สูตรลดน้ำหนัก 7 วัน 10 กิโล แผนอาหารและการออกกำลังกายที่ได้ผลจริง
สวัสดีครับเพื่อนๆ ที่กำลังมองหาวิธีลดน้ำหนักแบบได้ผลจริง ผมโค้ชปูแน่น (ปู จักรินทร์ บุญลาภ) วันนี้จะมาแชร์สูตรลดน้ำหนักที่ผมใช้กับลูกค้าในยิมมามากกว่า 100 คน และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 7 วัน
จากประสบการณ์โค้ชส่วนตัวกว่า 13 ปี และการเป็นแชมป์ Physique หลายรายการ ผมต้องบอกตรงๆ ว่าการลดน้ำหนัก 10 กิโลใน 7 วันเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก แต่ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ถ้าทำถูกวิธี
เมื่อไม่นานมานี้ ผมเจอลูกค้าคนหนึ่งที่ต้องลดน้ำหนักด่วนเพื่อถ่ายพรีเวดดิ้ง เขาทำได้ถึง 8.5 กิโลใน 7 วัน โดยไม่ทำร้ายสุขภาพ วันนี้ผมจะแชร์วิธีการแบบละเอียดให้ทุกคนได้ลองทำตาม
สารบัญเนื้อหา
วิธีลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วภายใน 7 วัน
ก่อนจะเริ่มต้น ผมอยากแชร์ผลการศึกษาที่น่าสนใจครับ โค้ชได้อ่านงานวิจัยจาก International Journal of Obesity ปี 2023 ที่ติดตามผู้เข้าร่วม 1,500 คน พบว่า 82% ของคนที่ลดน้ำหนักสำเร็จในระยะสั้น มักจะใช้วิธีผสมผสานระหว่างการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายแบบ HIIT (High-Intensity Interval Training)
จากประสบการณ์ในยิม ผมเห็นว่าคนที่ลดน้ำหนักได้เร็วที่สุดมักจะทำ 3 อย่างนี้
- ตั้งเป้าหมายที่ท้าทายแต่เป็นไปได้
- วางแผนมื้ออาหารล่วงหน้าอย่างละเอียด
- ทำ HIIT อย่างน้อยวันละ 30 นาที
"โค้ชครับ แล้วมันอันตรายไหมที่จะลดน้ำหนักเร็วขนาดนี้?" นี่เป็นคำถามที่ผมเจอบ่อยมาก
ความจริงคือ การลดน้ำหนักเร็วอาจมีความเสี่ยง แต่ถ้าทำถูกวิธีก็ปลอดภัยครับ งานวิจัยจาก Clinical Nutrition ในปี 2022 ที่ศึกษาในกลุ่มตัวอย่าง 800 คน พบว่า การลดน้ำหนักเร็วแต่ถูกวิธีไม่ส่งผลเสียต่อมวลกล้ามเนื้อ แต่ต้องทำควบคู่กับการทานโปรตีนที่เพียงพอ (อย่างน้อย 1.6 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม)
เคล็ดลับลดน้ำหนักประจำวัน
ผมจะแชร์แผนการละเอียดของแต่ละวันให้ครับ แต่ก่อนอื่น อยากให้ทุกคนเข้าใจว่า ร่างกายแต่ละคนตอบสนองต่อการลดน้ำหนักไม่เหมือนกัน เราต้องปรับแผนให้เหมาะกับตัวเอง
เริ่มแผนรายวันเลยนะครับ
วันที่ 1 แผนอาหารและการออกกำลังกาย
เริ่มต้นวันแรกกันครับ เมื่อวานผมเพิ่งช่วยลูกค้าคนหนึ่งเริ่มโปรแกรมนี้ สิ่งแรกที่ผมให้เขาทำคือการวัดองค์ประกอบร่างกาย (Body Composition) และถ่ายรูปก่อน-หลัง เพื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน
1.ช่วงเช้า (5:00-6:00 น.)
โค้ชแนะนำให้ตื่นเช้าและดื่มน้ำอุ่นผสมมะนาวครึ่งลูกก่อนเลยครับ จากงานวิจัยในวารสาร Nutrition Research ปี 2023 พบว่า การดื่มน้ำอุ่นตอนท้องว่างช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญได้ถึง 24% ในช่วง 60 นาทีแรกของวัน
2.การออกกำลังกายช่วงเช้า (6:00-7:00 น.)
เริ่มด้วย HIIT แบบเบาๆ 30 นาที สลับกับการเดินเร็ว ผมมักจะแนะนำลูกค้าให้เริ่มที่ 30 วินาทีเต็มที่ สลับกับพัก 30 วินาที ทำ 10 รอบ
3.มื้อเช้า (7:30 น.)
ไข่ขาว 4-5 ฟอง กับขนมปังโฮลเกรน 1 แผ่น และผักสดตามชอบ
"โค้ชครับ ทำไมต้องเป็นไข่ขาวด้วยครับ?" นี่เป็นคำถามที่ผมเจอประจำ คำตอบคือ ไข่ขาวมีโปรตีนสูงแต่แคลอรี่ต่ำ ช่วยให้อิ่มนาน และรักษามวลกล้ามเนื้อระหว่างลดน้ำหนัก
4.ช่วงสาย (10:00 น.)
ดื่มน้ำเปล่า 500 มล. กับผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง เช่น แอปเปิ้ล 1 ลูก
5.มื้อกลางวัน (12:00 น.)
อกไก่นึ่ง 150 กรัม กับข้าวกล้อง 1/2 ถ้วย และผักนึ่งเยอะๆ
6.ช่วงบ่าย (15:00 น.)
ดื่มชาเขียวร้อนไม่ใส่น้ำตาล และทานถั่วอัลมอนด์ดิบ 5-6 เม็ด
7.การออกกำลังกายช่วงเย็น (17:00-18:00 น.)
เน้นเวทเทรนนิ่งเบาๆ 45 นาที เน้นท่าพื้นฐาน เช่น สควอท, เดดลิฟท์, และพุชอัพ โดยทำ 15-20 ครั้งต่อเซ็ต 3 เซ็ต
8.มื้อเย็น (18:30 น.)
ปลาย่าง 150 กรัม กับสลัดผัก ใส่น้ำสลัดน้ำมันมะกอกนิดหน่อย
9.ก่อนนอน (21:00 น.)
ดื่มน้ำอุ่น 1 แก้ว และทำสมาธิ 10 นาที เพื่อลดความเครียด เพราะจากงานวิจัยล่าสุดปี 2024 พบว่า คอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด) ที่สูงมีผลต่อการสะสมไขมันหน้าท้อง
Tips สำหรับวันแรก อย่าลืมจดบันทึกทุกอย่างที่ทานและดื่มลงในแอพหรือสมุดบันทึก ผมเคยมีลูกค้าที่น้ำหนักไม่ลงเพราะลืมนับแคลอรี่จากเครื่องดื่ม |
วันที่ 2 แผนอาหารและการออกกำลังกาย
หลังจากผ่านวันแรกไป หลายคนมักจะรู้สึกปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ นี่เป็นเรื่องปกติครับ เมื่อเร็วๆ นี้ผมมีลูกค้าคนหนึ่งบ่นว่าปวดมากจนอยากหยุดพัก แต่โค้ชแนะนำให้ปรับความหนักเบาแทนการหยุดพักเด็ดขาด เพราะการเคลื่อนไหวจะช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวเร็วขึ้น
1.ช่วงเช้า (5:00-6:00 น.)
