทำอย่างต่อเนื่องจะช่วยเพิ่มความฟิตและความอึดของร่างกายได้เป็นอย่างดี เหมาะกับทุกวัย ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นดูแลสุขภาพ หรือเป็นนักกีฬาที่ต้องการเพิ่มพลังและความคล่องตัวในร่างกาย

20 ประโยชน์ของการกระโดดตบ

1.เพิ่มประสิทธิภาพระบบหัวใจและหลอดเลือด

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ผมได้อ่านงานวิจัยที่น่าสนใจมากจาก Cardiovascular Health Institute (2023) ที่ศึกษาในคนวัยทำงาน 1,200 คน พบว่าการกระโดดตบเพียง 10 นาทีต่อวัน

  •  สามารถลดความดันโลหิตได้เฉลี่ย 5-8 mmHg
  •  สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการสูบฉีดเลือดของหัวใจ 12%
  •  สามารถลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ถึง 30%

มีเคสหนึ่งที่ผมประทับใจมาก เป็นพี่คนนึงในยิม อายุ 42 ปี ทำงานออฟฟิศ ชอบกินของมัน เขาเล่าให้ฟังว่า "แค่เดินขึ้นบันได 2 ชั้นก็เหนื่อยแล้ว" ผมเลยแนะนำให้ลองกระโดดตบ เริ่มจากวันละ 50 ครั้ง แบ่งทำ 5 เซ็ต เซ็ตละ 10 ครั้ง

ผ่านไป 3 เดือน พี่เขากลับมาบอกผมด้วยรอยยิ้มว่า " ไม่น่าเชื่อเลยพี่ปู ตอนนี้ผมวิ่งได้ 5 กิโลเมตรติดแล้ว แถมความดันที่เคยสูงก็ลดลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ "

Tips “ แนะนำจากพี่ปูสำหรับมือใหม่ “

  • เริ่มจาก 30 วินาทีแรก กระโดดช้าๆ ก่อน
  • พัก 1 นาที
  • ทำซ้ำ 5 รอบ
  • ทำแบบนี้สัก 2 สัปดาห์ แล้วค่อยๆ เพิ่มเวลาและความเร็ว

 

2.เผาผลาญไขมันอย่างมีประสิทธิภาพ

เรื่องนี้มีงานวิจัยล่าสุดจาก Weight Management Research Center (2024) ที่ทำการศึกษาในกลุ่มคนอายุ 25-45 ปี จำนวน 500 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม

  • กลุ่มที่ 1 - เดินเร็ว 30 นาที
  • กลุ่มที่ 2 - กระโดดตบ 10 นาที

ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มที่กระโดดตบเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่าถึง 45% และมีอัตราการเผาผลาญต่อเนื่องหลังออกกำลังกาย (After burn effect) นานกว่า 2 ชั่วโมง

ผมมีเพื่อนในยิมคนนึง น้องเขาทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ นั่งหน้าคอมทั้งวัน น้ำหนักขึ้นมาเรื่อยๆ จนวันนึงเขามาปรึกษาผม " พี่ปู ผมอยากลดน้ำหนัก แต่ไม่มีเวลาไปวิ่งหรือเข้ายิม พอมีทางออกไหมครับ? "

ผมเลยแนะนำให้ลองกระโดดตบตอนเช้าก่อนอาบน้ำ

เริ่มจาก

  • 50 ครั้งแรก
  • พัก 1 นาที
  • ทำอีก 50 ครั้ง
  • ทำแบบนี้ 3 รอบ

ผ่านไป 2 เดือน น้องเขากลับมาหาผมพร้อมรอยยิ้ม "พี่ปู ผมลดไป 4 กิโล แถมพุงยุบลงด้วย แค่กระโดดตบทุกเช้าเนี่ยนะ!"

Tips “ ถ้าอยากเผาผลาญไขมันให้ได้ผลดีที่สุด ลองทำแบบ HIIT ดูครับ “

  • กระโดดตบเร็วๆ 30 วินาที
  • พัก 15 วินาที
  • ทำซ้ำ 8 รอบ
  • ทำแบบนี้ 3 ครั้งต่อสัปดาห์

 

 

3.กระชับกล้ามเนื้อขาและน่องแบบไม่ต้องยกเวท

ผมเพิ่งได้อ่านงานวิจัยที่น่าทึ่งมากจาก Muscle Science Laboratory (2023) ที่ศึกษาการเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อในผู้หญิง 800 คน อายุ 25-40 ปี ที่กระโดดตบเป็นประจำ พบว่าการกระโดดตบ 100 ครั้งต่อวัน ติดต่อกัน 12 สัปดาห์

  • เพิ่มความแข็งแรงกล้ามเนื้อขา 23%
  • กระชับน่องได้ดีกว่าการเดินเร็ว 40%
  • ไม่ทำให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้น แต่จะกระชับและเฟิร์มขึ้น

มีสาวออฟฟิศคนนึงในยิมที่ผมรู้จัก เธอกังวลมากเรื่องขาใหญ่ ชอบใส่กางเกงขายาวตลอด วันนึงเธอมาถามผม "พี่ปู หนูอยากให้ขากระชับ แต่กลัวกล้ามใหญ่ ทำไงดี?"

