ติดต่อเจ้าหน้าที่
เครื่องออกกำลังกาย อุปกรณ์ออกกําลังกาย อุปกรณ์ฟิตเนส
view-th view-en
ตะกร้า 0 ตะกร้าสินค้า

วิธีปลดล็อก Cheat Day VS Cheat Meal ทำยังไงให้กินได้ไม่อ้วน!

วิธีปลดล็อก Cheat Day VS Cheat Meal ทำยังไงให้กินได้ไม่อ้วน!

สวัสดีครับ ผมโค้ชปูแน่น วันนี้ผมจะมาแชร์เรื่องที่ทำให้หลายคนปวดหัวมาก จากประสบการณ์ดูแลลูกค้าที่ฟิตเนส ผมเจอคำถามนี้บ่อยมาก "โค้ช..Cheat Day กับ Cheat Meal อันไหนดีกว่ากัน?" "ทำแล้วจะอ้วนไหม?" วันนี้ผมจะมาไขข้อข้องใจนี้ให้หมดกันไปเลยครับ

Cheat Day คืออะไร ?

"ชีทเดย์" หรือ "วันโกง" เป็นแนวคิดยอดนิยมในวงการควบคุมน้ำหนักและสร้างกล้ามเนื้อ เป็นวันที่ผู้คนอนุญาตให้ตัวเองพักจากแผนการกินที่เคร่งครัด และเพลิดเพลินกับอาหารที่ปกติถูกห้ามในช่วงควบคุมอาหาร สำหรับหลายคน ชีทเดย์เป็นเสมือนวันแห่งการปลดปล่อย ได้อิ่มเอมกับอาหารจานโปรดโดยไม่รู้สึกผิด

อย่างไรก็ตาม การใช้ประโยชน์จากชีทเดย์อย่างชาญฉลาดเป็นสิ่งสำคัญ การกินอย่างไม่ยั้งคิดในวันเดียวอาจส่งผลเสียต่อความพยายามควบคุมน้ำหนักที่สั่งสมมาทั้งสัปดาห์ได้ ในขณะเดียวกัน มีทฤษฎีว่าชีทเดย์อาจช่วยกระตุ้นการเผาผลาญในร่างกาย และป้องกันภาวะ "ชะงักงัน" ในการลดน้ำหนัก

ประเด็นสำคัญที่ยังถกเถียงกันคือความถี่ที่เหมาะสมของชีทเดย์ บางคนแนะนำสัปดาห์ละครั้ง บางคนเสนอทุกสองสัปดาห์หรือเดือนละครั้ง ขึ้นอยู่กับเป้าหมายส่วนบุคคลและสภาพร่างกายของแต่ละคน ในบทความนี้ เราจะสำรวจแง่มุมต่างๆ ของชีทเดย์ ทั้งข้อดี ข้อเสีย และวิธีการใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพและเป้าหมายการควบคุมน้ำหนักของคุณ

บทความที่เกี่ยวข้อง : แนะนำ 30 เมนูลดน้ำหนัก !

Cheat Day VS Cheat Meal อะไรเหมาะกับคุณ?

เมื่อพูดถึง Cheat Day และ Cheat Meal หลายคนอาจสงสัยว่าทั้งสองแบบนี้ต่างกันอย่างไร จากประสบการณ์ตรงที่ผมได้ดูแลลูกค้ามาหลายร้อยคน รวมถึงตัวผมเองที่ต้องเตรียมตัวแข่งขัน ผมพบว่าแต่ละแบบมีข้อดีและความเหมาะสมที่แตกต่างกัน

Cheat Day นั้นเหมือนการปลดล็อคให้ตัวเองได้กินอะไรก็ได้ตลอดทั้งวัน ซึ่งอาจทำให้แคลอรี่พุ่งขึ้นถึง 3,000-4,000 แคลอรี่เลยทีเดียว วิธีนี้เหมาะกับคนที่คุมอาหารมาอย่างเข้มงวดต่อเนื่อง 4-6 สัปดาห์ และมีวินัยสูงพอที่จะกลับมาคุมอาหารได้ในวันถัดไป

ส่วน Cheat Meal นั้นจะจำกัดการ "โกง" ไว้แค่หนึ่งมื้อเท่านั้น ทำให้ควบคุมแคลอรี่ได้ดีกว่า โดยทั่วไปจะเพิ่มขึ้นประมาณ 800-1,200 แคลอรี่ ผมมักแนะนำวิธีนี้สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มควบคุมอาหาร เพราะกลับเข้าสู่การคุมอาหารได้ง่ายกว่า

เลือกซื้อ "อุปกรณ์ออกกำลังกาย" คุณภาพสูงได้ที่นี่ คลิกเลย !