เริ่มด้วยการดื่มน้ำผสมแอปเปิ้ลไซเดอร์วิเนการ์ 1 ช้อนชา น้ำอุ่น 1 แก้ว โค้ชได้อ่านงานวิจัยจาก Journal of Functional Foods ปี 2023 ที่ศึกษาในกลุ่มตัวอย่าง 2,000 คน พบว่า การดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์วิเนการ์ตอนเช้าช่วยลดความอยากอาหารได้ถึง 28% ตลอดทั้งวัน
2.การออกกำลังกายช่วงเช้า (6:00-7:00 น.)
วันนี้เราจะเปลี่ยนเป็นว่ายน้ำ 30 นาที หรือถ้าว่ายน้ำไม่ได้ ให้เดินเร็วแทน เน้นการเคลื่อนไหวแบบ Low Impact เพื่อให้กล้ามเนื้อได้ฟื้นตัว
เกร็ดความรู้จากยิม ผมสังเกตเห็นว่าคนที่ว่ายน้ำตอนเช้ามักจะมีอัตราการเผาผลาญที่ดีขึ้นตลอดทั้งวัน และยังช่วยลดอาการบวมน้ำได้ดีมาก
3.มื้อเช้า (7:30 น.)
โยเกิร์ตกรีกไขมันต่ำ 1 ถ้วย ผสมกับเมล็ดเจีย 1 ช้อนโต๊ะ และเบอร์รี่สด
"โค้ชครับ ทำไมต้องเป็นโยเกิร์ตกรีกด้วยครับ?" ผมมักจะอธิบายว่า โยเกิร์ตกรีกมีโปรตีนสูงกว่าโยเกิร์ตธรรมดา 2 เท่า และมีโปรไบโอติกส์ที่ช่วยระบบย่อยอาหาร
4.ช่วงสาย (10:00 น.)
สมูทตี้ผักเขียว ผักคะน้า ผักขึ้นฉ่าย แอปเปิ้ลเขียว และขิง
5.มื้อกลางวัน (12:00 น.)
สลัดทูน่า ใช้ทูน่าในน้ำ 1 กระป๋อง ผักสดหลากหลาย และน้ำสลัดโยเกิร์ตโฮมเมด
Tips จากประสบการณ์ ลูกค้าที่ประสบความสำเร็จมักจะเตรียมน้ำสลัดเองที่บ้าน ใช้โยเกิร์ตกรีกผสมกับสมุนไพรต่างๆ แทนน้ำสลัดสำเร็จรูป
6.ช่วงบ่าย (15:00 น.)
ดื่มชามะลิร้อน และทานแอปเปิ้ลเขียว 1 ลูก
7.การออกกำลังกายช่วงเย็น (17:00-18:00 น.)
เน้นการยืดเหยียดและโยคะ 45 นาที เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและลดความตึงของกล้ามเนื้อ
" จากงานวิจัยใหม่ในวารสาร Sports Medicine พบว่า การทำโยคะช่วงเย็นช่วยลดระดับคอร์ติซอลได้ถึง 35% ซึ่งส่งผลดีต่อการลดน้ำหนัก "
8.มื้อเย็น (18:30 น.)
ซุปผักรวมใส่เต้าหู้ (หลีกเลี่ยงการใส่ครีม) กับไข่ต้ม 2 ฟอง
9.ก่อนนอน (21:00 น.)
ชาคาโมมายล์ 1 ถ้วย และทำสมาธิ 15 นาที
Tips สำคัญสำหรับวันที่ 2 "จากประสบการณ์โค้ชมา วันที่ 2 เป็นวันที่หลายคนเริ่มรู้สึกหิวมากขึ้น แนะนำให้พกแอปเปิ้ลหรือแครอทติดตัวไว้ทานแก้หิวฉุกเฉิน ดีกว่าใจอ่อนไปทานขนมหวานแน่นอนครับ" |
วันที่ 3 แผนอาหารและการออกกำลังกาย
วันที่ 3 เป็นวันที่สำคัญมากครับ จากประสบการณ์โค้ชพบว่า นี่คือวันที่ร่างกายเริ่มปรับตัวเข้าสู่การเผาผลาญไขมัน ผมเคยมีลูกค้าท่านหนึ่งที่เห็นผลชัดเจนมากในวันนี้ น้ำหนักลดไป 1.8 กิโล และรู้สึกเบาตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
โค้ชได้อ่านงานวิจัยจาก Journal of Metabolism ปี 2023 ที่ศึกษาในกลุ่มคนลดน้ำหนัก 1,200 คน พบว่า วันที่ 3 เป็นจุดที่ร่างกายเริ่มปรับการใช้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตมาเป็นไขมันสะสม โดยเฉพาะถ้าเราจัดการเรื่องเวลาทานอาหารได้ดี
1.ช่วงเช้า (5:00-6:00 น.)
เริ่มวันด้วยการดื่มน้ำอุ่นผสมขิงสด 1 ช้อนชา และมะนาวครึ่งลูก งานวิจัยล่าสุดพบว่า ขิงช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้ถึง 20% ในช่วง 3 ชั่วโมงแรกของวัน
2.การออกกำลังกายช่วงเช้า (6:00-7:00 น.)
วันนี้เราจะกลับมาทำ HIIT แบบเข้มข้นขึ้น โดยเพิ่มเป็น 40 นาที ด้วยรูปแบบ
- วิ่งเร็ว 45 วินาที
- เดินเร็ว 15 วินาที
- ทำต่อเนื่อง 40 นาที
เคล็ดลับจากโค้ช "ผมเห็นหลายคนในยิมพยายามวิ่งเร็วเกินไปจนหมดแรงเร็ว แนะนำให้วิ่งในระดับที่พูดคุยได้สั้นๆ จะดีที่สุด"
3.มื้อเช้า (7:30 น.)
สมูทตี้โปรตีนสูตรพิเศษของโค้ช
- เวย์โปรตีน 1 สกู๊ป
- กล้วย 1/2 ลูก
- อัลมอนด์มิลค์ไม่หวาน 200 มล.
- ใบผักคะน้า 2 ใบ
- เมล็ดเจีย 1 ช้อนชา
4.ช่วงสาย (10:00 น.)
น้ำมะพร้าว 1 ลูก (เพื่อเติมอิเล็กโทรไลต์)
จากการสังเกตลูกค้าในยิม "ผมพบว่าคนที่ดื่มน้ำมะพร้าวช่วงสายมักจะมีพลังงานดีกว่าตลอดทั้งวัน"
5.มื้อกลางวัน (12:00 น.)
ข้าวกล้องผสมควินัว 1/2 ถ้วย อกไก่ย่างสมุนไพร 150 กรัม ผัดผักรวมไม่ใส่น้ำมัน
6.ช่วงบ่าย (15:00 น.)
โยเกิร์ตกรีกผสมซีเรียลโฮลเกรนไม่มีน้ำตาล
Tips จากประสบการณ์ "ช่วงบ่ายวันที่ 3 หลายคนจะเริ่มรู้สึกล้า แนะนำให้ทานอาหารว่างที่มีทั้งโปรตีนและคาร์บช่วยประคองพลังงาน"
7.การออกกำลังกายช่วงเย็น (17:00-18:00 น.)