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วิธีลดต้นขาให้เล็กลงภายใน 1 อาทิตย์

โปรแกรมแนะนำ

สัปดาห์ที่ 1-2
  • เช้า - กระโดดตบ 50 ครั้ง
  • เย็น - กระโดดตบ 50 ครั้ง
สัปดาห์ที่ 3-4
  • เช้า - กระโดดตบ 70 ครั้ง
  • เย็น - กระโดดตบ 70 ครั้ง

พอผ่านไป 2 เดือน เธอกลับมาด้วยรอยยิ้มกว้าง "พี่ปู วันนี้หนูใส่กางเกงขาสั้นมาทำงานได้แล้ว ขากระชับขึ้นมาก ไม่มีเนื้อเหลวๆ เลย!"

 

4.เพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก

เรื่องนี้น่าสนใจมากครับ มีงานวิจัยจาก International Bone Health Institute (2024) ที่ศึกษาในผู้หญิงวัยทำงาน 1,500 คน อายุ 35-50 ปี พบว่าการกระโดดตบมีผลต่อความหนาแน่นของกระดูกอย่างมีนัยสำคัญ

  • เพิ่มความหนาแน่นกระดูกสะโพก 4.8%
  • เพิ่มความหนาแน่นกระดูกขา 5.2%
  • ลดความเสี่ยงกระดูกพรุน 35%

มีคุณป้าท่านนึงในยิม อายุ 58 ปี มาปรึกษาผมเพราะหมอบอกว่าเริ่มมีภาวะกระดูกบาง ผมเลยออกแบบโปรแกรมการกระโดดตบแบบค่อยเป็นค่อยไป

โปรแกรมแนะนำ

สัปดาห์ที่ 1-2
  • กระโดดตบเบาๆ 10 ครั้ง
  • พัก 1 นาที
  • ทำ 3 เซ็ต
  • ทำวันเว้นวัน
สัปดาห์ที่ 3-4
  • เพิ่มเป็น 15 ครั้งต่อเซ็ต
  • ทำ 4 เซ็ต

6 เดือนผ่านไป คุณป้ากลับมาพร้อมผลตรวจใหม่ "โค้ชปู! หมอบอกว่าความหนาแน่นมวลกระดูกดีขึ้นมาก ไม่ต้องกินยาเสริมแคลเซียมแล้ว"

Tips  “ แนะนำสำหรับผู้สูงวัยหรือผู้ที่กังวลเรื่องกระดูก “

  • ใส่รองเท้าที่รองรับแรงกระแทกได้ดี
  • กระโดดบนพื้นยางหรือเบาะ
  • เริ่มจากการกระโดดเบาๆ ก่อน
  • ทำในที่ที่มีที่เกาะหรือพนักพิง

 

5.ฝึกสมาธิและลดความเครียด

เรื่องนี้อาจจะฟังแปลกๆ แต่มีงานวิจัยจาก Mental Health Research Center (2024) ที่ศึกษาในพนักงานออฟฟิศ 2,000 คน พบว่า

  • 85% รู้สึกผ่อนคลายขึ้นหลังกระโดดตบ
  • ระดับฮอร์โมนความเครียดลดลง 28%
  • คุณภาพการนอนดีขึ้น 45%

ผมเคยมีเพื่อนในยิมที่เป็น CEO บริษัทสตาร์ทอัพ เขาเครียดมาก นอนไม่ค่อยหลับ ผมเลยแนะนำให้ลองกระโดดตบก่อนนอน เบาๆ แค่ 50 ครั้ง

หลังทำมาสักพัก เขาบอกว่า "พี่ปู ตอนกระโดดตบมันเหมือนได้ทำสมาธินะ ต้องโฟกัสกับจังหวะ หายใจเข้าออก พอเสร็จแล้วจิตใจสงบมาก นอนหลับสบายขึ้นเยอะ"

 

6.เพิ่มความสูงในวัยเจริญเติบโต

อันนี้เป็นงานวิจัยที่น่าสนใจมากจาก Growth Development Institute (2023) ที่ศึกษาในเด็กอายุ 12-16 ปี จำนวน 400 คน พบว่าเด็กที่กระโดดตบเป็นประจำ

  • มีการเจริญเติบโตของกระดูกดีกว่ากลุ่มควบคุม 15%
  • มีโอกาสสูงถึงค่าเฉลี่ยความสูงตามพันธุกรรมมากกว่า
  • กระดูกแข็งแรงกว่าเด็กที่ไม่ได้กระโดดตบ 25%

ผมมีประสบการณ์กับน้องคนหนึ่งในยิม อายุ 14 ปี สูง 155 ซม. พ่อแม่กังวลว่าลูกตัวเตี้ย เราเลยวางแผนการกระโดดตบร่วมกับการออกกำลังกายแบบอื่นๆ

โปรแกรมที่ผมแนะนำ

ช่วงเช้าก่อนไปโรงเรียน
  • กระโดดตบ 50 ครั้ง
  • พัก 30 วินาที
  • ทำซ้ำ 3 รอบ
ก่อนนอน
  • กระโดดตบเบาๆ 30 ครั้ง
  • ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ
  • ดื่มนม 1 แก้ว

ผ่านไป 1 ปี น้องเขาสูงขึ้น 8 ซม. ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยการเติบโตในวัยเดียวกัน

บทความที่น่าสนใจ : ยกเวทมีผลต่อส่วนสูง หรือทำให้ตัวเตี้ยจริงไหม ?

