เครื่องออกกำลังกาย อุปกรณ์ออกกําลังกาย อุปกรณ์ฟิตเนส
view-th view-en
ตะกร้า 0 ตะกร้าสินค้า

10 ประโยชน์ของการวิ่ง สุขภาพดีทั้งกายและใจ เริ่มต้นง่ายๆ

10 ประโยชน์ของการวิ่ง สุขภาพดีทั้งกายและใจ เริ่มต้นง่ายๆ

การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุด ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร มีเวลามากน้อยแค่ไหน หรือมีงบประมาณเท่าใด คุณก็สามารถเริ่มต้นวิ่งเพื่อสุขภาพได้ทันที จากประสบการณ์การดูแลนักวิ่งมากมาย ผมพบว่าการวิ่งไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาสุขภาพกายเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพจิตอย่างน่าอัศจรรย์ ผมได้เห็นการวิ่งเปลี่ยนชีวิตผู้คนมามากมาย การออกกำลังกายรูปแบบนี้เข้าถึงได้ง่าย ไม่ว่าคุณจะมีเวลาหรืองบประมาณเท่าไหร่ ผลการศึกษาพบว่าการวิ่งสามารถลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้ถึง 30%

การวิ่งเพื่อสุขภาพไม่เพียงพัฒนาร่างกาย แต่ยังส่งผลดีต่อจิตใจ การวิ่งออกกำลังกายเพียง 30 นาทีต่อวัน ช่วยลดความเครียดและเพิ่มความสุขผ่านการหลั่งสารเอนโดรฟิน ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งเหยาะๆในสวน วิ่งอยู่กับที่ในห้องพัก หรือจ๊อกกิ้งรอบหมู่บ้าน คุณสามารถเริ่มต้นได้ทันทีและปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณ

 

ทำไมการวิ่งถึงเป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุด?

1.การวิ่งช่วยเสริมระบบหัวใจและหลอดเลือด

การวิ่งออกกำลังกายส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพหัวใจ การศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่า การวิ่งเหยาะๆ หรือจ๊อกกิ้งเพียง 30 นาทีต่อวัน สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจได้ถึง 20% ระบบไหลเวียนเลือดทำงานดีขึ้น ความดันโลหิตลดลง และที่สำคัญ ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อคุณวิ่งทุกวัน หัวใจของคุณจะแข็งแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สามารถสูบฉีดเลือดได้มากขึ้นในแต่ละครั้ง ส่งผลให้อัตราการเต้นของหัวใจขณะพักลดลง นี่คือสัญญาณที่บ่งบอกว่าหัวใจของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ต้องทำงานหนักเกินไปในการสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย

2.การวิ่งช่วยเพิ่มการเผาผลาญและควบคุมน้ำหนัก

ประโยชน์ของการวิ่งที่เห็นได้ชัดคือการเผาผลาญพลังงาน การวิ่งออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอกระตุ้นการเผาผลาญแม้ในขณะพัก เนื่องจากร่างกายต้องใช้พลังงานในการซ่อมแซมกล้ามเนื้อ หากคุณวิ่งทุกวัน อัตราการเผาผลาญพื้นฐานของร่างกายจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

3.การวิ่งช่วยสร้างกล้ามเนื้อและความยืดหยุ่น

การวิ่งไม่เพียงช่วยเผาผลาญไขมัน แต่ยังกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณขา สะโพก และแกนกลางลำตัว การวิ่งเหยาะๆอย่างสม่ำเสมอช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกระดูกและข้อต่อ ลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน

 

การวิ่งดีต่อสุขภาพจิตอย่างไร?

1.หลั่งสารเอนโดรฟิน ฮอร์โมนแห่งความสุขจากการวิ่ง

การวิ่งเพื่อสุขภาพไม่เพียงส่งผลดีต่อร่างกาย แต่ยังกระตุ้นการหลั่งสารเอนโดรฟิน หรือที่รู้จักกันในนาม "ฮอร์โมนแห่งความสุข" เมื่อคุณวิ่งออกกำลังกาย สมองจะหลั่งสารเอนโดรฟินที่ช่วยลดความเครียด บรรเทาอาการซึมเศร้า และสร้างความรู้สึกเป็นสุข นี่คือที่มาของคำว่า "Runner's High" หรือภาวะที่นักวิ่งรู้สึกมีความสุขล้นเหลือหลังการวิ่ง

2.ลดความเครียดและเพิ่มสมาธิ

จากการสังเกตผู้ที่มาวิ่งออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พบว่าการวิ่งช่วยเพิ่มสมาธิและความจดจ่อได้อย่างชัดเจน ในขณะวิ่ง สมองจะเข้าสู่สภาวะที่เรียกว่า "Flow State" หรือภาวะที่จิตใจจดจ่ออยู่กับปัจจุบันขณะ ช่วยให้คุณปล่อยวางความกังวลและความเครียดได้ดียิ่งขึ้น

3.พัฒนาความมั่นใจและสุขภาพจิตที่ดี

วิ่งเพื่อสุขภาพอย่างต่อเนื่องช่วยสร้างความมั่นใจผ่านการบรรลุเป้าหมายทีละเล็กทีละน้อย เริ่มจากวิ่งเหยาะๆไม่กี่นาที จนสามารถวิ่งได้เป็นกิโลเมตร ความสำเร็จเล็กๆ เหล่านี้จะสร้างความภาคภูมิใจและพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเอง

 

วิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการวิ่ง

การวัดอัตราการเต้นหัวใจที่เหมาะสม

การวิ่งที่ถูกต้องจำเป็นต้องเข้าใจเรื่องอัตราการเต้นของหัวใจ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่วิ่งทุกวัน อัตราการเต้นหัวใจสูงสุดสามารถคำนวณได้จากสูตร 220 ลบด้วยอายุ สำหรับการวิ่งเพื่อสุขภาพ ควรรักษาอัตราการเต้นหัวใจไว้ที่ 60-70% ของอัตราสูงสุด ซึ่งเป็นช่วงที่เผาผลาญไขมันได้ดีที่สุด

การวัดอัตราการเต้นของหัวใจระหว่างวิ่งออกกำลังกายสามารถทำได้หลายวิธี วิธีที่ง่ายที่สุดคือการใช้สองนิ้วแตะที่ข้อมือหรือลำคอเพื่อนับชีพจร นับเป็นเวลา 15 วินาที แล้วคูณด้วย 4 หรือใช้นาฬิกาวัดอัตราการเต้นหัวใจที่มีความแม่นยำสูงกว่า

สำหรับผู้เริ่มต้นวิ่งเหยาะๆ ควรเริ่มที่ 50-60% ของอัตราการเต้นหัวใจสูงสุด และค่อยๆ เพิ่มความหนักขึ้นเมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้น หากรู้สึกหอบเหนื่อยมากหรือพูดคุยไม่ได้ขณะวิ่ง แสดงว่าความหนักอาจมากเกินไป ควรลดความเร็วลงเพื่อรักษาระดับการเต้นของหัวใจให้เหมาะสม

การใช้พลังงานระหว่างวิ่ง

ระหว่างวิ่งออกกำลังกาย ร่างกายใช้พลังงานจากสองระบบหลัก คือระบบใช้ออกซิเจนและไม่ใช้ออกซิเจน การวิ่งเหยาะๆใช้ระบบพลังงานแบบใช้ออกซิเจนเป็นหลัก ทำให้เผาผลาญไขมันได้ดี ในขณะที่การวิ่งเร็วจะใช้ระบบไม่ใช้ออกซิเจน ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ

ในระหว่างที่วิ่งเพื่อสุขภาพ ร่างกายจะเริ่มต้นด้วยการใช้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตที่สะสมในกล้ามเนื้อก่อน หลังจากวิ่งผ่านไป 20-30 นาที ร่างกายจะเริ่มเผาผลาญไขมันมากขึ้น นี่คือเหตุผลที่การวิ่งระยะยาวด้วยความเข้มข้นปานกลางช่วยลดไขมันได้ดี

ระบบพลังงานทั้งสองจะทำงานสลับกันตามความเข้มข้นของการวิ่ง เมื่อคุณวิ่งออกกำลังกายด้วยความเร็วต่ำถึงปานกลาง ร่างกายจะใช้ระบบออกซิเจนเป็นหลัก แต่เมื่อเพิ่มความเร็วหรือวิ่งขึ้นเนิน ร่างกายจะเปลี่ยนไปใช้ระบบไม่ใช้ออกซิเจนมากขึ้น การเข้าใจเรื่องนี้จะช่วยให้คุณวางแผนการฝึกได้ตรงตามเป้าหมาย

 

รูปแบบการวิ่งที่เหมาะกับคุณ

1.วิ่งเหยาะๆ (Jogging) สำหรับผู้เริ่มต้น

สำหรับผู้เริ่มต้น การวิ่งเหยาะๆ หรือจ๊อกกิ้งเป็นรูปแบบที่เหมาะสมที่สุด ด้วยความเร็วประมาณ 6-8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คุณสามารถพูดคุยได้ระหว่างวิ่งโดยไม่เหนื่อยเกินไป นี่คือความเข้มข้นที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนาความอดทนและระบบหัวใจ

2.วิ่งอยู่กับที่ ทางเลือกสำหรับการวิ่งในพื้นที่จำกัด

วิ่งอยู่กับที่เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัดหรืออยู่ในพื้นที่ที่ไม่เอื้อต่อการวิ่งกลางแจ้ง แม้จะไม่ได้เคลื่อนที่ แต่ยังคงได้ประโยชน์ของการวิ่งครบถ้วน ทั้งการเผาผลาญพลังงาน การพัฒนาระบบหัวใจ และการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ

 

เวลาไหนเหมาะกับการวิ่ง? วิ่งตอนไหนดี

การเลือกเวลาวิ่งออกกำลังกายที่เหมาะสมส่งผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัย การวิ่งตอนเช้าและการวิ่งตอนเย็นต่างมีข้อดีที่แตกต่างกัน

การวิ่งตอนเช้า (5:00-7:00 น.)

  • อากาศบริสุทธิ์ ปริมาณมลพิษต่ำ
  • กระตุ้นการเผาผลาญตลอดวัน
  • ช่วยสร้างวินัยและความสม่ำเสมอ
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก เพราะร่างกายจะเผาผลาญไขมันสะสมโดยตรง

การวิ่งตอนเย็น (17:00-19:00 น.)

  • กล้ามเนื้อยืดหยุ่นดี ลดความเสี่ยงบาดเจ็บ
  • อุณหภูมิร่างกายและฮอร์โมนอยู่ในระดับที่เหมาะสม
  • ช่วยคลายความเครียดจากการทำงาน
  • ส่งเสริมการนอนหลับที่มีคุณภาพ

การเลือกเวลาวิ่งเพื่อสุขภาพควรคำนึงถึงตารางชีวิตประจำวันและสภาพแวดล้อม เลือกช่วงเวลาที่สะดวกและสามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการวิ่งในช่วงที่อากาศร้อนจัด (11:00-15:00 น.) เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและเหนื่อยล้า

 

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 5 วิธีเลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้า เลือกยังไงให้เหมาะกับคุณ

 

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1.วิ่งช่วยให้สูงขึ้นได้จริงหรือไม่?

การวิ่งกระตุ้นการหลั่งโกรทฮอร์โมนซึ่งมีผลต่อการเจริญเติบโต แต่ต้องทำควบคู่กับการพักผ่อนและโภชนาการที่เหมาะสม

2.วิ่งทุกวันดีหรือไม่?

วิ่งทุกวันสามารถทำได้ แต่ควรปรับความหนักเบาสลับกัน โดยมี 1-2 วันต่อสัปดาห์เป็นวันวิ่งเบาหรือพัก เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัว

3.วิ่งช่วยลดส่วนไหนได้บ้าง?

การวิ่งช่วยลดไขมันทั่วร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง ต้นขา และสะโพก การวิ่งออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอยังช่วยกระชับกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย

4.วิ่งเท่าไหร่ถึงจะลดน้ำหนัก?

วิ่ง 30-45 นาที 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ ที่ 60-70% ของอัตราการเต้นหัวใจสูงสุด

5.วิ่งตอนไหนดีที่สุด?

เช้า 5:00-7:00 น. หรือเย็น 17:00-19:00 น. โดยหลีกเลี่ยงช่วงที่อากาศร้อนจัด

6.วิ่งแล้วเหนื่อยง่าย แก้ไขอย่างไร?

เริ่มจากวิ่งเหยาะสลับเดิน ค่อยๆ เพิ่มระยะทาง และฝึกการหายใจให้เป็นจังหวะ

7.วิ่งแล้วปวดเข่า ควรทำอย่างไร?

ตรวจสอบรองเท้า ท่าวิ่ง และพื้นผิว เริ่มจากระยะสั้นๆ และอาจต้องปรึกษาแพทย์หากมีอาการปวดต่อเนื่อง

8.วิ่งแล้วควรกินอะไร?

ก่อนวิ่ง คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน หลังวิ่ง โปรตีนและคาร์โบไฮเดรตเพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อ

9.วิ่งควรเริ่มต้นอย่างไรให้ปลอดภัย?

เริ่มจากการเดินเร็วสลับวิ่งเหยาะ ใส่รองเท้าที่เหมาะสม และค่อยๆ เพิ่มระยะทางทีละน้อย

10.ต้องวิ่งนานแค่ไหนถึงจะเห็นผล?

หากวิ่งสม่ำเสมอ 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกายภายใน 4-6 สัปดาห์

 

บทสรุป เริ่มต้นวิ่งวันนี้เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น

การวิ่งเป็นมากกว่าแค่การออกกำลังกาย แต่เป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพที่คุ้มค่าที่สุด จากที่กล่าวมาทั้งหมด เราเห็นได้ว่าการวิ่งออกกำลังกายสามารถพัฒนาทั้งร่างกายและจิตใจได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการเสริมสร้างระบบหัวใจและหลอดเลือด การควบคุมน้ำหนัก การสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ หรือการปลดปล่อยความเครียด

เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการวิ่งเหยาะๆ ไม่กี่นาที สร้างความสม่ำเสมอ และค่อยๆ พัฒนาตามศักยภาพของตัวเอง ไม่ว่าคุณจะเลือกวิ่งเพื่อสุขภาพตอนเช้าหรือตอนเย็น เพียงแค่คุณเริ่มต้นวันนี้ คุณก็ก้าวใกล้สุขภาพที่ดีขึ้นแล้ว


บทความนี้เขียนโดย...


โค้ชปูแน่น

โค้ชปูแน่น (ปู จักรินทร์ บุญลาภ)


เป็น CEO และที่ปรึกษาด้านการพัฒนาทีมเทรนเนอร์ในฟิตเนสของตัวเองที่ Real Gym ซาฟารีเวิลด์ รวมถึงแบรนด์อาหารเสริม และที่ปรึกษาด้าน Training Quality ให้กับทีมเทรนเนอร์ของ Sport club และฟิตเนสชั้นนำ

โปรไฟล์โค้ชปูแน่น

บทความทั้งหมด