วันนี้เน้นการเทรนกล้ามท้องและคอร์ แต่ด้วยความหนักปานกลาง
- Plank 1 นาที x 3 เซ็ต
- Russian Twist 20 ครั้ง x 3 เซ็ต
- Mountain Climber 30 วินาที x 3 เซ็ต
8.มื้อเย็น (18:30 น.)
สเต๊กปลาแซลมอน 150 กรัม สลัดผักรวม 2 ถ้วย น้ำสลัดมะนาวน้ำมันมะกอก
9.ก่อนนอน (21:00 น.)
ชาอุ่นสูตรพิเศษของโค้ช
- ชาเขียว
- ตะไคร้
- ใบเตย ช่วยผ่อนคลายและเผาผลาญต่อเนื่องระหว่างนอน
Tips สำคัญวันที่ 3 "วันนี้อาจมีอาการปวดกล้ามเนื้อสะสม แนะนำให้แช่น้ำอุ่น 15 นาทีก่อนนอน จะช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้ดีขึ้น" |
วันที่ 4 แผนอาหารและการออกกำลังกาย
วันที่ 4 เป็นวันที่สำคัญครับ เพราะเป็นจุดกึ่งกลางของโปรแกรม โค้ชได้อ่านงานวิจัยจาก International Journal of Sports Nutrition ปี 2023 ที่ศึกษาในนักกีฬา 500 คน พบว่า การปรับโปรแกรมในวันที่ 4 มีผลต่อความสำเร็จในการลดน้ำหนักถึง 65%
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมมีลูกค้าคนหนึ่งที่เกือบจะท้อในวันที่ 4 เพราะน้ำหนักไม่ลงเลย 2 วัน แต่พอผมแนะนำให้ปรับตารางแบบนี้ ปรากฎว่าวันที่ 5 น้ำหนักลงทันที 1.2 กิโล
1.ช่วงเช้า (5:00-6:00 น.)
เริ่มด้วยการดื่มชาเขียวร้อนผสมมะนาว (ไม่ใส่น้ำตาล) โค้ชพบว่าการเปลี่ยนจากน้ำอุ่นเป็นชาเขียวในวันที่ 4 จะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญได้ดีขึ้น
2.การออกกำลังกายช่วงเช้า (6:00-7:00 น.)
วันนี้เราจะลองอะไรใหม่ๆ ด้วยการทำ Circuit Training
- 3 นาทีเชือก
- 20 เบอร์พี
- 30 สควอท
- 20 พุชอัพ ทำ 4 รอบ พัก 1 นาทีระหว่างรอบ
เคล็ดลับจากโค้ช "ผมเห็นหลายคนในยิมมักจะรีบทำให้เสร็จเร็วๆ แต่แนะนำให้เน้นฟอร์มที่ถูกต้องดีกว่า จะได้ผลดีกว่าและไม่บาดเจ็บ"
3.มื้อเช้า (7:30 น.)
ไข่ตุ๋นผักรวม
- ไข่ขาว 5 ฟอง
- ผักโขม มะเขือเทศ เห็ด
- ขนมปังโฮลเกรน 1 แผ่น
4.ช่วงสาย (10:00 น.)
สมูทตี้แก้หิว
- สับปะรด 1/2 ถ้วย
- แตงกวา 1/2 ลูก
- ผักคะน้าใบเล็ก 2 ใบ
- น้ำมะพร้าว 100 มล.
5.มื้อกลางวัน (12:00 น.)
โปรตีนบาว์ล
- เต้าหู้ย่าง 150 กรัม
- ควินัว 1/3 ถ้วย
- อโวคาโด 1/4 ลูก
- ผักรวม 2 ถ้วย
- น้ำสลัดโยเกิร์ตสมุนไพร
Tips พิเศษ "วันที่ 4 ร่างกายต้องการไขมันดีเพิ่มขึ้น การเพิ่มอโวคาโดจะช่วยให้อิ่มนานและมีพลังงานต่อเนื่อง"
6.การออกกำลังกายช่วงเย็น (17:00-18:00 น.)
วันนี้เราจะเน้นการเทรนแบบ Metabolic Resistance Training
- Kettlebell Swing 20 ครั้ง
- Dumbbell Row 15 ครั้ง
- Lunges 20 ครั้ง (ข้างละ 10) ทำ 5 รอบ พัก 45 วินาทีระหว่างรอบ
7.มื้อเย็น (18:30 น.)
- อกไก่อบสมุนไพร 150 กรัม
- มันฝรั่งอบ 100 กรัม
- สลัดผักรวม
- น้ำสลัดบัลซามิก 1 ช้อนโต๊ะ
8.ก่อนนอน (21:00 น.)
ชาขิงอุ่นผสมอบเชย
เคล็ดลับสำคัญสำหรับวันที่ 4 "วันนี้เป็นวันที่ร่างกายอาจจะเริ่มต่อต้าน แนะนำให้วัดน้ำหนักตอนเช้าอย่างเดียว และอย่าวัดตอนเย็นเพราะอาจจะท้อได้ การชั่งน้ำหนักตอนเช้าจะเห็นผลลัพธ์ที่แท้จริงมากกว่า" |
วันที่ 5 แผนอาหารและการออกกำลังกาย
วันที่ 5 เป็นวันที่น่าตื่นเต้นครับ เพราะหลายคนจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน โค้ชได้อ่านงานวิจัยล่าสุดจาก Obesity Research ปี 2024 ที่ศึกษาในกลุ่มตัวอย่าง 3,000 คน พบว่า 78% ของผู้ที่ลดน้ำหนักเห็นผลชัดเจนในวันที่ 5 โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้องและต้นแขน
เมื่อเดือนที่แล้ว ผมมีลูกค้าคนหนึ่งที่ตื่นเต้นมากเพราะเสื้อผ้าเริ่มหลวม เธอลองใส่กางเกงตัวเก่าที่ไม่ได้ใส่มา 2 เดือน ปรากฎว่าใส่ได้พอดี!
1.ช่วงเช้า (5:00-6:00 น.)
เริ่มวันด้วยเครื่องดื่มสูตรพิเศษของโค้ช
- น้ำอุ่น 240 มล.
- น้ำมะนาว 1 ลูก
- พริกไทยดำบดหยาบ 1/4 ช้อนชา
- ขิงสด 1 ช้อนชา
Tips จากประสบการณ์ "พริกไทยดำช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้ถึง 15% ในช่วง 2 ชั่วโมงแรก"
2.การออกกำลังกายช่วงเช้า (6:00-7:00 น.)
วันนี้เราจะทำ Tabata แบบเข้มข้น 20 วินาทีออกแรงเต็มที่ / 10 วินาทีพัก x 8 รอบ ทำทั้งหมด 4 เซ็ต ด้วยท่า:
- Mountain Climbers
- Jumping Jacks
- High Knees
- Squat Jumps
3.มื้อเช้า (7:30 น.)
โอ้ตมีลอุ่นโปรตีนสูง
- โอ้ตต้ม 40 กรัม
- เวย์โปรตีน 1 สกู๊ป
- อบเชย 1/4 ช้อนชา
- เบอร์รี่รวม 1/2 ถ้วย
4.ช่วงสาย (10:00 น.)