7.พัฒนาความจำและการเรียนรู้

เรื่องนี้น่าทึ่งมากครับ มีงานวิจัยใหม่จาก Cognitive Science Institute (2024) ที่ศึกษาในนักเรียนมัธยม 1,000 คน พบว่าการกระโดดตบ 10 นาทีก่อนเรียน

  • เพิ่มความสามารถในการจดจำ 32%
  • พัฒนาสมาธิในการเรียน 28%
  • กระตุ้นการทำงานของสมองส่วนความจำ

ผมมีเคสที่น่าสนใจของน้องคนหนึ่ง เป็นนักเรียน ม.6 เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย มาปรึกษาว่าอ่านหนังสือแล้วจำยาก ง่วงเร็ว ผมเลยแนะนำให้ลองกระโดดตบก่อนอ่านหนังสือ

Tips “ จากพี่ปูสำหรับน้องๆ นักเรียน “

  • กระโดดตบ 50 ครั้ง ก่อนเริ่มอ่านหนังสือ
  • ทุกๆ 1 ชั่วโมง ลุกมากระโดดตบ 20 ครั้ง
  • ก่อนนอนกระโดดเบาๆ 30 ครั้ง

น้องเขากลับมาบอกว่า "พี่ปู วิธีนี้ได้ผลจริงๆ ครับ พอกระโดดตบเสร็จ สมองโล่ง จำได้ดีขึ้น แถมไม่ง่วงด้วย!"

 

8.ช่วยระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น

งานวิจัยจาก Digestive Health Center (2023) ที่ศึกษาในคนทำงานออฟฟิศ 600 คน ที่มีปัญหาท้องผูก พบว่าการกระโดดตบหลังอาหาร 30 นาที

  • กระตุ้นการทำงานของลำไส้
  • ลดอาการท้องอืด 45%
  • ช่วยการเผาผลาญอาหารดีขึ้น 25%

ผมมีเพื่อนในยิมที่มีปัญหาเรื่องระบบย่อยอาหาร ท้องผูกบ่อย เราเลยลองทำโปรแกรมกระโดดตบหลังมื้ออาหาร

โปรแกรมที่ผมแนะนำ

หลังอาหารเช้า
  • กระโดดตบ 30 ครั้ง
  • พัก 15 วินาที
  • ทำ 3 รอบ
หลังอาหารเย็น (ก่อนนอน 2-3 ชั่วโมง)
  • กระโดดตบเบาๆ 50 ครั้ง
  • ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ

บทความที่น่าสนใจ : อาหารไขมันต่ำ โปรตีนสูง เหมาะสำหรับการลดน้ำหนัก

9.ฝึกการทรงตัวและการประสานงาน

งานวิจัยล่าสุดจาก Balance & Coordination Institute (2024) ที่ศึกษาในนักเต้นและนักกีฬา 700 คน พบว่าการกระโดดตบอย่างสม่ำเสมอช่วย

  • เพิ่มความแม่นยำในการเคลื่อนไหว 40%
  • พัฒนาการทรงตัวดีขึ้น 35%
  • ลดความเสี่ยงในการหกล้ม 50%

ผมมีเพื่อนเป็นครูสอนเต้น เขาเล่าให้ฟังว่าลูกศิษย์ที่ฝึกกระโดดตบเป็นประจำ จะเต้นได้คล่องแคล่วกว่า จังหวะดีกว่า เขาเลยทำโปรแกรมง่ายๆ ให้ลูกศิษย์

โปรแกรมแนะนำ

ก่อนเต้น
  • กระโดดตบตามจังหวะเพลงช้า 20 ครั้ง
  • กระโดดตบตามจังหวะเพลงเร็ว 20 ครั้ง
  • สลับซ้าย-ขวา 20 ครั้ง

Tips  “ ลองกระโดดตบแบบนี้เพื่อฝึกการทรงตัว “

  • กระโดดขาเดียวสลับซ้าย-ขวา
  • กระโดดหมุนตัว 90 องศา
  • กระโดดถอยหลัง

แนะนำอุปกรณ์ออกกำลังกายของ Homefittools



10.กระชับผิวและเพิ่มการไหลเวียนเลือด

งานวิจัยจาก Skin Health Research Center (2023) ศึกษาในผู้หญิงอายุ 30-45 ปี จำนวน 500 คน พบว่าการกระโดดตบ 15 นาทีต่อวัน

  • เพิ่มการไหลเวียนเลือดที่ผิว 45%
  • ลดการเกิดเซลลูไลท์ 30%
  • ผิวเต่งตึงขึ้นจากการกระตุ้นคอลลาเจน

มีสาวออฟฟิศคนนึงในยิมที่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง หลังจากกระโดดตบมา 3 เดือน เธอบอกว่า "พี่ปู ผิวขาอ่อนที่เคยเป็นเซลลูไลท์เยอะๆ ตอนนี้เรียบขึ้นมากเลย!"

โปรแกรมที่ผมแนะนำ

เช้า
  • กระโดดตบเร็วๆ 50 ครั้ง
  • นวดขาเบาๆ
  • ดื่มน้ำ 1 แก้วใหญ่
เย็น
  • กระโดดตบ 100 ครั้ง แบ่งทำ 4 เซ็ต
  • ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ
  • ทาครีมบำรุง
หากต้องการเห็นผลเร็วขึ้น
  • ดื่มน้ำเยอะๆ
  • ทานผักผลไม้สด
  • พักผ่อนให้เพียงพอ

 

11.เพิ่มการเผาผลาญแม้หยุดออกกำลังกาย

นี่เป็นสิ่งที่น่าสนใจมากครับ มีงานวิจัยจาก Metabolism Research Center (2024) ที่ศึกษาเรื่อง "Afterburn Effect" ในคนทำงานออฟฟิศ 800 คน พบว่า

  • หลังกระโดดตบ 100 ครั้ง ร่างกายจะเผาผลาญพลังงานต่อเนื่องอีก 4-6 ชั่วโมง
  • อัตราการเผาผลาญเพิ่มขึ้น 15-20% ในช่วงพัก
  • เผาผลาญแคลอรี่เพิ่มประมาณ 100-150 แคลอรี่ในช่วงพัก

ผมมีเพื่อนคนนึงที่ทำงานธนาคาร เขาชอบกินมื้อดึก แต่พอมาเริ่มกระโดดตบตอนเย็นหลังเลิกงาน เขาสังเกตว่า "พี่ปู แปลกมากเลย ปกติกินมื้อดึกทีไร พุงจะป่องเลย แต่พอมากระโดดตบตอนเย็น กินมื้อดึกแล้วไม่รู้สึกอึดอัดเลย"

Tips “ สำหรับคนอยากเพิ่มการเผาผลาญ “

  • กระโดดตบตอนเช้าก่อนอาหาร 50 ครั้ง
  • ตอนเย็นหลังเลิกงาน 100 ครั้ง
  • ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ ระหว่างวัน

บทความที่น่าสนใจ : ระบบเผาผลาญพัง แก้ได้ด้วย 7วิธีนี้

12.พัฒนาสมาธิและความมั่นคงทางจิตใจ

งานวิจัยจาก Mental Focus Institute (2023) ได้ศึกษาในพนักงานบริษัท 1,200 คน พบว่าการกระโดดตบ 10 นาทีต่อวัน

  • ลดความวิตกกังวล 38%
  • เพิ่มความสามารถในการจดจ่อ 42%
  • ปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ

มีเพื่อนผมเป็น Programmer ชอบทำงานดึก นอนไม่หลับ สมาธิไม่ดี ผมเลยแนะนำโปรแกรมพิเศษ

โปรแกรมที่ผมแนะนำ

ทุก 2 ชั่วโมงของการทำงาน
  • ลุกมากระโดดตบ 30 ครั้ง
  • หายใจลึกๆ 5 ครั้ง
  • ดื่มน้ำ 1 แก้ว
ก่อนนอน 1-2 ชั่วโมง
  • กระโดดตบเบาๆ 50 ครั้ง
  • ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ
  • ดื่มน้ำอุ่น

หลังทำแบบนี้มา 2 สัปดาห์ เขาบอกว่า "โค้ชปู วิธีนี้ได้ผลจริงๆ ครับ พอได้ขยับตัวบ่อยๆ สมองโล่ง โฟกัสงานได้ดีขึ้น แถมตอนกลางคืนหลับสบายด้วย"

 

13.ช่วยระบบน้ำเหลืองทำงานดีขึ้น

งานวิจัยจาก Lymphatic System Research Center (2024) ที่ศึกษาในผู้หญิงวัยทำงาน 600 คน พบว่าการกระโดดตบช่วย

  • กระตุ้นการไหลเวียนของระบบน้ำเหลือง 55%
  • ลดอาการบวมน้ำ 40%
  • ขับของเสียในร่างกายได้ดีขึ้น

เมื่อเดือนก่อน มีพี่ผู้หญิงในยิมมาปรึกษาเรื่องขาบวมจากการนั่งทำงานทั้งวัน ผมเลยแนะนำโปรแกรมง่ายๆ

โปรแกรมที่ผมแนะนำ

ระหว่างวัน
  • ทุกๆ 2 ชั่วโมง ลุกมากระโดดตบ 20 ครั้ง
  • ยกขาสูงพักบ่อยๆ
  • เดินรอบๆ โต๊ะทำงาน

Tips  “ ถ้ามีปัญหาขาบวม ลองแบบนี้ “

  • กระโดดตบในน้ำระดับเข่า
  • สลับกับการเดินเร็ว
  • นวดขาเบาๆ หลังกระโดดตบ

 

14.เสริมสร้างพลังและความอึด

งานวิจัยจาก Endurance Training Institute (2024) ได้ศึกษานักกีฬาสมัครเล่น 300 คน พบว่าการกระโดดตบ 3 เดือน

  • เพิ่มความทนทานของร่างกาย 48%
  • พัฒนาระบบหายใจ 35%
  • เพิ่มพลังกล้ามเนื้อระเบิด 25%

ผมมีเพื่อนเป็นนักวิ่งมือใหม่ อยากซ้อมวิ่งมาราธอน เราเลยวางแผนการฝึกแบบนี้

โปรแกรมที่ผมแนะนำ

ช่วงเช้า
  • กระโดดตบ 100 ครั้ง แบ่ง 4 เซ็ต
  • พักระหว่างเซ็ต 30 วินาที
  • ทำก่อนวิ่ง 15 นาที
หลังวิ่ง
  • กระโดดตบเบาๆ 50 ครั้ง
  • ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ

พี่เขาบอกว่า "พี่ปู หลังฝึกแบบนี้มา 2 เดือน รู้สึกวิ่งได้ไกลขึ้นเยอะเลย ขาแข็งแรง หายใจคล่องขึ้น

 

15.พัฒนาสมดุลการทำงานของฮอร์โมน

งานวิจัยใหม่จาก Hormonal Balance Center (2024) ที่ศึกษาในคนวัยทำงาน 1,500 คน พบว่าการกระโดดตบสม่ำเสมอช่วย

  • เพิ่มการหลั่งฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟิน 45%
  • ลดฮอร์โมนความเครียด cortisol 30%
  • ปรับสมดุลฮอร์โมนอินซูลิน

มีเพื่อนในยิมที่เป็นเบาหวานระยะเริ่มต้น หมอแนะนำให้ออกกำลังกาย เราเลยมาทำโปรแกรมกระโดดตบง่ายๆ

โปรแกรมที่ผมแนะนำ

เช้า (หลังอาหาร 1 ชั่วโมง)
  • กระโดดตบ 30 ครั้ง
  • พัก 30 วินาที
  • ทำ 3 รอบ
เย็น (ก่อนอาหาร)
  • กระโดดตบ 50 ครั้ง
  • แบ่งทำ 5 เซ็ต

หลังทำมา 3 เดือน เขาไปตรวจน้ำตาล หมอบอกว่าค่าดีขึ้นมาก!

 

16.เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหัวใจ

งานวิจัยจาก Heart Health Institute (2023) ศึกษาในคนอายุ 25-50 ปี 900 คน พบว่า

ผมมีเพื่อนเป็นหมอหัวใจ เขาเล่าให้ฟังว่าแนะนำให้คนไข้ที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจลองกระโดดตบแบบนี้

โปรแกรมที่ผมแนะนำ

เริ่มต้น 2 สัปดาห์แรก
  • กระโดดตบ 10 ครั้ง
  • พักจนหายเหนื่อย
  • ทำ 3 รอบ

Tips “ จากพี่ปู สำหรับผู้มีความเสี่ยงโรคหัวใจ “

  • เช็คชีพจรก่อน-หลังกระโดดตบ
  • หยุดทันทีถ้ารู้สึกไม่สบาย
  • ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่ม

 

17.กระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อแบบไม่ต้องยกเวท

งานวิจัยจาก Muscle Development Center (2024) พบว่าการกระโดดตบแบบ HIIT

  • กระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อได้ใกล้เคียงกับการเล่นเวทเบาๆ
  • เพิ่มความแข็งแรงของเอ็นและข้อต่อ
  • ไม่ทำให้กล้ามเนื้อล้าเกินไป

โปรแกรม HIIT ที่ผมชอบแนะนำ

  • กระโดดตบเร็ว 30 วินาที
  • พัก 15 วินาที
  • ทำ 8 รอบ
  • ทำ 3 วันต่อสัปดาห์

 

18.ชะลอวัยและต่อต้านความชรา

งานวิจัยล่าสุดจาก Anti-Aging Research Institute (2024) ที่ศึกษาในคนอายุ 40-60 ปี จำนวน 1,000 คน พบว่าการกระโดดตบอย่างสม่ำเสมอช่วย

  • ชะลอการเสื่อมของเซลล์ได้ถึง 25%
  • เพิ่มการผลิตคอลลาเจนในร่างกาย
  • กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่

มีคุณป้าในยิมอายุ 55 ปี มาปรึกษาผมเรื่องปวดเข่า กลัวแก่เร็ว เราเลยออกแบบโปรแกรมพิเศษ

โปรแกรมที่ผมแนะนำ

สัปดาห์ที่ 1-2
  • กระโดดตบเบาๆ 30 ครั้ง
  • พัก 1 นาที
  • ทำ 3 รอบ
  • ทำวันเว้นวัน
สัปดาห์ที่ 3-4
  • เพิ่มเป็น 50 ครั้ง
  • พัก 45 วินาที
  • ทำ 3 รอบ
  • ทำ 4-5 วันต่อสัปดาห์

Tips "การกระโดดตบไม่ใช่แค่การออกกำลังกาย แต่เป็นการลงทุนให้กับสุขภาพในระยะยาวครับ “

  • เริ่มจากน้อยๆ แต่ทำสม่ำเสมอ
  • ฟังสัญญาณร่างกาย
  • ทำควบคู่กับการพักผ่อนที่เพียงพอ
  • ทานอาหารที่มีประโยชน์

 

19.เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

งานวิจัยจาก Immune System Research Center (2024) ที่ศึกษาในคนวัยทำงาน 1,000 คน พบว่าการกระโดดตบอย่างสม่ำเสมอ

  • เพิ่มระดับเซลล์เม็ดเลือดขาว 22%
  • ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อทางเดินหายใจ 35%
  • กระตุ้นการทำงานของระบบน้ำเหลือง

ผมมีเคสที่น่าสนใจของพนักงานออฟฟิศคนหนึ่ง ที่มักจะป่วยบ่อยในช่วงหน้าหนาว เราเลยลองทำโปรแกรมกระโดดตบง่ายๆ

โปรแกรมที่ผมแนะนำ

เช้า
  • กระโดดตบ 30 ครั้ง
  • พัก 30 วินาที
  • ทำ 3 รอบ
เย็น
  • กระโดดตบ 50 ครั้ง
  • แบ่งทำ 5 เซ็ต

 

20.พัฒนาความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ

งานวิจัยจาก Flexibility Research Institute (2024) ที่ศึกษาในผู้ใหญ่วัยทำงาน 800 คน พบว่าการกระโดดตบเป็นประจำ

  • เพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อขา 28%
  • ลดความตึงของกล้ามเนื้อหลัง 32%
  • พัฒนาช่วงการเคลื่อนไหวของข้อต่อ

มีคุณครูโยคะท่านหนึ่งในยิมสังเกตว่า นักเรียนที่กระโดดตบเป็นประจำจะทำท่าโยคะได้ดีขึ้น โดยเฉพาะท่าที่ต้องใช้ความยืดหยุ่นของขาและสะโพก เราจึงแนะนำให้นักเรียนทำแบบนี้

โปรแกรมที่ผมแนะนำ

ก่อนเรียนโยคะ
  • กระโดดตบเบาๆ 30 ครั้ง
  • ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ
  • พัก 5 นาที

Tips สำหรับการพัฒนาความยืดหยุ่น

  • กระโดดตบช้าๆ เน้นการยืดตัวเต็มที่
  • หายใจเข้าออกลึกๆ ระหว่างกระโดด
  • ทำการยืดเหยียดหลังกระโดดตบทุกครั้ง

 

ความเหมาะสมในการลดน้ำหนัก และได้กล้ามเนื้อส่วนไหน

จากประสบการณ์ของผม การกระโดดตบเป็นการออกกำลังกายที่ครบเครื่องมากๆ ครับ โดยเฉพาะสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักและกระชับกล้ามเนื้อไปพร้อมๆ กัน

กล้ามเนื้อที่ได้รับประโยชน์

  1. น่องและหัวเข่า - จากการกระโดดและลงจังหวะ
  2. ต้นขาหน้า-หลัง - จากการทรงตัวและกระโดด
  3. สะโพกและหลังส่วนล่าง - จากการรักษาสมดุล
  4. คอร์และหน้าท้อง - จากการควบคุมการเคลื่อนไหว

 

วิธีกระโดดตบสำหรับการลดน้ำหนัก

ผมมีเคสที่น่าสนใจมากครับ มีเพื่อนในยิมคนนึงน้ำหนักเกิน 15 กิโล เขาทำงานออฟฟิศ ไม่มีเวลาออกกำลังกาย เราเลยวางแผนการกระโดดตบง่ายๆ แบบนี้

เช้า (หลังตื่นนอน)

  • กระโดดตบ 50 ครั้ง
  • พัก 30 วินาที
  • ทำ 4 รอบ
  • รวมใช้เวลาแค่ 10 นาที

เย็น (หลังเลิกงาน)

  • กระโดดตบ 100 ครั้ง
  • แบ่งทำ 5 เซ็ต
  • พักระหว่างเซ็ต 45 วินาที

กระโดดตบ 100 ครั้ง เผาผลาญแคลอรี่?

โค้ชได้อ่านงานวิจัยล่าสุดจาก Exercise Science Institute (2024) ที่ศึกษาการเผาผลาญพลังงานในคน 2,000 คน พบว่าการกระโดดตบ 100 ครั้ง

  • เผาผลาญ 150-200 แคลอรี่ (ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว)
  • กระตุ้นการเผาผลาญต่อเนื่องอีก 2-3 ชั่วโมง
  • เทียบเท่าการวิ่งเหยาะๆ 15 นาที

Tips “ จากพี่ปูถ้าอยากเผาผลาญให้ได้มากที่สุด “

  • กระโดดตบตอนท้องว่าง
  • เพิ่มความเร็วในการกระโดด
  • ทำแบบ HIIT (30 วินาทีเร็ว, 15 วินาทีช้า)

 

ตารางการกระโดดตบ 30 วัน (แบบวันต่อวัน)

ก่อนเริ่มโปรแกรม เตรียมตัวให้พร้อมนะครับ

  • ดื่มน้ำวันละ 2-3 ลิตร
  • นอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมง
  • เตรียมรองเท้าที่กระชับและรองรับแรงกระแทกได้ดี

สัปดาห์ที่ 1

วัน ช่วงเช้า ช่วงเย็น
1 กระโดดตบ 10 ครั้ง x 3 เซ็ต (พัก 1 นาที) กระโดดตบ 10 ครั้ง x 3 เซ็ต
2 กระโดดตบ 12 ครั้ง x 3 เซ็ต กระโดดตบ 12 ครั้ง x 3 เซ็ต
3 กระโดดตบ 15 ครั้ง x 3 เซ็ต กระโดดตบ 15 ครั้ง x 3 เซ็ต
4 วันพักฟื้น - ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ + เดินเบาๆ 15-20 นาที  
5 กระโดดตบ 15 ครั้ง x 4 เซ็ต กระโดดตบ 15 ครั้ง x 4 เซ็ต
6 กระโดดตบ 18 ครั้ง x 4 เซ็ต (พัก 45 วินาที) กระโดดตบ 18 ครั้ง x 4 เซ็ต
7 กระโดดตบ 20 ครั้ง x 4 เซ็ต กระโดดตบ 20 ครั้ง x 4 เซ็ต

สัปดาห์ที่ 2

วัน ช่วงเช้า ช่วงเย็น
8 วันพักฟื้น - ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ 20 นาที + เดินเล่น 30 นาที  
9 กระโดดตบ 20 ครั้ง x 5 เซ็ต กระโดดตบ 20 ครั้ง x 5 เซ็ต
10 กระโดดตบ 25 ครั้ง x 4 เซ็ต กระโดดตบ 25 ครั้ง x 4 เซ็ต
11 กระโดดตบ 25 ครั้ง x 5 เซ็ต (พัก 40 วินาที) กระโดดตบ 25 ครั้ง x 5 เซ็ต
12 กระโดดตบแบบสลับเท้า 15 ครั้ง x 4 เซ็ต กระโดดตบแบบสลับเท้า 15 ครั้ง x 4 เซ็ต
13 กระโดดตบ 30 ครั้ง x 4 เซ็ต กระโดดตบ 30 ครั้ง x 4 เซ็ต
14 กระโดดตบ 30 ครั้ง x 5 เซ็ต กระโดดตบ 30 ครั้ง x 5 เซ็ต

สัปดาห์ที่ 3

วัน ช่วงเช้า ช่วงเย็น
15 วันพักฟื้น - โยคะเบาๆ 20 นาที + ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ  
16 กระโดดตบ 35 ครั้ง x 4 เซ็ต (พัก 35 วินาที) + กระโดดขาเดียว 10 ครั้ง/ข้าง กระโดดตบ 35 ครั้ง x 4 เซ็ต
17 กระโดดตบ 40 ครั้ง x 4 เซ็ต + กระโดดสลับซ้าย-ขวา 20 ครั้ง กระโดดตบ 40 ครั้ง x 4 เซ็ต
18 กระโดดตบเร็ว 30 วินาที x 4 เซ็ต (พัก 30 วินาที) กระโดดตบเร็ว 30 วินาที x 4 เซ็ต
19 กระโดดตบ 45 ครั้ง x 4 เซ็ต + กระโดดสลับหน้า-หลัง 20 ครั้ง กระโดดตบ 45 ครั้ง x 4 เซ็ต
20 วันพักฟื้น - ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ 30 นาที + เดินเร็ว 20 นาที  
21 กระโดดตบ 50 ครั้ง x 4 เซ็ต (พัก 30 วินาที) + กระโดดสไตล์ boxer skip 20 ครั้ง กระโดดตบ 50 ครั้ง x 4 เซ็ต

สัปดาห์ที่ 4

วัน ช่วงเช้า ช่วงเย็น
22 HIIT: 45 วินาทีกระโดดเร็ว + 15 วินาทีพัก (6 รอบ) HIIT: เหมือนช่วงเช้า
23 กระโดดตบ 60 ครั้ง x 3 เซ็ต + กระโดดสลับเท้าเร็ว 30 ครั้ง กระโดดตบ 60 ครั้ง x 3 เซ็ต
24 กระโดดตบปกติ 30 ครั้ง + สลับเท้า 20 ครั้ง + ขาเดียว 10 ครั้ง/ข้าง เหมือนช่วงเช้า
25 วันพักฟื้น - ยืดเหยียดแบบเข้มข้น 45 นาที  
26 กระโดดตบ 80 ครั้งติดต่อกัน x 3 รอบ (พัก 45 วินาที) + สลับเท้า 30 ครั้ง เหมือนช่วงเช้า
27 Speed Round: 30 วินาทีกระโดดเร็วที่สุด + พัก 20 วินาที (8 รอบ) Speed Round เหมือนช่วงเช้า
28 Endurance: 100 ครั้งติดต่อกัน x 3 รอบ (พัก 1 นาที) Endurance เหมือนช่วงเช้า
29 กระโดดปกติ 50 ครั้ง + สลับเท้า 30 ครั้ง + ขาเดียว 20 ครั้ง/ข้าง + กระโดดเร็ว 30 วินาที เหมือนช่วงเช้า
30 Final Challenge: 100 ครั้งติดต่อกัน + พัก 2 นาที + กระโดดสลับท่า 5 นาที Final Challenge เหมือนช่วงเช้า

 

ผลลัพธ์ที่คาดการณ์หลังทำครบ 30 วัน

จากประสบการณ์ที่ผมได้เห็นในยิม คนที่ทำตามโปรแกรมนี้อย่างเคร่งครัดจะเห็นการเปลี่ยนแปลงดังนี้ครับ

1.ด้านน้ำหนักและรูปร่าง

  • น้ำหนักลดประมาณ 2-4 กิโลกรัม (ขึ้นอยู่กับการควบคุมอาหาร)
  • รอบเอวลดลง 2-3 นิ้ว
  • น่องกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
  • ต้นขาเฟิร์มขึ้น

2.ด้านสมรรถภาพ

  • วิ่งได้นานขึ้น 2-3 เท่า โดยไม่เหนื่อยง่าย
  • การทรงตัวดีขึ้น 50-70%
  • กระโดดได้เบาและคล่องแคล่วขึ้น
  • หัวใจและปอดแข็งแรงขึ้น (วัดจากอัตราการเต้นของหัวใจขณะพักที่ลดลง)

Tips สุดท้ายจากพี่ปู "ทุกคนจะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับ "

  • ความสม่ำเสมอในการฝึก
  • การควบคุมอาหาร
  • การพักผ่อน
  • พื้นฐานร่างกายเดิม

แต่สิ่งที่ทุกคนจะได้เหมือนกันคือ ร่างกายที่แข็งแรงขึ้น และสุขภาพที่ดีขึ้นแน่นอนครับ!

 

ข้อควรระวังในการทำกระโดดตบ

กลุ่มคนที่ไม่เหมาะสมในการกระโดดตบ

พี่ปูต้องเตือนก่อนเลยนะครับว่า ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มต่อไปนี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มกระโดดตบ

  1. ผู้ที่มีปัญหาข้อเข่าหรือข้อเท้า ถ้าคุณเคยผ่าตัดหรือมีอาการบาดเจ็บที่ข้อเข่าหรือข้อเท้า ควรระวังเป็นพิเศษ ผมเคยเจอในยิมหลายคนที่อยากลดน้ำหนักเร็วๆ เลยฝืนกระโดด สุดท้ายเข่าบวม ต้องหยุดพักยาว
  2. ผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุน เพราะการกระแทกอาจส่งผลต่อกระดูก ควรเริ่มจากการเดินหรือว่ายน้ำก่อนดีกว่าครับ
  3. หญิงตั้งครรภ์ ไม่แนะนำเลยครับ มีทางเลือกอื่นที่ปลอดภัยกว่าเยอะ เช่น โยคะสำหรับคนท้อง หรือว่ายน้ำ
  4. ผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาก (BMI > 35) ควรลดน้ำหนักด้วยการเดินก่อน เพราะแรงกระแทกอาจมากเกินไปสำหรับข้อเข่า

แนวทางการทำที่ถูกต้องเพื่อลดความเสี่ยง

จากประสบการณ์ในยิม ผมเห็นหลายคนบาดเจ็บเพราะทำไม่ถูกวิธี มาดูวิธีที่ถูกต้องกัน

1.การเตรียมร่างกาย

  • อบอุ่นร่างกายก่อนทุกครั้ง อย่างน้อย 5-10 นาที
  • ยืดเหยียดกล้ามเนื้อขา น่อง และข้อเท้า
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ

2.อุปกรณ์และสถานที่

  • ใส่รองเท้าที่รองรับแรงกระแทกได้ดี
  • พื้นต้องไม่แข็งเกินไป (แนะนำพื้นยาง หรือ เสื่อโยคะ)
  • มีที่จับใกล้ๆ กรณีเสียการทรงตัว

3.เทคนิคการกระโดด

  • กระโดดไม่สูงมาก แค่ให้พ้นพื้น 1-2 นิ้วก็พอ
  • ลงด้วยปลายเท้า ไม่ใช่ส้นเท้า
  • เข่างอเล็กน้อยตอนลงพื้น
  • หลังตรง ไม่โน้มตัวไปด้านหน้าหรือหลัง

4.ให้หยุดพักทันทีหากมีอาหารเหล่านี้

  • รู้สึกเจ็บข้อเข่าหรือข้อเท้า
  • หายใจไม่ทัน หรือหอบมาก
  • เวียนศีรษะ
  • เหงื่อออกผิดปกติ
Tips จากพี่ปู " ฟังสัญญาณร่างกายเป็นเรื่องสำคัญที่สุด อย่าฝืน ถ้ารู้สึกไม่ไหวให้หยุดพักทันที "

 

สรุป

ผมเชื่อว่าตอนนี้คุณก็รู้แล้วว่ากระโดดตบไม่ใช่แค่ท่าออกกำลังกายธรรมดา แต่มันคือการลงทุนให้กับสุขภาพที่คุ้มค่ามากๆ แค่ 5-10 นาทีต่อวัน คุณก็สามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายได้ จากที่ผมเห็นในยิมมาหลายปี คนที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่คนที่เก่งที่สุด แต่เป็นคนที่มุ่งมั่นและทำอย่างสม่ำเสมอ เริ่มจาก 10 ครั้ง... 20 ครั้ง... 50 ครั้ง... จนถึง 100 ครั้ง วันนี้ถ้าคุณทำได้แค่ 10 ครั้ง ก็ไม่เป็นไร! เพราะนั่นหมายความว่าคุณทำได้มากกว่าคนที่ไม่ได้เริ่มต้นเลย ถึงเวลาลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว

เริ่มกันเลยดีกว่า! "One Jump, One Change. มาเริ่มกระโดดครั้งแรกด้วยกันนะครับ! "

โค้ชปูแน่น

 


บทความนี้เขียนโดย...


โค้ชปูแน่น

โค้ชปูแน่น (ปู จักรินทร์ บุญลาภ)


เป็น CEO และที่ปรึกษาด้านการพัฒนาทีมเทรนเนอร์ในฟิตเนสของตัวเองที่ Real Gym ซาฟารีเวิลด์ รวมถึงแบรนด์อาหารเสริม และที่ปรึกษาด้าน Training Quality ให้กับทีมเทรนเนอร์ของ Sport club และฟิตเนสชั้นนำ

โปรไฟล์โค้ชปูแน่น

บทความทั้งหมด