ผลต่อฮอร์โมนและการเผาผลาญ

ฮอร์โมนกับน้ำหนัก Cheat Day

เรื่องที่น่าสนใจมากคือผลของการ Cheat ต่อฮอร์โมนในร่างกาย จากงานวิจัยใน International Journal of Obesity พบว่าการ Cheat แบบมีแผนส่งผลดีต่อร่างกายอย่างน่าประหลาดใจ

ฮอร์โมนเลปตินซึ่งควบคุมความหิวจะเพิ่มขึ้นหลังจาก Cheat ประมาณ 24-36 ชั่วโมง ช่วยให้เราควบคุมความหิวได้ดีขึ้น ในขณะเดียวกัน ฮอร์โมนกรีลินที่กระตุ้นความหิวจะลดลงชั่วคราว ทำให้เรารู้สึกอิ่มได้นานขึ้น ที่น่าสนใจไปกว่านั้น การเผาผลาญของร่างกายจะเพิ่มขึ้น 6-8% ใน 24 ชั่วโมงแรกหลังจาก Cheat ก่อนจะค่อยๆ กลับสู่ภาวะปกติใน 2-3 วัน

 

การเลือก Cheat ให้เหมาะกับเป้าหมาย

ตลอดเวลาที่ผมดูแลลูกค้า ผมพบว่าการเลือกระหว่าง Cheat Day และ Cheat Meal แบบไหนดีกว่า นั้นขึ้นอยู่กับเป้าหมายและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก ผมมักแนะนำให้เริ่มจาก Cheat Meal ก่อน เพราะควบคุมง่ายและไม่ทำให้แผนการลดน้ำหนักสะดุด

ส่วนนักกีฬาหรือคนที่เล่นกล้าม การทำ Cheat Day อาจเป็นตัวเลือกที่ดี ผมเคยใช้วิธีนี้ตอนเตรียมตัวแข่งขัน พบว่าช่วยเติมพลังงานให้กล้ามเนื้อและทำให้การซ้อมในวันถัดไปมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ตารางเปรียบเทียบการ Cheat สำหรับแต่ละเป้าหมาย

เป้าหมาย

แบบที่แนะนำ

ความถี่

หมายเหตุ

ลดน้ำหนัก

Cheat Meal

1 ครั้ง/สัปดาห์

ควบคุมแคลอรี่ได้ดีกว่า

เพิ่มกล้ามเนื้อ

Cheat Day

1-2 ครั้ง/เดือน

เติมไกลโคเจนได้เต็มที่

รักษาน้ำหนัก

Cheat Meal

2 ครั้ง/สัปดาห์

ยืดหยุ่นกับไลฟ์สไตล์

 

แผนการกินที่เหมาะสมสำหรับสัปดาห์ที่มี Cheat Meal

ตารางแผนการกิน 7 วัน

วัน/มื้อ

เช้า

ว่างเช้า

กลางวัน

ว่างบ่าย

เย็น

หมายเหตุ

วันจันทร์

ไข่ต้ม 2 ฟอง + ขนมปังโฮลวีต 1 แผ่น (150 แคล)

อัลมอนด์ 10 เม็ด (70 แคล)

อกไก่ย่าง + สลัดผัก (300 แคล)

โยเกิร์ตไขมัน 0% (70 แคล)

ปลาแซลมอนย่าง + ผักต้ม (300 แคล)

เน้นโปรตีนและผัก

วันอังคาร

ข้าวโอ๊ต 1/2 ถ้วย + กล้วยหอม 1 ลูก (250 แคล)

แครอทสติ๊ก (50 แคล)

สเต็กเนื้อ + มันหวาน 1 ลูกเล็ก (350 แคล)

วอลนัท 10 เม็ด (90 แคล)

ไก่นึ่ง + ซุปผัก (250 แคล)

ลดน้ำตาลและคาร์บ

วันพุธ (Cheat)

ไข่ขาวต้ม 3 ฟอง + ผักโขม (150 แคล)

โยเกิร์ตไขมัน 0% (70 แคล)

Cheat Meal เบอร์เกอร์ + มันฝรั่งทอด (600 แคล)

ฝรั่ง 1 ลูก (60 แคล)

สลัดอกไก่ + น้ำมันมะกอก (250 แคล)

เน้นควบคุมแคลมื้อเย็น

วันพฤหัสบดี

ข้าวกล้อง 1 ทัพพี + อกไก่ย่าง (200 แคล)

ถั่วลิสงต้ม 1 กำมือ (150 แคล)

ข้าวไรซ์เบอร์รี + ต้มยำกุ้ง (300 แคล)

แอปเปิล 1 ลูก (80 แคล)

ปลานึ่ง + น้ำพริก + ผักสด (250 แคล)

สมดุลโปรตีนและคาร์บ

วันศุกร์

โจ๊กข้าวกล้อง + ไข่ต้ม 1 ฟอง (200 แคล)

วอลนัท 10 เม็ด (90 แคล)

ไก่เทอริยากิ + ผักต้ม (300 แคล)

แครอท + แตงกวาสด (50 แคล)

สลัดทูน่า + น้ำมันมะกอก (250 แคล)

เพิ่มไฟเบอร์

วันเสาร์

สมูทตี้ผักผลไม้ (150 แคล)

อัลมอนด์ 10 เม็ด (70 แคล)

สเต็กปลา + มันหวาน 1 ลูกเล็ก (350 แคล)

โยเกิร์ตไขมัน 0% (70 แคล)

ต้มจืดไก่ + ผักสด (250 แคล)

อาหารย่อยง่าย

วันอาทิตย์

ไข่ต้ม 2 ฟอง + สลัดผัก (150 แคล)

ผลไม้สด (60 แคล)

อกไก่ย่าง + ผักต้ม (300 แคล)

ถั่วลิสงต้ม (90 แคล)

ซุปฟักทอง + ไข่ขาว (250 แคล)

คุมแคลอรีวันพัก Cheat Meal

 

เทคนิคการวางแผน Cheat Day อย่างชาญฉลาด

Cheat tips

การจะทำ Cheat ให้ได้ผลดี ต้องมีการวางแผนที่ดี จากประสบการณ์ของผม มีเคล็ดลับง่ายๆ ดังนี้

  • สำหรับ Cheat Day เลือกวันที่ไม่มีกิจกรรมสำคัญ และวางแผนมื้ออาหารล่วงหน้า ผมเคยมีลูกค้าคนหนึ่งทำ Cheat Day ก่อนวันพรีเซนต์งานสำคัญ ผลคือรู้สึกอืดอัดและขาดสมาธิ ดังนั้นควรเลือกวันที่เราสามารถพักผ่อนได้เต็มที่
  • สำหรับ Cheat Meal ควรเลือกมื้อที่มีความหมาย เช่น มื้อเย็นวันเกิด หรือมื้อกลางวันที่ต้องสังสรรค์กับเพื่อน แล้วคุมมื้ออื่นๆ ให้เข้มขึ้น ผมมักแนะนำให้ลูกค้าเลือกมื้อเที่ยงเป็น Cheat Meal เพราะร่างกายยังมีเวลาเผาผลาญตลอดช่วงบ่าย

อุปกรณ์ออกกำลังกายที่เกี่ยวข้องกับบทความนี้



เทคนิคลับ Cheat Meal แบบชาญฉลาด

1.เลือกโปรตีนเป็นหลัก

อาหารที่มีโปรตีนสูงช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อและเพิ่มการเผาผลาญพลังงานระหว่างวัน ตัวเลือกที่ดี ได้แก่

    • เบอร์เกอร์ไก่แบบไม่ใส่ชีส
    • แซลมอนย่างที่เสิร์ฟพร้อมกับสลัดผัก
    • พิซซ่าโฮลวีตหน้าไก่หรือซีฟู้ดที่ใส่ชีสน้อย

2.หลีกเลี่ยงน้ำตาลสูง

น้ำตาลเป็นแหล่งพลังงานที่ไม่คงทนและอาจทำให้น้ำตาลในเลือดแกว่งไปมา ซึ่งส่งผลให้รู้สึกหิวเร็วขึ้นหลังมื้ออาหาร ตัวอย่างที่ควรหลีกเลี่ยง

    • ขนมหวาน เช่น เค้ก คุกกี้ และไอศกรีม
    • เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เช่น ชานมไข่มุก น้ำอัดลม

3.ใช้วิธีปรุงที่ดีต่อสุขภาพ

การเลือกวิธีการปรุงอาหารช่วยลดปริมาณไขมันที่ไม่ดีและแคลอรี่ ตัวเลือกที่ควรเลือก:

    • อาหารปิ้ง ย่าง หรือต้ม แทนการทอด
    • หากเป็นอาหารที่ต้องทอด ควรเลือกใช้น้ำมันมะกอกหรือใช้อุปกรณ์ทอดไร้น้ำมัน (Air Fryer)

4.ควบคุมปริมาณ

การกิน Cheat Meal ควรเน้นที่ "ปริมาณที่พอดี" เพื่อป้องกันไม่ให้แคลอรี่เกินความจำเป็น

    • สั่งขนาดเล็กหรือเมนูเด็กแทนขนาดปกติ
    • แบ่งอาหารกับเพื่อนหรือครอบครัว
    • เลือกกินของว่างก่อน Cheat Meal เพื่อช่วยลดความอยากอาหาร เช่น สลัดผักหรือซุปใส

5.เติมไฟเบอร์และผัก

การกิน Cheat Meal ควบคู่กับผักสดหรือผักลวก ช่วยเพิ่มใยอาหารและลดการดูดซึมไขมัน

    • เลือกสลัดผักสดเป็นเครื่องเคียง
    • เติมเมนูที่มีผัก เช่น เบอร์เกอร์ใส่ผักหลากชนิด หรือซุปใสที่มีผักใบเขียว

6.ดื่มน้ำเปล่าร่วมกับมื้ออาหาร

    • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่ให้พลังงานสูง เช่น น้ำผลไม้ปั่นหรือชานม ดื่มน้ำเปล่าแทนจะช่วยลดปริมาณแคลอรี่สะสมในมื้ออาหาร

7.จัด Cheat Meal ในช่วงเวลาที่เหมาะสม

    • ควรกินมื้อ Cheat Meal ในมื้อกลางวันหรือตอนที่ยังมีกิจกรรมในช่วงบ่าย เพื่อให้ร่างกายมีเวลาเผาผลาญแคลอรี่เหล่านั้น

8.ติดตามแคลอรี่รวมทั้งวัน

หากคุณวางแผน Cheat Meal ควรลดแคลอรี่ในมื้ออื่นๆ เพื่อชดเชย ตัวอย่างเช่น

    • Cheat Meal 600 แคล
    • อาหารเช้า 250 แคล
    • อาหารว่าง 100 แคล
    • อาหารเย็น 350 แคล

 

วิธีคำนวณแคลอรี่สำหรับวันที่มี Cheat Meal

สูตรคำนวณแคลอรี่ Cheat Day

1.BMR (พลังงานพื้นฐาน) = น้ำหนัก (กก.) x 24 (ชั่วโมง)
ตัวอย่าง น้ำหนัก 70 กก. = 70 x 24 = 1,680 แคล

 

2.TDEE (พลังงานที่ใช้จริง) = BMR x กิจกรรมในชีวิตประจำวัน

    • ไม่ออกกำลังกาย x1.2
    • ออกกำลังกายเบา x1.375
    • ออกกำลังกายหนัก x1.55
      ตัวอย่าง 1,680 x 1.375 = 2,310 แคล

การจัดสรร Cheat Meal

    • Cheat Meal 600 แคล (25%-30% ของ TDEE)
    • มื้ออื่น ควบคุมให้อยู่ในขอบเขตที่เหลือ
    • ตัวอย่าง TDEE 2,310 - Cheat Meal 600 = 1,710 แคล
    • แบ่งเป็น เช้า 300 แคล, กลางวัน 400 แคล, เย็น 300 แคล




การฟื้นฟูร่างกายหลัง Cheat Day หรือ Cheat Meal

หลังจาก Cheat ไม่ว่าจะเป็น Day หรือ Meal สิ่งสำคัญคือการกลับเข้าสู่แผนปกติอย่างนุ่มนวล ผมมีหลักการง่ายๆ คือ "ค่อยๆ กลับ แต่ต้องกลับให้ได้"

วันแรกหลัง Cheat

    • ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อย 2.5-3 ลิตร
    • เน้นโปรตีนคุณภาพดีและผักใบเขียว
    • ออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดินเร็ว 30-45 นาที

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Cheat Day และ Cheat Meal

Cheat Days คำถาม

1.กินเยอะวันเดียวอ้วนไหม

กินเยอะวันเดียวไม่ทำให้อ้วนถาวร แต่น้ำหนักอาจขึ้น 1-2 กิโลในระยะสั้นเพราะการสะสมน้ำและไกลโคเจน ซึ่งจะกลับสู่ปกติใน 2-3 วันหากกลับมาคุมอาหารอย่างเคร่งครัด

2.ควรทำ Cheat Day หรือ Cheat Meal บ่อยแค่ไหน

Cheat Day ควรทำ 1-2 ครั้งต่อเดือน ส่วน Cheat Meal แนะนำ 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและระดับความเข้มข้นในการคุมอาหาร

3.ทำ Cheat Day ระหว่าง IF ได้ไหม?

ทำได้ แต่ควรทำในช่วงเวลากินปกติของ IF และไม่ควรทำบ่อยเกินไป เพราะอาจส่งผลต่อการปรับตัวของร่างกายต่อการอดอาหาร

4.กิน Cheat Meal ช่วงไหนดีที่สุด?

แนะนำให้กินมื้อเที่ยงเป็น Cheat Meal เพราะร่างกายยังมีเวลาเผาผลาญตลอดช่วงบ่าย และไม่รบกวนการนอนหลับ

5.น้ำหนักขึ้นหลัง Cheat Day จะกลับมาปกติเมื่อไหร่?

โดยทั่วไปใช้เวลา 2-3 วันในการกลับสู่น้ำหนักปกติ หากคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างเหมาะสม

6.ควรออกกำลังกายในวัน Cheat Day ไหม

ออกกำลังกายได้ แต่แนะนำให้ทำในช่วงเช้าก่อน Cheat เพื่อเพิ่มการเผาผลาญ และไม่ควรหักโหมเกินไป

7.กินของหวานวันเดียวจะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงหรือไม่?

น้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้นชั่วคราว แต่จะกลับสู่ปกติใน 24 ชั่วโมงหากไม่มีปัญหาสุขภาพอื่น

8.Cheat แบบไหนดีกว่ากันระหว่างบุฟเฟ่ต์กับฟาสต์ฟู้ด?

บุฟเฟ่ต์มักจะดีกว่าเพราะมีตัวเลือกอาหารที่หลากหลายกว่า รวมถึงโปรตีนคุณภาพดีและผัก แต่ต้องเลือกกินอย่างชาญฉลาด

9.จะรู้ได้อย่างไรว่าถึงเวลาต้องทำ Cheat Day?

สังเกตจากอาการเหล่านี้: รู้สึกเหนื่อยล้าผิดปกติ หงุดหงิดง่าย หิวบ่อย น้ำหนักไม่ลดติดต่อกัน 1-2 สัปดาห์ แม้คุมอาหารอย่างเคร่งครัด

10.ทำ Cheat Day แล้วต้องชดเชยยังไงในวันถัดไป?

ไม่จำเป็นต้องอดอาหารหรือออกกำลังกายหนักเกินไป แค่กลับมาทำตามแผนปกติ เน้นดื่มน้ำมากๆ และเลือกอาหารที่ย่อยง่าย

11.ควรทำอย่างน้อยกี่วัน

การทำชีทเดย์ที่พอเหมาะล้วนขึ้นอยู่กับสภาพสรีระตามแต่บุคคล โดยทั่วไปมักอยู่ที่ 1 วัน/สัปดาห์

 

สรุปกฎทองการทำ Cheat ให้ปัง

จากประสบการณ์ทั้งการแข่งขันและดูแลลูกค้า ผมสรุปได้ว่าการทำ Cheat ให้ได้ผลต้องมีหลักการที่ชัดเจน เลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดคือต้องกลับมาคุมอาหารให้ได้ในวันถัดไป

อย่าลืมว่า Cheat ไม่ใช่การทำร้ายตัวเอง แต่เป็นการให้รางวัลร่างกายและจิตใจ เพื่อให้เราสามารถเดินหน้าสู่เป้าหมายได้อย่างยั่งยืน ถ้าใครมีคำถามเพิ่มเติม สามารถสอบถามผมได้ที่ Real Gym นะครับ

ขอให้ทุกคนสนุกกับการ Cheat อย่างฉลาดครับ!


บทความนี้เขียนโดย...


โค้ชปูแน่น

โค้ชปูแน่น (ปู จักรินทร์ บุญลาภ)


เป็น CEO และที่ปรึกษาด้านการพัฒนาทีมเทรนเนอร์ในฟิตเนสของตัวเองที่ Real Gym ซาฟารีเวิลด์ รวมถึงแบรนด์อาหารเสริม และที่ปรึกษาด้าน Training Quality ให้กับทีมเทรนเนอร์ของ Sport club และฟิตเนสชั้นนำ

โปรไฟล์โค้ชปูแน่น

บทความทั้งหมด