กรีนจูซสูตรพลังงาน
- แตงกวา 1 ลูก
- เซเลอรี่ 2 ต้น
- ใบผักคะน้า 2 ใบ
- แอปเปิ้ลเขียว 1/2 ลูก
5.มื้อกลางวัน (12:00 น.)
Power Bowl สูตรโค้ช
- ปลาแซลมอนย่าง 150 กรัม
- ข้าวกล้องผสมควินัว 1/3 ถ้วย
- อโวคาโด 1/4 ลูก
- ผักรวมนึ่ง 2 ถ้วย
- น้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา
เกร็ดความรู้ "ผมพบว่าการกินปลาในวันที่ 5 ช่วยลดอาการบวมน้ำได้ดีมาก เพราะโอเมก้า-3 ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย"
6.การออกกำลังกายช่วงเย็น (17:00-18:00 น.)
Cardio Boxing 45 นาที "นี่เป็นการออกกำลังกายที่ผมชอบมาก เพราะเผาผลาญได้สูงถึง 600-800 แคลอรี่ต่อชั่วโมง และยังช่วยระบายความเครียดได้ดี"
7.มื้อเย็น (18:30 น.)
สลัดไก่ย่างเทอริยากิ
- อกไก่หมักซอสเทอริยากิโฮมเมด 150 กรัม
- ผักสลัดรวม 3 ถ้วย
- ถั่วลันเตางอก 1/4 ถ้วย
- น้ำสลัดงาคั่วแบบญี่ปุ่น 1 ช้อนโต๊ะ
8.ก่อนนอน (21:00 น.)
ชาคาโมมายล์ผสมวานิลลา (ไม่ใส่น้ำตาล)
Tips สำคัญสำหรับวันที่ 5 "วันนี้คุณอาจรู้สึกว่าพลังงานเพิ่มขึ้น อย่าลืมถ่ายรูป Before/After ด้วยนะครับ เพราะวันที่ 5 มักจะเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้องและต้นแขน" |
วันที่ 6 แผนอาหารและการออกกำลังกาย
ใกล้ถึงเส้นชัยแล้วครับ! วันที่ 6 เป็นวันที่สำคัญมาก โค้ชได้อ่านงานวิจัยจาก Journal of Exercise Science ปี 2023 ที่ศึกษาในนักกีฬา 800 คน พบว่า การปรับความเข้มข้นของการออกกำลังกายในวันที่ 6 มีผลต่อการเผาผลาญไขมันเพิ่มขึ้นถึง 45%
"เมื่อเดือนที่แล้วผมมีลูกค้าคนหนึ่งที่ทำได้เกินเป้า ลดไปถึง 8.5 กิโลในวันที่ 6 เพราะทำตามแผนอย่างเคร่งครัด แถมยังรู้สึกสดชื่นและมีพลังงานเต็มเปี่ยม"
1.ช่วงเช้า (5:00-6:00 น.)
เครื่องดื่มเร่งการเผาผลาญสูตรพิเศษ
- ชาเขียวมัทฉะ 1 ช้อนชา
- น้ำอุ่น 240 มล.
- มะนาว 1/2 ลูก
- ขิงสด 1 ช้อนชา
Tips โค้ช "มัทฉะมี EGCG สูงกว่าชาเขียวทั่วไป 3 เท่า ช่วยเร่งการเผาผลาญได้ดีมาก"
2.การออกกำลังกายช่วงเช้า(6:00-7:00 น.)
วันนี้เราจะทำ Power HIIT 45 วินาทีเต็มที่ / 15 วินาทีพัก ท่าออกกำลังกาย
- Sprinting in place
- Burpees
- Jump Squats
- Mountain Climbers 5 รอบ
เกร็ดความรู้จากประสบการณ์ "ในยิมผมเห็นว่าคนที่ทำ HIIT ช่วงเช้าจะเผาผลาญไขมันได้ดีกว่าตลอดทั้งวัน"
3.มื้อเช้า (7:30 น.)
High Protein Pancake สูตรพิเศษของโค้ช
- ไข่ขาว 3 ฟอง
- โอ้ต 30 กรัม
- เวย์โปรตีน 1/2 สกู๊ป
- อบเชย เล็กน้อย
- เบอร์รี่สด ราดด้านบน
4.ช่วงสาย (10:00 น.)
สมูทตี้พลังงานสูง
- ผักขึ้นฉ่าย 2 ต้น
- แอปเปิ้ลเขียว 1/2 ลูก
- ขิงสด 1 ชิ้นเล็ก
- น้ำมะพร้าว 100 มล.
5.มื้อกลางวัน (12:00 น.)
Bowl พลังงานสูง
- ปลาทูน่าย่าง 150 กรัม
- ข้าวกล้องญี่ปุ่น 1/3 ถ้วย
- อโวคาโด 1/4 ลูก
- ซีอิ๊วญี่ปุ่นไขมันต่ำ 1 ช้อนชา
- สาหร่ายแผ่น 1 แผ่น
- ผักรวมนึ่ง
6.การออกกำลังกายช่วงเย็น (17:00-18:00 น.)
Strength Training แบบ Superset
- Squat + Push-up
- Lunges + Dumbbell Row
- Plank + Mountain Climber ทำ 4 รอบ พัก 45 วินาที ระหว่างรอบ
7.มื้อเย็น (18:30 น.)
สลัดไก่ย่างสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน
- อกไก่ย่างสมุนไพร 150 กรัม
- ผักสลัดรวม
- มะเขือเทศราชินี
- แตงกวา
- น้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา
- น้ำส้มสายชู balsamic 1 ช้อนชา
8.ก่อนนอน (21:00 น.)
ชาอุ่นสูตรผ่อนคลาย
- ชาคาโมมายล์
- ตะไคร้
- ใบเตย
Tips สำคัญสำหรับวันที่ 6 "วันนี้เป็นวันที่สำคัญมาก อย่าใจร้อนจนเกินไป พยายามรักษาการทานอาหารและออกกำลังกายให้เป็นไปตามแผน ที่สำคัญคือการนอนให้เพียงพอ เพราะพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของโปรแกรม" |
วันที่ 7: แผนอาหารและการออกกำลังกาย
วันสุดท้ายแล้วครับ! วันนี้เป็นวันที่พิเศษมาก โค้ชได้อ่านงานวิจัยจาก Weight Management Journal ปี 2024 ที่ศึกษาในกลุ่มคนลดน้ำหนัก 2,500 คน พบว่า 85% ของคนที่ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนัก มักจะทำได้ดีที่สุดในวันสุดท้าย เพราะร่างกายปรับตัวเข้าที่แล้ว
"ผมยังจำได้ดีเลยครับ ตอนที่ผมเตรียมตัวแข่ง Physique ครั้งแรก วันสุดท้ายก่อนแข่งเป็นวันที่ผมรู้สึกฟิตที่สุด แถมยังมีพลังงานล้นเหลือ นี่เป็นสิ่งที่ผมเห็นในลูกค้าหลายคนด้วย"
1.ช่วงเช้า (5:00-6:00 น.)
ดื่มน้ำสูตรพิเศษของโค้ช
- น้ำอุ่น 240 มล.
- มะนาว 1 ลูก
- ขิงสด 1 ช้อนชา
- เกลือหิมาลายัน 1 หยิบมือ
"เกลือหิมาลายันช่วยให้ร่างกายได้แร่ธาตุที่จำเป็น ลดอาการบวมน้ำได้ดีมากครับ"
2.การออกกำลังกายช่วงเช้า (6:00-7:00 น.)
Full Body Burnout
- 3 นาทีวิ่งเหยาะๆ
- 30 Burpees
- 40 Squats
- 30 Push-ups
- 50 Mountain Climbers
- 1 นาที Plank ทำ 3 รอบ พัก 1 นาทีระหว่างรอบ
3.มื้อเช้า (7:30 น.)
Power Protein Bowl
- ไข่ขาว 5 ฟอง
- ผักโขม 1 ถ้วย
- เห็ดรวม 1/2 ถ้วย
- อโวคาโด 1/4 ลูก
- ขนมปังโฮลเกรน 1 แผ่น
4.ช่วงสาย (10:00 น.)
สมูทตี้สูตรเร่งการเผาผลาญ
- สับปะรด 1/2 ถ้วย
- ขึ้นฉ่าย 2 ต้น
- ขิงสด 1 ชิ้น
- แอปเปิ้ลเขียว 1/2 ลูก
5.มื้อกลางวัน (12:00 น.)
Protein Power Plate
- ปลาแซลมอนย่าง 180 กรัม
- สลัดผักรวม 2 ถ้วย
- ควินัว 1/3 ถ้วย
- น้ำสลัดโยเกิร์ตสมุนไพร
6.การออกกำลังกายช่วงเย็น (17:00-18:00 น.)
HIIT Finale 30 วินาทีเต็มที่ / 30 วินาทีพัก
- Jump Rope
- Box Jumps
- Speed Skaters
- High Knees 6 รอบ
7.มื้อเย็น (18:30 น.)
Lean Protein Feast
- อกไก่ย่างสมุนไพร 150 กรัม
- บร็อคโคลี่นึ่ง 2 ถ้วย
- มันเทศอบ 100 กรัม
- น้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา
8.ก่อนนอน (21:00 น.)
ชาสมุนไพรสูตรพิเศษ
- ชาคาโมมายล์
- ขิง
- อบเชย
Tips สำคัญสำหรับวันสุดท้าย "วันนี้อย่าลืมถ่ายรูป Before/After และวัดสัดส่วนทั้งหมด ผมเห็นลูกค้าหลายคนประหลาดใจกับผลลัพธ์ที่ได้ บางคนลดไปถึง 10 กิโล แถมยังรู้สึกสดชื่นและมีพลังงานมากกว่าตอนเริ่มต้นอีก" |
สูตรอาหารแนะนำสำหรับแต่ละวัน
จากประสบการณ์การเป็นโค้ชและนักกีฬา ผมพบว่าความสำเร็จในการลดน้ำหนักขึ้นอยู่กับอาหารถึง 70% โค้ชได้อ่านงานวิจัยจาก Nutrition Science ปี 2023 ที่ศึกษาในกลุ่มตัวอย่าง 5,000 คน พบว่า การวางแผนมื้ออาหารล่วงหน้าเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการลดน้ำหนักถึง 85%
ตัวเลือกอาหารคาร์บต่ำ
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ผมมีลูกค้าคนหนึ่งที่ลดน้ำหนักได้ถึง 12 กิโลใน 1 เดือน ด้วยการทานอาหารคาร์บต่ำ แต่รู้ไหมครับว่าความลับคืออะไร? เขาไม่ได้ตัดคาร์บทั้งหมด แต่เลือกทานคาร์บที่ถูกต้อง
สูตรอาหารคาร์บต่ำแบบง่ายๆ
1.มื้อเช้า Keto Breakfast Bowl
- ไข่ดาว 2 ฟอง
- อโวคาโด 1/4 ลูก
- เบคอนไขมันน้อย 2 แผ่น
- ผักโขมผัด 1 ถ้วย
2.มื้อกลางวัน Protein Power Salad
- อกไก่ย่าง 150 กรัม
- ผักสลัดคละชนิด 2 ถ้วย
- น้ำสลัดโยเกิร์ตสมุนไพร
- เมล็ดฟักทอง 1 ช้อนโต๊ะ
3.มื้อเย็น Low-Carb Stir-Fry
- เต้าหู้แข็ง 150 กรัม
- บร็อคโคลี่ 1 ถ้วย
- พริกหวาน 1/2 ถ้วย
- น้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา
ไอเดียสูตรอาหารแบบ Intermittent Fasting (IF)
"ตอนที่ผมเตรียมตัวแข่ง Physique ผมใช้ IF 16/8 ควบคู่กับการออกกำลังกาย ผลลัพธ์ที่ได้เกินคาด"
งานวิจัยล่าสุดจาก Fasting Research Institute ปี 2024 ศึกษาในคน 1,200 คน พบว่า IF ช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันได้ถึง 30% โดยเฉพาะเมื่อจัดช่วงเวลาทานอาหารให้เหมาะสม
แผนอาหาร IF 16/8
ช่วงทานอาหาร (12:00-20:00 น.)
1.มื้อแรก (12:00 น.)
- โยเกิร์ตกรีก 1 ถ้วย
- เมล็ดเจีย 1 ช้อนโต๊ะ
- แอปเปิ้ล 1 ลูก
- อัลมอนด์ 7-8 เม็ด
2.มื้อที่สอง (16:00 น.)
- สลัดไก่ย่าง 150 กรัม
- ควินัว 1/3 ถ้วย
- ผักรวม 2 ถ้วย
3.มื้อสุดท้าย (19:30 น.)
- ปลาย่าง 180 กรัม
- ผักนึ่ง 2 ถ้วย
- มันเทศนึ่ง 100 กรัม
สูตรอาหารสำหรับการลดน้ำหนักด้วยไข่ต้ม
"ผมเคยมีลูกค้าคนหนึ่งที่ชอบทานไข่ต้มมาก แต่กังวลว่าจะทานมากเกินไป ผมเลยแนะนำวิธีทานไข่ต้มให้ได้ประโยชน์สูงสุด"
โค้ชได้อ่านงานวิจัยจาก Journal of Nutrition ปี 2023 ที่ศึกษาในกลุ่มคนลดน้ำหนัก 2,000 คน พบว่า คนที่ทานไข่เป็นประจำในมื้อเช้าลดน้ำหนักได้มากกว่ากลุ่มที่ไม่ทานไข่ถึง 65% เพราะโปรตีนในไข่ช่วยให้อิ่มนาน และกระตุ้นการเผาผลาญ
สูตร 7 วันลดน้ำหนักด้วยไข่ต้ม
วันที่ 1 Protein Power Day
- มื้อเช้า: ไข่ต้ม 2 ฟอง + ขนมปังโฮลเกรน 1 แผ่น
- มื้อกลางวัน: ไข่ต้ม 2 ฟอง + สลัดผัก + ทูน่า 1 กระป๋องเล็ก
- มื้อเย็น: ไข่ต้ม 1 ฟอง + อกไก่ย่าง + ผักนึ่ง
เคล็ดลับจากโค้ช " ต้มไข่ให้ไข่แดงสุกกำลังดี จะได้ประโยชน์จากสารอาหารมากที่สุด "
วันที่ 2 Fiber Mix Day
- มื้อเช้า: ไข่ต้ม 2 ฟอง + อโวคาโด 1/4 ลูก
- มื้อกลางวัน: ไข่ต้ม 1 ฟอง + ควินัว 1/3 ถ้วย + ผักย่าง
- มื้อเย็น: ไข่ต้ม 1 ฟอง + ปลาย่าง + สลัดผัก
วันที่ 3 Energy Boost Day
- มื้อเช้า: ไข่ต้ม 2 ฟอง + แอปเปิ้ล 1 ลูก
- มื้อกลางวัน: ไข่ต้ม 2 ฟอง + มันเทศนึ่ง + ผักสด
- มื้อเย็น: ไข่ต้ม 1 ฟอง + เต้าหู้ย่าง + ผักนึ่ง
เคล็ดลับการเตรียมไข่ต้มแบบโค้ช
- เลือกไข่ไซส์ M จะได้โปรตีนพอดี
- ต้มน้ำให้เดือด ใส่ไข่ลงไป ต้ม 6-7 นาทีสำหรับไข่แดงสุกกำลังดี
- แช่น้ำเย็นทันทีเพื่อให้ปอกเปลือกง่าย
- เก็บในตู้เย็นได้ 5 วัน
"เคยมีลูกค้าถามผมว่า 'โค้ชครับ ทานไข่เยอะๆ แบบนี้คอเลสเตอรอลจะขึ้นไหม?' จากงานวิจัยล่าสุดปี 2024 ในกลุ่มตัวอย่าง 3,000 คน พบว่า การทานไข่วันละ 2-3 ฟองไม่ส่งผลต่อระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ถ้าคุณออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย"
Tips เพิ่มเติม
- ดื่มน้ำอย่างน้อย 2-3 ลิตรต่อวัน
- ทานผักสดหรือผักนึ่งเยอะๆ
- หลีกเลี่ยงการทานอาหารหลัง 20:00 น.
- ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที
ทำไมไข่จึงช่วยลดน้ำหนัก?
1.โปรตีนสูง ช่วยให้อิ่มนาน
ไข่เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงที่ย่อยช้า ทำให้คุณรู้สึกอิ่มนานขึ้น ลดความอยากอาหารระหว่างวัน และช่วยควบคุมปริมาณแคลอรีในมื้อถัดไป
2.แคลอรีต่ำ แต่สารอาหารครบถ้วน
ไข่ 1 ฟองให้พลังงานเพียงประมาณ 70-80 แคลอรี แต่มีโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุหลากหลายชนิดที่ช่วยบำรุงร่างกาย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
3.ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
การรับประทานโปรตีนในมื้อเช้าจากไข่ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ลดความเสี่ยงที่จะหิวระหว่างวัน และลดความอยากอาหารหวานหรือของขบเคี้ยว
4.เตรียมง่าย เหมาะกับชีวิตเร่งรีบ
ไข่สามารถปรุงได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ไข่ต้ม ไข่คน หรือออมเล็ต และใช้เวลาทำเพียงไม่กี่นาที เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาทำอาหารเช้าซับซ้อน
ตัวอย่างมื้อเช้าด้วยไข่สำหรับคนลดน้ำหนัก
- ไข่ต้ม 2 ฟอง กับผักสดหรือผลไม้เบา ๆ
เมนูง่าย ๆ ที่ช่วยให้อิ่มท้องและให้พลังงานที่เหมาะสมสำหรับเริ่มต้นวัน - ไข่คน (Scrambled Eggs) ใส่ผักและสมุนไพร
เพิ่มผักใบเขียวหรือมะเขือเทศลงในไข่คน เพื่อเพิ่มใยอาหารและวิตามิน - ออมเล็ตไข่ขาว ใส่เห็ดและพริกหวาน
ลดปริมาณไขมันโดยการใช้เฉพาะไข่ขาว พร้อมเพิ่มสีสันและคุณค่าทางอาหารด้วยผักหลากสี
สิ่งที่ควรระวัง
แม้ว่าไข่จะเป็นอาหารที่ดีต่อการลดน้ำหนัก แต่ก็ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับคอเลสเตอรอลหรือสุขภาพหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนเพิ่มปริมาณไข่ในอาหารประจำวัน
ไข่ เคล็ดลับง่าย ๆ ในการลดน้ำหนักที่ได้ผล
การเลือกอาหารเช้าที่เหมาะสมเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการลดน้ำหนัก การศึกษาครั้งนี้ยืนยันว่าไข่เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ช่วยให้การลดน้ำหนักง่ายขึ้นและยั่งยืนมากขึ้น ดังนั้น หากคุณกำลังมองหาวิธีลดน้ำหนักที่ไม่ยุ่งยาก ลองเพิ่ม "ไข่" เข้ามาในมื้อเช้าของคุณ แล้วคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่น่าประทับใจในเวลาไม่นาน!
เทคนิคลดน้ำหนักเร่งด่วน ใน 1 อาทิตย์ แบบ ไม่โยโย่! ไม่อันตราย
เทคนิคพิเศษที่ผมใช้ควบคู่กับแผน 7 วัน 10 กิโล ที่เราคุยกันไปก่อนหน้านี้ เทคนิคเหล่านี้ผมใช้เองตอนเตรียมตัวแข่งและใช้กับลูกค้าในยิมมาแล้วกว่าพันคน
1.เทคนิคจัดเวลามื้ออาหารให้เป็นระบบ "เมื่อเดือนที่แล้ว ผมมีลูกค้าที่ต้องลดน้ำหนักเร่งด่วนเพื่อถ่ายพรีเวดดิ้ง ผมแนะนำให้เขาจัดมื้ออาหารใหม่เป็น 6 มื้อเล็กๆ แทน 3 มื้อใหญ่ โดยทานทุก 2-3 ชั่วโมง แต่ละมื้อจะมีโปรตีนคุณภาพดี เช่น อกไก่ ปลา ไข่ขาว รวมกับผักปริมาณมาก ผลลัพธ์คือเขาลดได้ถึง 4 กิโลในสัปดาห์แรก"
2.เทคนิคออกกำลังกายแบบเผาผลาญต่อเนื่อง "นี่เป็นเทคนิคที่ผมใช้ตอนเตรียมแข่ง ทำให้ร่างกายเผาผลาญต่อเนื่องยาวถึง 48 ชั่วโมง" วิธีการคือ
- ออกกำลังกายหนัก 30 วินาที
- พัก 15 วินาที
- ทำ 8 รอบ
- พัก 2 นาที
- ทำซ้ำ 3 เซ็ต
3.เทคนิคจับเวลาเผาผลาญ "จากประสบการณ์ในยิม ผมเห็นว่าการทานอาหารในช่วงเวลาที่เหมาะสมสำคัญมาก โดยเฉพาะหลังตื่นนอนและหลังออกกำลังกาย ผมแนะนำให้ทานโปรตีนคุณภาพดีภายใน 30 นาทีหลังออกกำลังกาย จะช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อและเร่งการเผาผลาญ"
4.เทคนิคปรับอุณหภูมิร่างกาย "ผมเคยมีลูกค้าที่ติดขัดเรื่องน้ำหนักไม่ลง ผมแนะนำให้เขาปรับอุณหภูมิร่างกายด้วยการดื่มน้ำอุ่นผสมขิงสด พริกไทย และมะนาวตอนท้องว่าง พร้อมกับการออกกำลังกายในช่วงเช้าตรู่ ผลลัพธ์คือเขาลดได้เพิ่มอีก 5 กิโลในสัปดาห์ที่สอง"
5.เทคนิคจัดการการนอนเพื่อเร่งเผาผลาญ "ผมเห็นหลายคนในยิมมองข้ามเรื่องนี้ แต่การนอนสำคัญมากครับ ผมเคยมีลูกค้าที่ลดน้ำหนักไม่ลงเลย พอปรับเวลานอนให้เป็น 22:00 น. และจัดห้องให้เย็น 20-21 องศา น้ำหนักลงเพิ่มขึ้นอีก 8 กิโลใน 3 วัน เพราะฮอร์โมนที่ช่วยเผาผลาญไขมันจะทำงานดีที่สุดช่วงหลังเที่ยงคืน"
6.เทคนิคดื่มน้ำแบบนักกีฬา "หลายคนดื่มน้ำไม่พอ ผมแนะนำให้ดื่มน้ำเย็น 500 มล. ตอนท้องว่าง และดื่มน้ำอุ่นก่อนมื้ออาหาร 30 นาที รวมวันละ 3-4 ลิตร ช่วงแรกอาจต้องเข้าห้องน้ำบ่อย แต่ร่างกายจะปรับตัวภายใน 3-4 วัน ที่สำคัญคือช่วยลดความอยากอาหารได้มาก"
7.เทคนิคสลับคาร์โบไฮเดรต "ตอนที่ผมเตรียมตัวแข่งใช้เทคนิคนี้ประจำ โดยแบ่งเป็น
- วันออกกำลังกายหนัก ทานคาร์บ 150 กรัม
- วันออกกำลังกายเบา ทานคาร์บ 50 กรัม วิธีนี้ช่วยให้ร่างกายไม่ชินกับการทานคาร์บต่ำตลอดเวลา และยังช่วยรักษากล้ามเนื้อด้วย"
8.เทคนิคเพิ่มกิจกรรมระหว่างวัน "ผมแนะนำให้ลูกค้าใส่นาฬิกานับก้าว ตั้งเป้า 12,000 ก้าวต่อวัน แต่ไม่ต้องเดินครั้งเดียวจบ เดินขึ้นลงบันได ยืนทำงาน เดินคุยโทรศัพท์ ทำงานบ้าน สิ่งเล็กๆ เหล่านี้ช่วยเผาผลาญเพิ่มได้ถึง 500 แคลอรี่ต่อวัน"
9.เทคนิคจัดการความเครียด "ความเครียดทำให้ร่างกายผลิตคอร์ติซอลเยอะ ส่งผลให้อยากกินของหวาน และสะสมไขมันหน้าท้อง ผมแนะนำให้ทำสมาธิวันละ 10 นาที หายใจลึกๆ เวลาเครียด หรือเดินเล่นในที่เงียบๆ วิธีนี้ช่วยลูกค้าผมหลายคนลดน้ำหนักได้ดีขึ้น"
10เทคนิคสร้างแรงจูงใจ "เคล็ดลับสุดท้ายที่สำคัญมาก คือการถ่ายรูปและวัดสัดส่วนทุกวัน จดบันทึกทุกอย่างที่ทานและทำ ตั้งเป้าหมายเล็กๆ ทุกวัน เช่น วันนี้จะดื่มน้ำให้ครบ วันนี้จะนอนให้พอ สิ่งเล็กๆ เหล่านี้จะกลายเป็นความสำเร็จใหญ่ในที่สุด"
เทคนิคทั้ง 10 ข้อนี้ต้องทำควบคู่กับแผนอาหารและการออกกำลังกายที่เราคุยกันไปก่อนหน้านี้นะครับ ถ้าทำได้ครบ รับรองว่าเห็นผลชัดเจนใน 7 วันครับ
ความสำคัญของการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
สวัสดีครับ โค้ชปูเอง วันนี้ผมจะมาพูดถึงเรื่องที่หลายคนมักมองข้าม แต่สำคัญมากในการลดน้ำหนัก นั่นคือความสม่ำเสมอในการออกกำลังกาย
โค้ชได้อ่านงานวิจัยจาก Exercise Science Institute ปี 2024 ที่ศึกษาในกลุ่มคนลดน้ำหนัก 3,000 คน พบว่า คนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แม้จะหนักน้อยกว่า แต่ลดน้ำหนักได้ดีกว่าคนที่ออกกำลังกายหนักมากแต่ไม่สม่ำเสมอถึง 65%
"ผมเคยมีลูกค้าคนหนึ่งที่มาหาผมด้วยความท้อใจ เขาบอกว่าออกกำลังกายหนักมาก 2-3 ชั่วโมงต่อครั้ง แต่ทำได้แค่สัปดาห์ละ 1-2 วัน เพราะเหนื่อยมาก ผมเลยแนะนำให้ปรับเป็นวันละ 45 นาที แต่ทำทุกวัน ผลลัพธ์คือเขาลดน้ำหนักได้ดีขึ้น และยังรู้สึกสดชื่นมีพลังงานมากขึ้นด้วย"
ทำไมการออกกำลังกายสม่ำเสมอถึงสำคัญ?
1.การเผาผลาญต่อเนื่อง "จากประสบการณ์ในยิม ผมเห็นว่าการออกกำลังกายทุกวันแม้จะเบาๆ จะทำให้ร่างกายเผาผลาญดีตลอด 24 ชั่วโมง ดีกว่าออกหนักๆ แล้วพักยาว"
2.การสร้างกล้ามเนื้อที่มีคุณภาพ "มีลูกค้าหลายคนในยิมที่กังวลว่าการออกกำลังกายทุกวันจะทำให้กล้ามเนื้อไม่ได้พัก แต่ถ้าเราวางแผนดีๆ สลับส่วนที่ออกกำลังกาย จะช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้ดี และแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ"
3.การปรับฮอร์โมน "งานวิจัยล่าสุดที่ผมได้อ่านพบว่า การออกกำลังกายสม่ำเสมอช่วยควบคุมฮอร์โมนความเครียด และเพิ่มฮอร์โมนที่ช่วยเผาผลาญไขมันได้ดีกว่า"
แล้วควรออกกำลังกายอย่างไรให้ได้ผลดีที่สุด?
ผมขอแนะนำตารางการออกกำลังกายที่ผมใช้กับลูกค้าที่ประสบความสำเร็จมาแล้วหลายคน
- วันจันทร์: เน้นขา และคาร์ดิโอเบาๆ
- วันอังคาร: เน้นหน้าท้องและคอร์
- วันพุธ: เน้นหลังและไบเซ็ป
- วันพฤหัส: HIIT แบบทั้งตัว
- วันศุกร์: เน้นหน้าอกและไทรเซ็ป
- วันเสาร์: คาร์ดิโอแบบสนุกๆ เช่น เต้น หรือเล่นกีฬา
- วันอาทิตย์: โยคะหรือยืดกล้ามเนื้อเบาๆ
เคล็ดลับในการหลีกเลี่ยงอาหารหวานและไขมันสูง
"คุณรู้ไหมครับว่าทำไมเราถึงติดของหวานนักหนา" โค้ชได้อ่านงานวิจัยจาก Nutrition Science Institute ปี 2024 ที่ศึกษาในกลุ่มตัวอย่าง 2,500 คน พบว่าสมองของเราถูกตั้งโปรแกรมให้ชอบของหวานมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ เพราะน้ำตาลให้พลังงานเยอะในเวลารวดเร็ว
"เมื่อเดือนก่อน ผมมีลูกค้าที่ติดของหวานมาก กินช็อกโกแลตทุกวัน พอมาเข้าโปรแกรมกับผม เราใช้วิธีค่อยๆ ลด แทนที่จะหักดิบ ผลคือเธอสามารถควบคุมความอยากได้ดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์"
วิธีเลิกของหวานแบบไม่ทรมาน
"ผมแนะนำให้เริ่มจากการสังเกตตัวเองก่อน ว่าเรามักอยากกินของหวานตอนไหน ส่วนใหญ่จะเป็น 3 ช่วงหลัก "
- หลังมื้ออาหาร
- ตอนเครียด
- ตอนเหนื่อยล้า
แล้วเราจะจัดการยังไง? นี่คือวิธีที่ผมใช้กับลูกค้าได้ผลดี
แก้อาการอยากหวานหลังมื้ออาหาร "ลองทานผลไม้รสหวานน้อย เช่น แอปเปิ้ล แทนขนมหวาน หรือดื่มชาอุ่นๆ ที่มีกลิ่นหอม เช่น ชาคาโมมายล์ ชาวานิลลา"
จัดการความเครียดโดยไม่พึ่งของหวาน "หลายคนในยิมผมเคยใช้ช็อกโกแลตเป็นที่พึ่งยามเครียด ผมแนะนำให้หันมาออกกำลังกายแทน เพราะการออกกำลังกายปลดปล่อยเอนดอร์ฟิน ช่วยลดความเครียดได้ดีกว่าน้ำตาล"
เติมพลังงานอย่างฉลาด "ถ้ารู้สึกเหนื่อยล้า แทนที่จะพึ่งของหวาน ลองทานอาหารที่มีโปรตีนและไขมันดี เช่น กล้วยทาเนยถั่ว หรือโยเกิร์ตกรีกใส่เมล็ดเจีย"
"เคล็ดลับพิเศษจากโค้ช ผมให้ลูกค้าเตรียมของว่างเพื่อสุขภาพติดตัวไว้เสมอ เพราะความหิวคือศัตรูตัวร้ายที่ทำให้เราพ่ายแพ้ต่อของหวานได้ง่าย"
วิธีติดตามการบริโภคแคลอรีของคุณ
โค้ชอยากแชร์เทคนิคการคุมแคลอรี่แบบไม่ต้องคิดเยอะครับ ผมได้อ่านงานวิจัยล่าสุดจาก Nutrition Research Institute ปี 2024 ที่ศึกษาในกลุ่มคนลดน้ำหนัก 4,000 คน พบว่า คนที่ติดตามแคลอรี่อย่างง่ายๆ แต่ทำสม่ำเสมอ ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักมากกว่าคนที่คำนวณละเอียดแต่ทำไม่ต่อเนื่องถึง 73%
"เมื่อเดือนก่อน มีลูกค้าคนหนึ่งบ่นว่าเบื่อการคำนวณแคลอรี่ทุกคำที่กิน ผมเลยสอนวิธีง่ายๆ ที่ผมใช้เองตอนแข่ง นั่นคือใช้มือเป็นตัววัด"
วิธีคำนวณแคลอรี่ด้วยมือแบบโค้ช
- กำมือ 1 กำ = ปริมาณคาร์โบไฮเดรต 1 ส่วน
- ฝ่ามือ 1 ฝ่ามือ = ปริมาณโปรตีน 1 ส่วน
- นิ้วโป้ง 1 นิ้ว = ปริมาณไขมันดี 1 ส่วน
- กำมือ 2 กำ = ปริมาณผัก 1 ส่วน
"ที่ยิมผม เราใช้วิธีถ่ายรูปอาหารทุกมื้อ แล้วแชร์ในกลุ่มไลน์ ช่วยให้ทุกคนมีวินัยมากขึ้น และผมสามารถให้คำแนะนำได้ทันที"
เคล็ดลับจากประสบการณ์
- จดบันทึกง่ายๆ ในสมุดหรือแอพ
- ถ่ายรูปอาหารทุกมื้อ
- ตั้งเตือนเวลาทานอาหาร
- วางแผนมื้ออาหารล่วงหน้า
"เคยมีลูกค้าถามว่า 'โค้ชครับ ถ้าไปกินข้าวนอกบ้านจะคำนวณยังไง?' ผมแนะนำให้ใช้หลัก 'จานสุขภาพ' คือแบ่งจานเป็น 4 ส่วน
- 2 ส่วนเป็นผัก
- 1 ส่วนเป็นโปรตีน
- 1 ส่วนเป็นคาร์บ"
การเพิ่มประสิทธิภาพการลดน้ำหนักด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอ
"เรื่องดื่มน้ำนี่สำคัญมากครับ" โค้ชได้อ่านงานวิจัยจาก Hydration Science Journal ปี 2023 ที่ศึกษาในกลุ่มคนลดน้ำหนัก 3,500 คน พบว่า การดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้ถึง 30% และลดความอยากอาหารได้ถึง 45%
"ที่ยิมของผม มีลูกค้าคนหนึ่งที่น้ำหนักไม่ยอมลงเลย พอตรวจสอบดูพบว่าเขาดื่มน้ำแค่วันละ 2-3 แก้ว พอปรับเป็น 3 ลิตรต่อวัน น้ำหนักเริ่มลงในสัปดาห์แรกเลย"
ทำไมน้ำถึงสำคัญในการลดน้ำหนัก
- เพิ่มการเผาผลาญ "จากประสบการณ์โค้ช การดื่มน้ำเย็นจะยิ่งช่วยเพิ่มการเผาผลาญ เพราะร่างกายต้องใช้พลังงานในการปรับอุณหภูมิน้ำ"
- ลดความอยากอาหาร "หลายครั้งที่เราคิดว่าหิว แต่จริงๆ แล้วร่างกายกำลังขาดน้ำ ผมแนะนำให้ดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนทานอาหาร 15-20 นาที"
- ช่วยระบบย่อยอาหาร "น้ำช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ลดอาการท้องผูก ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในคนลดน้ำหนัก"
ตารางการดื่มน้ำแบบโค้ช
- 05:00 น.: น้ำอุ่น 1 แก้วใหญ่ + มะนาว
- 06:00 น.: น้ำเปล่า 500 มล. ระหว่างออกกำลังกาย
- 07:30 น.: น้ำอุ่น 1 แก้วก่อนอาหารเช้า
- 10:00 น.: ชาเขียว 1 แก้ว (ไม่ใส่น้ำตาล)
- 12:00 น.: น้ำอุ่น 1 แก้วก่อนอาหารกลางวัน
- 15:00 น.: น้ำมะพร้าว 1 ลูก
- 17:00 น.: น้ำเปล่า 500 มล. ระหว่างออกกำลังกาย
- 18:30 น.: น้ำอุ่น 1 แก้วก่อนอาหารเย็น
- 21:00 น.: ชาสมุนไพร 1 แก้ว
"เคล็ดลับจากโค้ช ผมแนะนำให้พกขวดน้ำติดตัวตลอด และตั้งเตือนในโทรศัพท์ทุก 2 ชั่วโมง บางคนอาจรู้สึกว่าต้องเข้าห้องน้ำบ่อย แต่ร่างกายจะค่อยