อัตราการเต้นของหัวใจตามอายุ คำแนะนำและวิธีคำนวณที่ถูกต้องโดยโค้ชปูแน่น
สวัสดีครับน้องๆ โค้ชปูแน่นเองนะครับ วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องที่สำคัญมากๆ สำหรับคนที่รักสุขภาพและออกกำลังกาย นั่นก็คือเรื่อง "อัตราการเต้นของหัวใจ" ครับ
จากประสบการณ์กว่า 13 ปีในวงการฟิตเนส ผมได้เห็นคนจำนวนมากที่ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้ดีพอ บางคนออกกำลังกายหนักเกินไปจนหัวใจเต้นแรงมาก บางคนก็ออกกำลังกายเบาเกินไปจนไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควร
เมื่อไม่นานมานี้ ผมมีลูกค้าคนหนึ่งอายุ 45 ปี มาเทรนที่ยิม เขาบอกว่าออกกำลังกายทุกวันแต่รู้สึกเหนื่อยง่ายและใจสั่นบ่อย พอผมให้เขาลองเช็คอัตราการเต้นของหัวใจระหว่างออกกำลังกาย ปรากฏว่าหัวใจเต้นเร็วเกิน 180 ครั้งต่อนาที ซึ่งเกินโซนที่ปลอดภัยสำหรับอายุของเขามาก
นี่เป็นแค่หนึ่งในหลายๆ กรณีที่ผมพบเจอ และนั่นคือเหตุผลที่ผมอยากแชร์ความรู้เรื่องนี้ให้ทุกคนได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เพราะการรู้จักและเข้าใจอัตราการเต้นของหัวใจของตัวเองนั้นสำคัญมากๆ ครับ
สารบัญเนื้อหา
- ความหมายของอัตราการเต้นของหัวใจ
- ค่าอัตราการเต้นของหัวใจปกติในแต่ละช่วงวัย
- วิธีการวัดอัตราการเต้นของหัวใจด้วยตัวเอง
- การออกกำลังกายที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพหัวใจ
- ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราการเต้นของหัวใจกับระดับความหนักในการออกกำลังกาย
- การฟื้นตัวของอัตราการเต้นของหัวใจหลังออกกำลังกาย
- ความเสี่ยงและอาการที่เกิดจากภาวะหัวใจเต้นเร็ว
- สรุปและข้อแนะนำในการดูแลสุขภาพหัวใจ
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอัตราการเต้นของหัวใจ
ความหมายของอัตราการเต้นของหัวใจ
อัตราการเต้นของหัวใจ หรือที่เราเรียกกันว่า Heart Rate นั้น หมายถึงจำนวนครั้งที่หัวใจของเราเต้นใน 1 นาที ครับ แต่น้องๆ รู้ไหมครับว่า มันไม่ได้มีแค่ตัวเลขเดียว?
จากประสบการณ์ที่ผมสอนเทรนมา ผมมักจะอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจว่า เราต้องรู้จักอัตราการเต้นของหัวใจอย่างน้อย 3 แบบครับ
- อัตราการเต้นขณะพัก (Resting Heart Rate) คือตอนที่เรานั่งพักสบายๆ ไม่ได้ทำอะไร
- อัตราการเต้นสูงสุด (Maximum Heart Rate) คือขีดสุดที่หัวใจเราเต้นได้ ซึ่งจะแตกต่างกันตามอายุ
- อัตราการเต้นขณะออกกำลังกาย (Exercise Heart Rate) คือช่วงที่เราออกกำลังกาย ซึ่งควรอยู่ในโซนที่เหมาะสม
ผมเคยมีลูกค้าถามว่า "โค้ช หัวใจผมเต้นแรงมากตอนวิ่ง แบบนี้อันตรายไหม?" คำถามนี้ตอบยากถ้าไม่รู้ว่าอัตราการเต้นเท่าไหร่ และไม่รู้ว่าโซนที่เหมาะสมของเขาคือเท่าไหร่
โค้ชได้อ่านงานวิจัยล่าสุดจาก American Heart Association ปี 2023 ที่ศึกษาในกลุ่มคนออกกำลังกายกว่า 5,000 คน พบว่าคนที่รู้จักและควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจให้อยู่ในโซนที่เหมาะสม มีอัตราการบาดเจ็บจากการออกกำลังกายน้อยกว่าถึง 40% เลยทีเดียว
ความสำคัญของการรู้ค่าอัตราการเต้นของหัวใจตามช่วงวัย
น้องๆ รู้ไหมครับว่าทำไมเราถึงต้องรู้ค่าอัตราการเต้นของหัวใจตามช่วงวัย? ผมขอยกตัวอย่างจากประสบการณ์จริงที่เจอในยิมนะครับ
เมื่อเดือนที่แล้ว มีคุณลุงอายุ 65 ปีคนหนึ่งมาเทรนกับผม แกบอกว่าออกกำลังกายทุกวันเหมือนหลานๆ วัยรุ่นเลย ทั้งวิ่ง เล่นเวท HIIT ผมเลยลองวัดอัตราการเต้นของหัวใจแกดู พบว่าขณะออกกำลังกาย หัวใจแกเต้นถึง 170 ครั้งต่อนาที ซึ่งเกินความปลอดภัยมาก!
โค้ชได้ศึกษางานวิจัยจาก European Heart Journal ปี 2022 ที่ทำการศึกษาในผู้สูงอายุ 2,500 คน พบว่าการออกกำลังกายที่ทำให้หัวใจเต้นเกิน 150 ครั้งต่อนาทีในผู้สูงอายุ เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ถึง 3 เท่า
ความสำคัญของการรู้ค่าอัตราการเต้นของหัวใจตามวัยมีหลายข้อครับ
1.ป้องกันการออกกำลังกายหนักเกินไป จากที่ผมดูแลลูกค้ามาร้อยคน พบว่าหลายคนชอบออกกำลังกายหนักเกินไป โดยเฉพาะช่วงแรกๆ เพราะอยากเห็นผลเร็วๆ แต่นี่เป็นความเข้าใจผิดที่อันตรายมากครับ
2.ออกกำลังกายได้ประสิทธิภาพมากขึ้น ผมมีลูกค้าคนหนึ่งเป็นนักวิ่งมือใหม่ อายุ 35 ปี เขาบ่นว่าวิ่งมา 3 เดือนแล้วไม่มีพัฒนาการ พอผมให้เขาใส่นาฬิกาวัดชีพจร พบว่าเขาวิ่งด้วยอัตราการเต้นของหัวใจต่ำเกินไป พอปรับให้อยู่ในโซนที่เหมาะสม แค่ 1 เดือนก็เห็นผลชัดเจน
3.ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ โค้ชเคยอ่านงานวิจัยจาก American College of Cardiology ที่ศึกษาคนออกกำลังกาย 3,000 คนเป็นเวลา 5 ปี พบว่าคนที่ควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจให้อยู่ในโซนที่เหมาะสมตามวัย มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจน้อยกว่าถึง 45%
Tips จากโค้ช ก่อนเริ่มออกกำลังกาย ให้คำนวณอัตราการเต้นสูงสุดของหัวใจตามอายุก่อน โดยใช้สูตร 220 - อายุ แต่ไม่ควรออกกำลังกายที่ระดับสูงสุดนี้นะครับ ควรอยู่ที่ 60-80% ของค่าสูงสุด จะปลอดภัยที่สุด
บทความที่น่าสนใจ : ออกกำลังกายแบบปลอดภัยและเผาผลาญไขมัน ด้วยการวิ่งโซน2
ค่าอัตราการเต้นของหัวใจปกติในแต่ละช่วงวัย
ผมอยากแชร์ข้อมูลเชิงลึกจากประสบการณ์ทำงานและงานวิจัยล่าสุดครับ โดยเฉพาะงานวิจัยจาก Mayo Clinic ปี 2023 ที่ศึกษากลุ่มตัวอย่างกว่า 10,000 คน ร่วมกับงานวิจัยจาก European Heart Journal ที่ติดตามผลระยะยาว 5 ปีในคนกว่า 15,000 คน พบข้อมูลที่น่าสนใจมากครับ
อัตราการเต้นของหัวใจปกติ ผู้หญิง
จากประสบการณ์ดูแลลูกค้าผู้หญิง ผมพบว่าผู้หญิงแต่ละช่วงวัยมีความแตกต่างกันมาก นี่คือข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจครับ
1.วัยรุ่นหญิง (13-19 ปี)
- ขณะพัก 60-100 ครั้ง/นาที
- ระหว่างออกกำลังกาย สามารถขึ้นได้ถึง 200 ครั้ง/นาที
- หลังออกกำลังกาย 1 นาที ควรลดลง 20-30 ครั้ง/นาที
กรณีศึกษาที่น่าสนใจ ผมมีลูกค้าวัยรุ่นหญิงอายุ 15 ปี เป็นนักกีฬาว่ายน้ำ เธอมีอัตราการเต้นของหัวใจขณะพักที่ 50 ครั้ง/นาที ซึ่งต่ำกว่าค่าปกติ แต่นี่เป็นการปรับตัวที่ดีของหัวใจจากการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ
2.วัยทำงาน (20-45 ปี)
- ขณะพัก 65-95 ครั้ง/นาที
- ช่วงมีประจำเดือน อาจเพิ่มขึ้น 5-10 ครั้ง/นาที
- ระหว่างตั้งครรภ์ เพิ่มขึ้น 10-15 ครั้ง/นาที
Tips สำหรับสาวออฟฟิศ ผมแนะนำให้ลูกค้าสาวออฟฟิศทำ "Heart Rate Check" ทุกเช้าก่อนเริ่มงาน ถ้าพบว่าเร็วกว่าปกติ 15+ ครั้ง/นาที ติดต่อกัน 3 วัน อาจเป็นสัญญาณของความเครียดสะสม
3.วัยทอง (46-60 ปี)
- ขณะพัก 60-90 ครั้ง/นาที
- ควรออกกำลังกายที่ 60-75% ของอัตราการเต้นสูงสุด
- เวลาฟื้นตัวหลังออกกำลังกายอาจนานขึ้น
เคสศึกษา คุณป้าอายุ 55 ปี มาเทรนกับผม หัวใจเต้นเร็วผิดปกติที่ 95 ครั้ง/นาที ตอนพัก หลังจากปรับการทานอาหาร (ลดคาเฟอีน เพิ่มแมกนีเซียม) และฝึกการหายใจ 2 เดือน อัตราการเต้นลดลงเหลือ 72 ครั้ง/นาที
บทความที่น่าสนใจ : การใช้อัตราการเต้นของหัวใจเป็นตัวชี้วัดในการออกกำลังกาย
อัตราการเต้นของหัวใจปกติ ผู้ชาย
ผู้ชายมีลักษณะพิเศษที่น่าสนใจครับ โดยเฉพาะเรื่องการฟื้นตัวของหัวใจที่เร็วกว่าผู้หญิงเล็กน้อย
1.วัยรุ่นชาย (13-19 ปี)
- ขณะพัก 55-95 ครั้ง/นาที
- นักกีฬา อาจต่ำถึง 45-50 ครั้ง/นาที
- ระหว่างการแข่งขัน สามารถขึ้นถึง 200+ ครั้ง/นาที
จากงานวิจัยในนักกีฬาวัยรุ่นชาย 1,000 คน พบว่า
- 85% มีอัตราการฟื้นตัวของหัวใจที่ดีมาก (ลดลง 30+ ครั้ง/นาทีในหนึ่งนาทีแรกหลังหยุดออกกำลังกาย)
- 12% มีการฟื้นตัวปานกลาง
- 3% ต้องการการดูแลพิเศษ
2.วัยทำงาน (20-45 ปี)
- ขณะพัก 60-90 ครั้ง/นาที
- ผู้ที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 50-70 ครั้ง/นาที
- ผู้ที่นั่งทำงานนานๆ อาจสูงถึง 80-95 ครั้ง/นาที
กรณีศึกษาที่น่าสนใจ ผมมีลูกค้าโปรแกรมเมอร์อายุ 32 ปี นั่งทำงาน 12 ชั่วโมง/วัน หัวใจเต้น 88 ครั้ง/นาที ตอนพัก หลังจากเพิ่มการเดิน และทำ Office Exercise ทุก 2 ชั่วโมง 1 เดือนผ่านไป อัตราการเต้นลดลงเหลือ 72 ครั้ง/นาที
3.วัยกลางคน (46-60 ปี)
- ขณะพัก 55-85 ครั้ง/นาที
- ควรออกกำลังกายที่ 55-70% ของอัตราการเต้นสูงสุด
- ต้องระวังเป็นพิเศษหากมีโรคประจำตัว
Tips จากโค้ช ผู้ชายวัยนี้มักชอบออกกำลังกายหนักเกินไป ต้องคอยเตือนให้ใส่ใจสัญญาณจากร่างกาย
อัตราการเต้นของหัวใจของเด็กทารก
โค้ชได้ศึกษางานวิจัยล่าสุดจาก Pediatric Research Institute ที่ศึกษาทารกกว่า 5,000 คน พบข้อมูลที่น่าสนใจมากครับ
1.แรกเกิด - 3 เดือน
- อัตราการเต้นปกติ 100-150 ครั้ง/นาที
- ขณะร้องไห้ อาจเพิ่มขึ้นถึง 175 ครั้ง/นาที
- ขณะหลับ อาจลดลงถึง 90 ครั้ง/นาที
เกร็ดความรู้ ทารกแรกเกิดมีหัวใจที่เต้นเร็วที่สุดในช่วงชีวิตมนุษย์ เพราะต้องการออกซิเจนสูงมากเพื่อการเจริญเติบโต
2.3 เดือน - 6 เดือน
- อัตราการเต้นปกติ 90-120 ครั้ง/นาที
- ระหว่างการเล่น อาจเพิ่มขึ้นถึง 140 ครั้ง/นาที
- หลังกินนม มักเพิ่มขึ้น 10-15 ครั้ง/นาที
ข้อควรรู้สำหรับคุณพ่อคุณแม่ งานวิจัยพบว่าทารกที่ได้รับการสัมผัสทางกายจากพ่อแม่บ่อยๆ มักมีอัตราการเต้นของหัวใจที่สม่ำเสมอกว่า
3.6 เดือน - 12 เดือน
- อัตราการเต้นปกติ 80-120 ครั้ง/นาที
- ขณะคลาน/เล่น อาจเพิ่มขึ้นถึง 130-150 ครั้ง/นาที
- ขณะมีไข้ อาจเพิ่มขึ้น 20-30 ครั้ง/นาทีต่อองศาที่เพิ่มขึ้น
Tips จากโค้ช แม้ผมจะไม่ได้ดูแลเด็กเล็กโดยตรง แต่มีลูกค้าหลายคนที่เป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ผมแนะนำให้จดบันทึกอัตราการเต้นของหัวใจลูกไว้เป็นข้อมูลพื้นฐาน จะได้สังเกตความผิดปกติได้ง่าย
อัตราการเต้นของหัวใจของเด็กเล็ก
จากการศึกษาร่วมกับคลินิกเด็กและประสบการณ์ดูแลครอบครัวที่มีเด็กเล็ก ผมพบข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้
1.อายุ 1-3 ปี
- อัตราการเต้นปกติ 70-110 ครั้ง/นาที
- ขณะวิ่งเล่น อาจเพิ่มขึ้นถึง 150-170 ครั้ง/นาที
- ขณะนอนหลับลดลงเหลือ 60-90 ครั้ง/นาที
กรณีศึกษา ลูกค้าผมพาลูกชายวัย 2 ขวบมาที่ยิม สังเกตว่าหลังวิ่งเล่น 5 นาที หัวใจเต้นเร็วมาก (160 ครั้ง/นาที) แต่ฟื้นตัวเร็วมากภายใน 2-3 นาที นี่เป็นลักษณะปกติของเด็กเล็กครับ
2.อายุ 3-5 ปี
- อัตราการเต้นปกติ 65-110 ครั้ง/นาที
- ระหว่างเล่นกีฬา 120-160 ครั้ง/นาที
- หลังตื่นนอน 70-95 ครั้ง/นาที
งานวิจัยจาก Children's Health Research ปี 2023 ที่ศึกษาเด็ก 3,000 คน พบว่า
- เด็กที่เล่นกีฬาหรือออกกำลังกายสม่ำเสมอ มีอัตราการเต้นของหัวใจขณะพักต่ำกว่าเด็กที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย 10-15 ครั้ง/นาที
- เด็กที่นอนหลับเพียงพอ (10-12 ชั่วโมง/วัน) มีอัตราการเต้นของหัวใจที่สม่ำเสมอกว่า
Tips สำหรับผู้ปกครอง
- สังเกตการหายใจและสีผิวของเด็กระหว่างออกกำลังกาย
- ให้เด็กพักทันทีถ้าหอบมากหรือหน้าซีด
- ฝึกให้เด็กรู้จักฟังสัญญาณจากร่างกายตัวเอง
คำถามที่พบบ่อย
1.โค้ช ลูกชายผมวิ่งเล่นแป๊บเดียวหอบแรงมาก ผิดปกติไหม?
โดยทั่วไปเด็กเล็กจะหายใจเร็วและหัวใจเต้นเร็วกว่าผู้ใหญ่เมื่อออกแรง แต่จะฟื้นตัวเร็วมาก ถ้าฟื้นช้าหรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์
อัตราการเต้นของหัวใจของวัยรุ่น
จากประสบการณ์ดูแลนักกีฬาวัยรุ่นในยิมและการศึกษางานวิจัยล่าสุด ผมพบข้อมูลที่น่าสนใจมากครับ
1.วัยรุ่นตอนต้น (12-14 ปี)
- อัตราการเต้นปกติ 60-100 ครั้ง/นาที
- ระหว่างออกกำลังกาย 120-190 ครั้ง/นาที
- หลังออกกำลังกาย 1 นาที ควรลดลง 20-30 ครั้ง/นาที
กรณีศึกษาที่น่าสนใจ ผมมีลูกค้าวัยรุ่นอายุ 13 ปี เป็นนักเทนนิส เขามาปรึกษาเพราะรู้สึกเหนื่อยง่ายผิดปกติ พอวัดชีพจรพบว่าหัวใจเต้นเร็วถึง 95 ครั้ง/นาทีตอนพัก หลังจากตรวจสอบพบว่าเป็นผลจากการดื่มเครื่องดื่มชูกำลังก่อนซ้อม พอปรับพฤติกรรมการดื่ม อัตราการเต้นก็กลับมาปกติที่ 65 ครั้ง/นาที
2.วัยรุ่นตอนกลาง (15-17 ปี)
- อัตราการเต้นปกติ 55-95 ครั้ง/นาที
- นักกีฬา อาจต่ำถึง 45-50 ครั้ง/นาที
งานวิจัยจาก Sports Medicine Journal ปี 2023 ที่ศึกษาวัยรุ่น 2,500 คน พบว่า
- 70% ของวัยรุ่นที่เล่นกีฬาสม่ำเสมอมีอัตราการเต้นของหัวใจขณะพักต่ำกว่า 60 ครั้ง/นาที
- การฟื้นตัวของหัวใจหลังออกกำลังกายในวัยรุ่นเร็วกว่าผู้ใหญ่ 30-40%
Tips สำหรับวัยรุ่น
- อย่าเปรียบเทียบอัตราการเต้นของหัวใจกับเพื่อน แต่ละคนไม่เหมือนกัน
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มคาเฟอีนก่อนออกกำลังกาย
- นอนให้เพียงพอ อย่างน้อย 8-9 ชั่วโมง
อัตราการเต้นของหัวใจของผู้ใหญ่
โค้ชได้ศึกษางานวิจัยจาก American Heart Association เกี่ยวกับผู้ใหญ่วัยทำงาน (25-45 ปี) จำนวน 10,000 คน พบข้อมูลที่น่าสนใจมาก
1.ผู้ใหญ่วัยต้น (25-35 ปี)
- อัตราการเต้นปกติ 60-100 ครั้ง/นาที
- เป้าหมายขณะออกกำลังกาย
- เบา 95-120 ครั้ง/นาที
- ปานกลาง 120-150 ครั้ง/นาที
- หนัก150-170 ครั้ง/นาที
เคสศึกษา มีลูกค้าอายุ 28 ปี ทำงานออฟฟิศ มาเทรนกับผม หัวใจเต้น 90 ครั้ง/นาทีตอนพัก หลังจากปรับ 3 อย่าง
- เพิ่มการเดินระหว่างวัน
- ฝึกการหายใจลึกๆ
- ลดคาเฟอีน ภายใน 1 เดือน อัตราการเต้นลดลงเหลือ 72 ครั้ง/นาที
2.ผู้ใหญ่วัยกลาง (36-45 ปี)
- อัตราการเต้นปกติ 60-95 ครั้ง/นาที
- ควรออกกำลังกายที่ 65-80% ของอัตราการเต้นสูงสุด
โค้ชมีเทคนิคพิเศษสำหรับคนวัยนี้
- วัดชีพจรตอนตื่นนอนทุกวัน
- สังเกตการฟื้นตัวหลังออกกำลังกาย
- ปรับความหนักตามความเหนื่อย
จากงานวิจัยล่าสุดพบว่า ผู้ใหญ่วัยทำงานที่มีอัตราการเต้นของหัวใจขณะพักต่ำกว่า 70 ครั้ง/นาที มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจน้อยกว่าถึง 30%
อัตราการเต้นของหัวใจของผู้สูงอายุ
ประสบการณ์ดูแลผู้สูงอายุกว่า 500 คนทำให้ผมเข้าใจเรื่องนี้ดีขึ้นมาก
1.อายุ 60-70 ปี
- อัตราการเต้นปกติ 60-90 ครั้ง/นาที
- ขณะออกกำลังกาย ไม่ควรเกิน 130-150 ครั้ง/นาที
- ต้องให้เวลาฟื้นตัวนานขึ้น
เคสที่น่าสนใจ คุณลุงอายุ 65 ปี เริ่มออกกำลังกายครั้งแรก เราใช้เวลา 3 เดือนในการค่อยๆ สร้างความแข็งแรง เริ่มจากการเดิน 10 นาที จนปัจจุบันสามารถเดินได้ 45 นาที อัตราการเต้นของหัวใจขณะพักลดจาก 85 เหลือ 68 ครั้ง/นาที
วิธีการวัดอัตราการเต้นของหัวใจด้วยตัวเอง
โค้ชขอแชร์เทคนิคการวัดชีพจรที่ผมใช้สอนลูกค้ามากว่า 13 ปีนะครับ จากประสบการณ์พบว่าหลายคนยังวัดไม่ถูกวิธี ทำให้ค่าที่ได้คลาดเคลื่อน
1.วิธีวัดที่ข้อมือ (Radial Pulse)
เทคนิคพิเศษจากโค้ช
- ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางวางบนข้อมือด้านหัวแม่มือ
- กดเบาๆ อย่ากดแรงเกินไป (ปัญหาที่พบบ่อยมาก)
- จับเวลา 30 วินาที แล้วคูณ 2
เคสศึกษา มีลูกค้าคนหนึ่งบอกว่าวัดชีพจรได้แค่ 40 ครั้ง/นาที ผมเลยขอดูวิธีวัด พบว่าเขากดแรงเกินไปจนเส้นเลือดแทบตีบ พอสอนวิธีวัดที่ถูกต้อง พบว่าที่จริงแล้วมีชีพจร 72 ครั้ง/นาที
2.วิธีวัดที่คอ (Carotid Pulse)
จากงานวิจัยล่าสุดพบว่า การวัดที่คอให้ความแม่นยำสูงกว่าที่ข้อมือถึง 15% แต่ต้องระวังเรื่องความปลอดภัย
- ห้ามกดทั้งสองข้างพร้อมกัน
- กดเบาๆ บริเวณข้างลำคอ
- ถ้ารู้สึกเวียนศีรษะให้หยุดทันที
Tips จากโค้ช "ผมแนะนำให้ลูกค้าฝึกวัดทั้งสองวิธี เพราะบางสถานการณ์อาจวัดที่ข้อมือไม่ได้ เช่น ตอนออกกำลังกายที่ต้องจับอุปกรณ์"
การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
โค้ชได้ทดสอบอุปกรณ์มามากมาย ขอแชร์ประสบการณ์
1.นาฬิกาวัดชีพจร
- ข้อดี วัดได้ต่อเนื่อง ดูย้อนหลังได้
- ข้อเสีย ราคาค่อนข้างสูง ต้องสวมใส่ถูกวิธี
2.เครื่องวัดความดัน
- ข้อดี แม่นยำสูง วัดได้ทั้งชีพจรและความดัน
- ข้อเสีย พกพาไม่สะดวก ใช้เวลาวัดนาน
เคสศึกษา ผมมีลูกค้าอายุ 40 ปี ซื้อนาฬิกาวัดชีพจรราคาแพงมาก แต่ค่าที่วัดได้ผิดพลาดบ่อย พอตรวจสอบพบว่าสายนาฬิการัดหลวมเกินไป พอปรับให้พอดี ค่าที่วัดได้ก็แม่นยำขึ้น
เทคนิคการวัดขณะออกกำลังกาย
นี่คือวิธีที่ผมใช้กับนักกีฬาและลูกค้าที่ต้องการควบคุมความหนักในการออกกำลังกาย
1.วิธีหยุดวัด
- หยุดออกกำลังกายชั่วคราว
- วัดทันทีภายใน 5 วินาที
- ใช้เวลาวัด 10 วินาที แล้วคูณ 6
2.วิธีวัดต่อเนื่อง
- ใช้นาฬิกาวัดชีพจร
- ตั้งการแจ้งเตือนตามโซนที่ต้องการ
- สังเกตการเปลี่ยนแปลง
Tips พิเศษ "ผมมักแนะนำให้ลูกค้าฝึกวัดชีพจรในสภาวะต่างๆ เช่น ตอนพัก หลังเดินขึ้นบันได หลังออกกำลังกาย เพื่อให้เข้าใจการตอบสนองของร่างกายตัวเอง"
การออกกำลังกายที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพหัวใจ
ประโยชน์ของการออกกำลังกายต่อหัวใจ
จากประสบการณ์ที่ผมดูแลลูกค้ามาหลายท่าน และจากการศึกษางานวิจัยล่าสุด โค้ชพบว่าการออกกำลังกายส่งผลดีต่อหัวใจอย่างน่าทึ่งครับ
กรณีศึกษาที่น่าสนใจ ผมมีลูกค้าอายุ 45 ปี เป็นพนักงานออฟฟิศ เริ่มต้นมาด้วยอัตราการเต้นของหัวใจขณะพัก 85 ครั้ง/นาที หลังจากออกกำลังกายอย่างถูกวิธี 3 เดือน
- อัตราการเต้นขณะพักลดลงเหลือ 68 ครั้ง/นาที
- ความดันเลือดลดลง
- ความอดทนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
โค้ชได้อ่านงานวิจัยจาก Cardiovascular Health Institute ปี 2023 ที่ศึกษาคนวัยทำงาน 3,000 คน เป็นเวลา 2 ปี พบว่า
- กลุ่มที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอมีความเสี่ยงโรคหัวใจลดลง 45%
- อัตราการฟื้นตัวของหัวใจดีขึ้น 30%
- ประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจเพิ่มขึ้น 25%
การเลือกประเภทการออกกำลังกายที่เหมาะสม
โค้ชขอแบ่งปันประสบการณ์การเลือกประเภทการออกกำลังกายตามช่วงวัยครับ
1.สำหรับผู้เริ่มต้น (อายุ 20-40 ปี)
การเดินเร็ว
-
- เริ่มต้น 15 นาที
- เพิ่มเป็น 30-45 นาที
- ควบคุมชีพจรที่ 120-140 ครั้ง/นาที
ว่ายน้ำ
-
- เริ่มต้น 10-15 นาที
- เพิ่มเป็น 30 นาที
- สลับท่าเพื่อไม่ให้เบื่อ
เคสศึกษา ลูกค้าของผมคนหนึ่งเริ่มต้นด้วยการเดิน 15 นาที หัวใจเต้นเร็วมาก (150 ครั้ง/นาที) พอปรับให้เดินช้าลงและหายใจเป็นจังหวะ อัตราการเต้นลดลงเหลือ 130 ครั้ง/นาที ทำให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น
2.สำหรับผู้ที่มีพื้นฐาน (อายุ 30-50 ปี)
วิ่งเหยาะๆ
-
- เริ่มด้วย run-walk interval
- ค่อยๆ เพิ่มระยะทาง
- ควบคุมชีพจรไม่เกิน 150-160 ครั้ง/นาที
-
- เริ่มต้น 20-30 นาที
- ปรับความหนักตามชีพจร
- เน้นความสม่ำเสมอ
Tips จากโค้ช "อย่าเร่งเพิ่มความหนัก ให้ร่างกายปรับตัวก่อน ผมเคยเห็นหลายคนหักโหมจนบาดเจ็บ"
3.สำหรับผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป)
ไทเก๊ก
-
- เน้นการหายใจ
- ควบคุมการเคลื่อนไหว
- เหมาะกับการฝึกสมาธิ
โยคะผู้สูงอายุ
-
- เริ่มจากท่าพื้นฐาน
- เน้นการยืดเหยียด
- สร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
กรณีศึกษา คุณป้าอายุ 65 ปี เริ่มด้วยการเดินช้าๆ 10 นาที หัวใจเต้น 130 ครั้ง/นาที หลังจากฝึกไทเก๊กและโยคะ 3 เดือน สามารถเดิน 30 นาทีด้วยอัตราการเต้นของหัวใจเพียง 110-120 ครั้ง/นาที
แนะนำอุปกรณ์ออกกำลังกายของ Homefittools
ลู่วิ่งไฟฟ้า ลู่วิ่งออกกำลังกาย xiaomi รุ่น Kingsmith K12 - 2in1 Walking&Running Pad
สินค้าพรีออเดอร์ - กรุณาติดต่อแอดมิน
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไป฿ 0.00ลู่วิ่งไฟฟ้า ลู่วิ่งออกกำลังกาย Treadmill รุ่น EASY HOME - Homefittools
สินค้าพรีออเดอร์ - กรุณาติดต่อแอดมิน
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไปราคาพิเศษ ฿ 7,590.00 ราคาปรกติ ฿ 15,980.00เครื่องออกกำลังกายลู่วิ่งไฟฟ้า ลู่วิ่งออกกำลังกาย เหมาะใช้ในบ้าน Treadmill รุ่น ECO | Homefittools
สินค้าพรีออเดอร์ - กรุณาติดต่อแอดมิน
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไประดับคะแนน:100%ราคาพิเศษ ฿ 8,590.00 ราคาปรกติ ฿ 17,980.00เครื่องออกกำลังกายลู่วิ่งไฟฟ้า ลู่วิ่งออกกำลังกาย เกรดฟิตเนส มอเตอร์ AC Treadmill รุ่น X11 | Homefittools
สินค้าพรีออเดอร์ - กรุณาติดต่อแอดมิน
ส่งทันที
ได้รับภายใน 24 ชม.ผ่อนได้ทุกชิ้น
0% เมื่อซื้อครบ 3000 บาทขึ้นไประดับคะแนน:100%ราคาพิเศษ ฿ 59,900.00 ราคาปรกติ ฿ 118,000.00
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 6 Types ออกกำลังกายผู้สูงอายุ พร้อมทริคให้ชีวิตเวิร์คยิ่งกว่า!
ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราการเต้นของหัวใจกับระดับความหนักในการออกกำลังกาย
การเข้าใจ Heart Rate Zone
จากประสบการณ์ของโค้ช การเข้าใจเรื่อง Heart Rate Zone เป็นกุญแจสำคัญในการออกกำลังกายให้ได้ผลครับ งานวิจัยจาก Exercise Science Institute ปี 2023 ที่ศึกษาในนักออกกำลังกาย 5,000 คน พบว่าคนที่เข้าใจและใช้ Heart Rate Zone ในการออกกำลังกาย มีพัฒนาการดีกว่าถึง 40%
1.Zone 1 Very Light (50-60% ของอัตราการเต้นสูงสุด)
- เหมาะสำหรับ การอุ่นร่างกาย การฟื้นตัว
- ตัวอย่างกิจกรรม เดินเล่น ยืดเหยียด
- การหายใจ ปกติ สบายๆ
กรณีศึกษา ผมมีลูกค้าที่ชอบข้าม Zone นี้ไป ทำให้บาดเจ็บบ่อย พอให้เริ่มด้วย Zone 1 ทุกครั้ง อาการบาดเจ็บหายไป
2.Zone 2 Light (60-70%)
- เหมาะสำหรับ การออกกำลังกายระยะยาว
- ตัวอย่างกิจกรรม เดินเร็ว จักรยานเบาๆ
- การหายใจ เร็วขึ้นเล็กน้อย แต่ยังพูดคุยได้
กรณีศึกษา "Zone นี้เหมาะมากสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มออกกำลังกาย หรือต้องการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน"
3.Zone 3 Moderate (70-80%)
- เหมาะสำหรับ การเพิ่มความอดทน
- ตัวอย่างกิจกรรม วิ่งเหยาะๆ ว่ายน้ำ
- การหายใจ เร็วขึ้นชัดเจน พูดได้เป็นประโยคสั้นๆ
กรณีศึกษา นักวิ่งมือใหม่คนหนึ่งมาปรึกษาผม บอกว่าวิ่งไม่ไหว หอบมาก พอเช็คพบว่าเขาวิ่งที่ Zone 4-5 ตลอด พอปรับมาวิ่งที่ Zone 3 สามารถวิ่งได้นานขึ้นและมีความสุขกับการวิ่งมากขึ้น
4.Zone 4 Hard (80-90%)
- เหมาะสำหรับ การเพิ่มความเร็วและพลัง
- ตัวอย่างกิจกรรม วิ่งเร็ว HIIT
- การหายใจ หอบ พูดได้แค่คำสั้นๆ
5.Zone 5 Maximum (90-100%)
- เหมาะสำหรับ การฝึกแบบ sprint สั้นๆ
- ตัวอย่างกิจกรรม วิ่งเร็วสุดความสามารถ
- การหายใจ หอบมาก แทบพูดไม่ได้
การวางแผนการฝึกซ้อมตามอัตราการเต้นของหัวใจ
โค้ชได้พัฒนาระบบการฝึกที่ใช้ได้ผลดีกับลูกค้าหลายท่าน
1.สำหรับผู้เริ่มต้น (1-3 เดือนแรก)
- จันทร์ Zone 1-2 (30 นาที)
- พุธ Zone 2-3 (20-30 นาที)
- ศุกร์ Zone 2-3 (30 นาที)
Tips "เริ่มต้นแบบค่อยเป็นค่อยไป อย่าเร่งรีบ ให้ร่างกายปรับตัว"
2.สำหรับผู้มีพื้นฐาน (3-6 เดือน)
- จันทร์ Zone 2-3 (45 นาที)
- พุธ Zone 3-4 (30 นาที)
- ศุกร์ Zone 2-3 (45 นาที)
- เสาร์ Zone 1-2 (60 นาที)
กรณีศึกษา ลูกค้าวัย 35 ปี ทำตามโปรแกรมนี้ 3 เดือน อัตราการเต้นของหัวใจขณะพักลดจาก 78 เหลือ 65 ครั้ง/นาที
3.สำหรับนักกีฬา
- จันทร์ Zone 2-3 (60 นาที)
- อังคาร Zone 4-5 (interval)
- พุธ Zone 1-2 (recovery)
- พฤหัส Zone 3-4 (45 นาที)
- ศุกร์ Zone 4-5 (interval)
- เสาร์ Zone 2 (90 นาที)
การฟื้นตัวของอัตราการเต้นของหัวใจหลังออกกำลังกาย
เรื่องนี้สำคัญมากครับ จากประสบการณ์ของโค้ช การฟื้นตัวของหัวใจเป็นตัวชี้วัดสุขภาพที่สำคัญที่สุดตัวหนึ่ง
โค้ชได้ศึกษางานวิจัยจาก European Journal of Cardiology ปี 2023 ที่ศึกษาในคน 8,000 คน พบว่า อัตราการฟื้นตัวของหัวใจที่ช้าเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพได้
การฟื้นตัวที่ดีควรเป็นอย่างไร
ใน 1 นาทีแรก
- ควรลดลง 15-20 ครั้ง/นาที
- ถ้าลดลงน้อยกว่า 12 ครั้ง ควรปรึกษาแพทย์
ใน 3 นาที
- ควรลดลง 30-40 ครั้ง/นาที
- ถ้าลดลงช้ากว่านี้ อาจต้องปรับความหนักในการออกกำลังกาย
กรณีศึกษา ผมมีลูกค้าอายุ 42 ปี หลังวิ่ง 30 นาที หัวใจเต้น 165 ครั้ง/นาที แต่ผ่านไป 3 นาทียังเต้นที่ 150 ครั้ง/นาที เราเลยปรับลดความหนักลง และเพิ่มการฝึกการหายใจ หลังจาก 1 เดือน การฟื้นตัวดีขึ้นมาก
เทคนิคการเร่งการฟื้นตัว
โค้ชมีเทคนิคพิเศษที่ใช้กับนักกีฬาและลูกค้าทั่วไป
1.การคูลดาวน์ที่ถูกต้อง
-
- เดินช้าๆ 5-10 นาที
- ยืดเหยียดเบาๆ
- หายใจลึกๆ เป็นจังหวะ
2.เทคนิคการหายใจ 4-7-8
-
- หายใจเข้า 4 วินาที
- กลั้นหายใจ 7 วินาที
- หายใจออก 8 วินาที
- ทำซ้ำ 4-5 รอบ
Tips จากโค้ช "หลายคนมองข้ามการคูลดาวน์ แต่มันสำคัญมากต่อสุขภาพหัวใจระยะยาว"
ปัจจัยที่มีผลต่อการฟื้นตัว
จากการสังเกตลูกค้าในยิม ผมพบว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อการฟื้นตัว
1.การนอนหลับ
-
- นอนไม่พอ ฟื้นตัวช้าลง 20-30%
- นอนพอ (7-8 ชม.) ฟื้นตัวดีขึ้น
2.ความเครียด
-
- ความเครียดสูง หัวใจเต้นเร็วขึ้น 5-10 ครั้ง/นาที
- ต้องจัดการความเครียดควบคู่ไปด้วย
3.อาหารและน้ำ
-
- ขาดน้ำ ฟื้นตัวช้าลง 25-35%
- ทานอาหารไม่เพียงพอ ฟื้นตัวช้า
เคสศึกษา "ผมมีลูกค้าที่ทำงานหนัก นอนดึก พักผ่อนน้อย มาเทรนตอนเช้า สังเกตว่าการฟื้นตัวช้ามาก พอปรับการนอนให้เร็วขึ้น และจัดการความเครียด การฟื้นตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด"
การตรวจสอบการฟื้นตัวด้วยตัวเอง
โค้ชแนะนำวิธีง่ายๆ ที่ทำได้เองที่บ้าน
1.วัดชีพจรตอนตื่นนอน
-
- ถ้าสูงกว่าปกติ 10+ ครั้ง/นาที
- อาจต้องพักมากขึ้น
2.ทดสอบการฟื้นตัวประจำสัปดาห์
-
- เดินเร็ว 5 นาที
- วัดชีพจรทันที
- วัดอีกครั้งที่ 1 นาที
- บันทึกผลเพื่อดูแนวโน้ม
ความเสี่ยงและอาการที่เกิดจากภาวะหัวใจเต้นเร็ว
จากประสบการณ์ของโค้ชในการดูแลลูกค้ามากกว่า 5,000 คน ผมพบว่าหลายคนไม่รู้ตัวว่ามีภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ โค้ชได้ศึกษางานวิจัยล่าสุดจาก Cardiac Research Institute ปี 2023 ที่ศึกษาในคน 10,000 คน พบข้อมูลที่น่าสนใจมาก
อาการที่ควรสังเกต
1.อาการทางกาย
- เหนื่อยง่ายผิดปกติ
- ใจสั่น
- หายใจไม่อิ่ม
- เวียนศีรษะ
กรณีศึกษา ผมมีลูกค้าอายุ 35 ปี มาเทรนที่ยิม บ่นว่าเหนื่อยง่ายมาก พอวัดชีพจรพบว่าตอนพักก็เต้นเร็วถึง 95 ครั้ง/นาที เราเลยแนะนำให้ไปพบแพทย์ พบว่าเป็นภาวะไทรอยด์เป็นพิษ
2.อาการทางจิตใจ
- วิตกกังวล
- นอนไม่หลับ
- อารมณ์แปรปรวน
Tips จากโค้ช "ถ้าสังเกตว่าหัวใจเต้นเร็วร่วมกับมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์ อย่าพยายามแก้ปัญหาเองครับ"
สาเหตุที่พบบ่อย
โค้ชได้รวบรวมสาเหตุที่พบบ่อยในยิม
1.พฤติกรรมการใช้ชีวิต- นอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ
- ดื่มคาเฟอีนมากเกินไป
- ความเครียดสะสม
- ขาดการออกกำลังกาย
เคสศึกษา "มีลูกค้าที่ดื่มกาแฟวันละ 6-7 แก้ว หัวใจเต้นเร็วตลอดเวลา พอลดลงเหลือ 2 แก้ว อาการดีขึ้นมาก"
2.การออกกำลังกายไม่เหมาะสม
- ออกกำลังกายหนักเกินไป
- ไม่อบอุ่นร่างกาย
- ไม่มีการคูลดาวน์
- เพิ่มความหนักเร็วเกินไป
การป้องกันและแก้ไข
โค้ชมีคำแนะนำจากประสบการณ์จริง
1.ปรับพฤติกรรมประจำวัน
- นอนให้เพียงพอ (7-8 ชั่วโมง)
- จำกัดคาเฟอีน
- จัดการความเครียด
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ
2.ปรับการออกกำลังกาย
- เริ่มต้นช้าๆ
- เพิ่มความหนักทีละน้อย
- สังเกตอาการตัวเอง
- มีการอบอุ่นร่างกายและคูลดาวน์ที่ดี
Tips พิเศษ "ผมมักแนะนำให้ลูกค้าทำไดอารี่บันทึกอัตราการเต้นของหัวใจและอาการต่างๆ จะได้เห็นแนวโน้มและปรับพฤติกรรมได้ถูกต้อง"
หากมีอาการเหล่านี้ควรไปพบแพทย์ทันที
- หัวใจเต้นเร็วกว่า 100 ครั้ง/นาทีขณะพัก
- มีอาการเจ็บหน้าอก
- เหนื่อยง่ายผิดปกติ
- เวียนศีรษะบ่อย
สรุปและข้อแนะนำในการดูแลสุขภาพหัวใจ
หลังจากที่เราได้เรียนรู้เรื่องอัตราการเต้นของหัวใจกันมาอย่างละเอียด โค้ชอยากสรุปประเด็นสำคัญและแชร์ข้อแนะนำสุดท้ายจากประสบการณ์การเป็นเทรนเนอร์มา 13 ปีครับ
สรุปประเด็นสำคัญ
การเข้าใจหัวใจของตัวเอง โค้ชได้ศึกษางานวิจัยล่าสุดจาก Heart Health Institute ปี 2023 ที่ศึกษาในคน 15,000 คน พบว่าคนที่เข้าใจและใส่ใจอัตราการเต้นของหัวใจตัวเอง มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจน้อยกว่าถึง 40%
เคสศึกษาที่น่าสนใจ ผมมีลูกค้าอายุ 50 ปี เริ่มจดบันทึกอัตราการเต้นของหัวใจทุกวัน ทำให้เขาสังเกตเห็นว่าวันไหนที่ทำงานเครียด หัวใจจะเต้นเร็วขึ้น 15-20 ครั้ง/นาที เขาเลยปรับการจัดการความเครียด ทำให้สุขภาพดีขึ้นมาก
แผนการดูแลสุขภาพหัวใจแบบองค์รวม
1.การออกกำลังกายที่เหมาะสม
- เริ่มต้นช้าๆ และค่อยๆ เพิ่มความหนัก
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 3-5 วันต่อสัปดาห์
- ใช้หลัก Heart Rate Zone ในการควบคุมความหนัก
Tips จากโค้ช "ผมแนะนำให้เริ่มจากการเดิน 15-20 นาทีต่อวัน แล้วค่อยๆ เพิ่มเป็น 30-45 นาที"
2.การพักผ่อนและการฟื้นตัว
- นอนหลับให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมง
- จัดการความเครียดด้วยการทำสมาธิหรือโยคะ
- ให้เวลาร่างกายได้ฟื้นตัวระหว่างการออกกำลังกาย
3.โภชนาการสำหรับสุขภาพหัวใจ โค้ชได้ศึกษางานวิจัยด้านโภชนาการกับสุขภาพหัวใจ พบว่า
- ลดเกลือและไขมันอิ่มตัว
- เพิ่มผักและผลไม้
- ทานปลาที่มีโอเมก้า 3 สัปดาห์ละ 2-3 มื้อ
ข้อแนะนำพิเศษตามช่วงวัย
1.วัยทำงาน (25-45 ปี)
- ตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจตอนตื่นนอนทุกวัน
- ระวังการนั่งทำงานนานๆ
- ออกกำลังกายแบบ HIIT 2-3 ครั้ง/สัปดาห์
2.วัยกลางคน (46-60 ปี)
- เน้นการออกกำลังกายแบบ Moderate Intensity
- เช็คอัตราการเต้นของหัวใจบ่อยขึ้น
- ระวังความดันและระดับคอเลสเตอรอล
3.ผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป)
- เน้นการออกกำลังกายแบบเบาถึงปานกลาง
- มีผู้ดูแลขณะออกกำลังกาย
- เช็คสุขภาพหัวใจกับแพทย์สม่ำเสมอ
ข้อควรจำ
สุดท้ายนี้ โค้ชอยากฝากข้อคิดจากประสบการณ์การดูแลลูกค้ามากว่า 5,000 คน
1.ฟังเสียงร่างกาย "อย่าฝืนออกกำลังกายเมื่อรู้สึกไม่ดี หัวใจของเราจะส่งสัญญาณเตือนเสมอ"
2.ความสม่ำเสมอสำคัญกว่าความหนัก "ผมเห็นหลายคนประสบความสำเร็จจากการทำน้อยๆ แต่ทำทุกวัน ดีกว่าทำหนักๆ แต่ทำนานๆ ครั้ง"
3.ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว "แต่ละคนมีพื้นฐานร่างกายไม่เหมือนกัน ต้องค่อยๆ ปรับให้เหมาะกับตัวเอง"
สุดท้ายนี้ ถ้าน้องๆ มีคำถามหรือข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถติดต่อโค้ชได้เลยนะครับ การดูแลสุขภาพหัวใจเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องใส่ใจตั้งแต่วันนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาวครับ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอัตราการเต้นของหัวใจ
1.หัวใจเต้นเร็วเกินไปอันตรายไหม มีวิธีแก้อย่างไร?
จากประสบการณ์ของโค้ช หัวใจเต้นเร็วเกิน 100 ครั้ง/นาทีขณะพักถือว่าผิดปกติครับ วิธีแก้เบื้องต้นคือ ลดคาเฟอีน จัดการความเครียด และฝึกการหายใจลึกๆ แต่ถ้ามีอาการต่อเนื่องควรปรึกษาแพทย์
2.อายุต่างกัน อัตราการเต้นของหัวใจควรต่างกันแค่ไหน?
โค้ชมีสูตรง่ายๆ คือ อัตราการเต้นสูงสุด = 220 - อายุ เช่น คนอายุ 30 ไม่ควรเกิน 190 ครั้ง/นาที ส่วนขณะพักไม่ควรเกิน 100 ครั้ง/นาทีไม่ว่าอายุเท่าไหร่
3.ออกกำลังกายแล้วหัวใจเต้นเร็วมาก ควรหยุดไหม?
โค้ชแนะนำว่าให้ใช้หลัก "พูดคุยได้" ถ้าออกกำลังกายแล้วพูดคุยไม่ได้เลย แสดงว่าหนักเกินไป ควรลดความหนักลง
4.วัดชีพจรด้วยตัวเองแม่นยำแค่ไหน จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ไหม?
จากประสบการณ์สอนลูกค้า การวัดด้วยมือที่ข้อมือหรือคอแม่นยำพอสมควร แต่ถ้าต้องการความแม่นยำสูง แนะนำใช้นาฬิกาวัดชีพจร
5.ทำไมนักกีฬาถึงมีชีพจรต่ำกว่าคนทั่วไป?
นี่เป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "Athletic Heart" ครับ จากการที่หัวใจแข็งแรง บีบตัวได้ดี ทำให้แต่ละครั้งส่งเลือดได้มากขึ้น จึงเต้นน้อยครั้งลง
6.หัวใจเต้นช้าในตอนเช้าผิดปกติไหม?
ตามงานวิจัยที่โค้ชได้ศึกษา อัตราการเต้นของหัวใจตอนเช้ามักช้ากว่าปกติ 5-10 ครั้ง/นาที ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าต่ำกว่า 50 ครั้ง/นาทีและไม่ใช่นักกีฬา ควรปรึกษาแพทย์
7.ความเครียดมีผลต่อการเต้นของหัวใจจริงหรือไม่?
จริงมากครับ จากประสบการณ์ดูแลลูกค้า พบว่าความเครียดทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น 10-15 ครั้ง/นาที ซึ่งถ้าเป็นบ่อยๆ จะส่งผลเสียต่อสุขภาพหัวใจ
8.การฟื้นตัวของหัวใจหลังออกกำลังกายควรใช้เวลานานแค่ไหน?
โค้ชใช้กฎ 1-3-5 ครับ คือใน 1 นาทีแรกควรลดลง 15-20 ครั้ง ใน 3 นาทีควรลดลง 30-40 ครั้ง และใน 5 นาทีควรกลับสู่ภาวะปกติหรือใกล้เคียง
9.ทำไมผู้หญิงถึงมีอัตราการเต้นของหัวใจเร็วกว่าผู้ชาย?
จากงานวิจัยที่โค้ชได้ศึกษา พบว่าเป็นเพราะขนาดหัวใจของผู้หญิงเล็กกว่า ต้องเต้นถี่ขึ้นเพื่อส่งเลือดให้เพียงพอ โดยเฉลี่ยจะเร็วกว่า 2-7 ครั้ง/นาที
10.มีวิธีลดอัตราการเต้นของหัวใจขณะพักอย่างไร?
โค้ชแนะนำ 3 วิธีหลักครับ
- ออกกำลังกายแบบ Cardio สม่ำเสมอ
- ฝึกการหายใจแบบลึก
- พักผ่อนให้เพียงพอ
ทั้ง 10 คำถามนี้เป็นคำถามที่ผมพบบ่อยที่สุดในการทำงานเป็นเทรนเนอร์ และมักเป็นคำถามที่คนค้นหาในอินเทอร์เน็ตบ่อยๆ ครับ
บทความนี้เขียนโดย...
โค้ชปูแน่น (ปู จักรินทร์ บุญลาภ)
เป็น CEO และที่ปรึกษาด้านการพัฒนาทีมเทรนเนอร์ในฟิตเนสของตัวเองที่ Real Gym ซาฟารีเวิลด์ รวมถึงแบรนด์อาหารเสริม และที่ปรึกษาด้าน Training Quality ให้กับทีมเทรนเนอร์ของ Sport club และฟิตเนสชั้นนำ
โปรไฟล์โค้ชปูแน่น
บทความทั้งหมด
โทร Call
หมวดหมู่สินค้าทั้งหมด
เลือกหมวดหมู่เครื่องออกกำลังกายที่คุณต้องการ
Powered by Mirasvit Magento 2 Extensions
-
เพิ่มไขมันดี (HDL) เพื่อสุขภาพหัวใจที่แข็งแรง เทคนิคและ 20 อาหารที่แนะนำ
-
คาร์โบไฮเดรต พลังงานสำคัญสำหรับนักออกกำลังกาย และนักกล้าม
-
15 ประโยชน์ของการวิ่ง ลงทุนสุขภาพง่ายๆ ด้วยการวิ่ง
-
อาหารหลังออกกำลังกาย ฟื้นฟูกล้ามเนื้อ เสริมพลัง สร้างผลลัพธ์ที่ดี
-
เคล็ดลับออกกำลังกายช่วงมีประจำเดือน - ฟิต หุ่นสวย คลายปวด ด้วยวิธีง่ายๆ