‘ดื่มน้ำ’ ช่วยลดน้ำหนักได้หรือไม่? ดื่มกี่ลิตรถึงเผาผลาญอย่างพอเหมาะ
ก็แค่ดื่มน้ำก็อาจเป็นเรื่องปรกติสำหรับหลายคน แต่ถ้าเพิ่มการดื่มน้ำสักนิดเพียง 1% ก็อาจทำให้ชีวิตคุณเปลี่ยนไป และถ้าเป็นน้ำหนึ่งแก้วจะให้ผลมหาศาลขนาดไหน อีกหนึ่งประเด็นคัดสรรด้านสุขภาพจากโฮมฟิตทูลส์ ที่คุณไม่ควรพลาดพูดคุยในวันนี้ ซึ่งเปรียบเสมือน ‘ของขวัญ’ จากธรรมชาติที่สายรักสุขภาพควรรู้!
แค่ดื่มน้ำ ก็ช่วยลดน้ำหนักได้
บางทีน้ำหนักที่ลดลงอาจไม่ได้มาจากเหงื่อ ปัสสาวะหรือขับถ่ายเท่านั้น แต่อาจเกิดจากปฏิกิริยา Thermogenesis เพื่อสร้างความร้อนทดแทนอุณหภูมิร่างกายที่เย็นลงหลังดื่มน้ำ ซึ่งสามารถใช้กับหลักการ Cool down หลังออกกำลังกาย ทั้งยังช่วยร่างกายเราได้หลากหลายประการ ได้แก่
- Sympathetic Activity Boost: การดื่มน้ำมีส่วนช่วยให้เกิดกิจกรรมทางประสาทที่เรียกว่า ‘ซิมพาเธติก’ (Sympathetic) ให้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลดีให้ระดับเมตาบอลิซึมและอัตราเต้นของหัวใจเพิ่มสูงขึ้น
- Warm Water Effect: งานวิจัยหนึ่งได้พบว่าบุคคลที่ดื่มน้ำอุ่นจำนวน 200 – 250 มิลลิลิตรหลังอาหารมีแนวโน้มลดน้ำหนักได้มากกว่าและมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ที่ต่ำกว่าอีกกลุ่มที่ควบคุม
- Water Before Meal: การดื่มน้ำก่อนอาหารอาจช่วยให้รู้สึกหิวน้อยลง ซึ่งโดยมากเกิดขึ้นเฉพาะกลุ่มคนที่มีน้ำหนักในกลุ่มค่าเฉลี่ย BMI โดยงานวิจัยทางจิตวิทยาชิ้นหนึ่ง ได้ทดลองกับกลุ่มผู้เข้าร่วมจำนวน 49 คน ทดลองดื่มน้ำ 500 มิลลิลิตรตลอดเช้าก่อนรับประทานบุฟเฟ่ต์ช่วงบ่าย พบว่าการดื่มน้ำมีผลให้กินข้าวกลางวันได้น้อยลง แต่ของแบบนี้ไม่มีผลกับคนน้ำหนักตัวเยอะ
- Break Down Fat: การดื่มน้ำยังกระตุ้นให้ร่างกายแยกสลายไขมันโดยไม่ก่อให้น้ำตาลในเลือดหรืออินซูลินเพิ่มขึ้นสูง ซึ่งยังช่วยลดน้ำหนักได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้การดื่มน้ำอาจช่วยลดทอนโอกาสที่น้ำหนักจะเพิ่มในระยะยาวซึ่งน้ำหนักจะขึ้นโดยเฉลี่ยเพียง 1.45 กิโลกรัมหากดื่มน้ำครบทุก 4 ปี ดังจากการศึกษาพบว่าผู้ที่ดื่มน้ำเพิ่ม 1 แก้วต่อวันจะลดน้ำหนักได้เพิ่มขึ้น 0.13 กิโลกรัม (0.23 ปอนด์) และผู้ที่ดื่มน้ำ 1 ถ้วยแทนเครื่องดื่มผสมน้ำตาลจะลดน้ำหนักได้ 0.5 กก. (1.1 ปอนด์) ในตลอดระยะเวลา 4 ปี
ประเด็นคำถามที่พบบ่อย
1. ต้องดื่มน้ำมากเท่าไหร่จึงจะลดน้ำหนักได้
ดื่มน้ำ 8 แก้วต่อวันขนาด 8 ออนซ์ (ประมาณ 2 ลิตร) มักเป็นคำคุ้นหูที่ได้ยินบ่อยตั้งแต่เด็ก แต่ถึงอย่างนั้นก็ขึ้นอยู่แต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการเหงื่อออกง่าย หรือพึ่งเปลี่ยนอิริยาบถหลังออกกำลังกายเป็นประจำ หรือบางแหล่งจาก National Academy of Science ได้แนะนำว่าดื่มน้ำปริมาณ 3.7 ลิตร (124 ออนซ์) ในผู้ชาย และ 2.7 ลิตร (92 ออนซ์) ในผู้หญิงซึ่งเป็นน้ำหนักที่รวมทั้งน้ำและอาหาร
2. ดื่มน้ำเวลาไหนจึงเหมาะสม
สภากาชาด ได้แนะว่าโดยปรกติที่เราใช้ชีวิตประจำวันนั้น ควรแบ่งการดื่มน้ำออกเป็น 5 เวลา ได้แก่
- ตอนตื่นนอน (6 – 7 โมงเช้า) 1 แก้วช่วยลดภาวะขาดน้ำตอนนอนหลับเพื่อกระตุ้นขับถ่าย ไหลเวียนเลือดสะดวกเนื่องจากไม่ข้นหนืด
- ช่วงเช้า (8 – 9 โมงเช้า) 1 แก้วก่อนมื้ออาหาร 20 นาทีหลังอาหารจิบน้ำเพียงเล็กน้อย
- ช่วงบ่ายและเย็น ดื่มกันสูญเสียน้ำเพียง 2 – 3 แก้วรับอากาศที่ร้อนจัด
- ช่วงเย็นและก่อนนอน (6 โมงเย็นถึง 4 ทุ่ม) ดื่มก่อนนอน ล้างของเสียตกค้างในร่างกาย ซึ่งทุกช่วงควรดื่มไม่เกิน 240 มิลลิลิตร และสำหรับคนเป็นโรคไตและหัวใจนั้นควรจำกัดปริมาณการดื่มตามคำชี้แนะของแพทย์
3. ควรดื่มน้ำในรูปแบบใดจึงเหมาะสม
ไม่ใช่แค่จังหวะเวลา แต่ยังหมายรวมถึงลักษณะดื่มน้ำของเราด้วย ยิ่งผสมผสานเข้ากับกิจวัตรประจำวันซึ่งช่วยให้เรามั่นใจ ไม่ว่าจะ Mix & Match ตัวน้ำให้เข้ากับชุดสมุนไพรอย่างมะนาว ใบชาอ่อน ก็ล้วนแล้วเป็นส่วนเสริมที่ช่วยรู้สึกผ่อนคลาย พร้อมคุณสมบัติจากตัวสมุนไพรที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ
4. ควรดื่มน้ำในรูปแบบใดจึงเหมาะสม
ไม่ใช่แค่จังหวะเวลา แต่ยังหมายรวมถึงลักษณะดื่มน้ำของเราด้วย ยิ่งผสมผสานเข้ากับกิจวัตรประจำวันซึ่งช่วยให้เรามั่นใจ ไม่ว่าจะ Mix & Match ตัวน้ำให้เข้ากับชุดสมุนไพรอย่างมะนาว ใบชาอ่อน ก็ล้วนแล้วเป็นส่วนเสริมที่ช่วยรู้สึกผ่อนคลาย พร้อมคุณสมบัติจากตัวสมุนไพรที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ
สรุป
อย่างไรก็ตาม การดื่มน้ำนั้นก็ไม่ได้ช่วยเรื่องการลดน้ำหนักแบบ 100% ยังต้องควบคู่เรื่องของการทานอาหาร ควบคู่กับการออกกำลังกายไปด้วย เพื่อให้เห็นผลลัพท์ที่ดีกว่า แต่การดื่มน้ำนั้นเป็นเพียงหนึ่ง 1 ปัจจัยในการลดน้ำหนักเท่านั้น
บทความเรื่องการลดน้ำหนักอื่นๆ
ลดน้ำหนักแบบรวดเร็วด้วยวิธีธรรมชาติแต่ไม่เสียสุขภาพ สำหรับคนน้ำหนักเยอะ
การลดน้ำหนักหรือการควบคุมน้ำหนัก หรือการออกกำลังการเผื่อลดน้ำหนักนั้น อาจจะฟังดูแล้วรู้สึกเสียเวลา จึงมักจะทำให้เกิดการลดน้ำหนักที่ผิดวิธี เช่น การอดข้าว ทานข้าวน้อย หรือพึ่งยาลดน้ำหนัก ที่ฟังดูง่ายและเห็นผลไวกว่า แต่ถึงอย่างนั้น...
พุงยุบลดทุกส่วนได้ผลจริงแค่ ออกกำลังกาย 30 นาที ลดพุง ทุกเช้า
ใครมีเวลาตอนเช้าพอที่จะ ออกกำลังกาย 30 นาที สัปดาห์ละ 3-5 วัน บอกเลยว่า หุ่นดีแน่นอน เพราะการ ออกกำลังกาย 30 นาที ตอนเช้าลดน้ำหนักได้จริง เหตุผลก็คือในเวลาเช้าที่คุณตื่นขึ้นมา ร่างกายของคุณได้ผ่านกระบวนการฟื้นฟู และมีการเผาผลาญพลังงานไปเป็นที่เรียบร้อย
ตารางลดน้ำหนัก 30 วัน ด้วยการใช้ "ลู่วิ่งไฟฟ้า"
งในวิธีดูแลสุขภาพของทุกคน นั่นคือการพยายามทำให้น้ำหนักอยู่ ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งถ้าประเมินตามค่า BMI หรือ Body Mass Index หมายถึง ค่าดัชนีมวลกาย ควรอยู่ในระดับ 18.50-23 หากมากกว่านี้จะถือเป็นกลุ่ม “อ้วน”
แหล่งอ้างอิง
- https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/37036559/
- https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/29678599/
Powered by Mirasvit Magento 2 Extensions
- ฟังโค้ชตัวจริงว่าออกกำลังกายตอนเช้าดีอย่างไร ทำไมต้องเริ่มต้นวันด้วยการออกกำลังกาย
- วิธีเล่นท่า Dumbbell Bench Press พร้อมวิดีโอสาธิต อัปเดต 2025 - โค้ชออตโต้
- วิธีเล่นท่า Dumbbell Fly พร้อมวิดีโอสาธิต อัปเดต 2025 - โค้ชออตโต้
- วิธีเล่นท่า Standing Dumbbell Biceps Curls พร้อมวิดีโอสาธิต อัปเดต 2025 - โค้ชออตโต้
- หน้าท้องแบนราบ ด้วยการออกกำลังกาย Pilates 15 นาทีต่อวัน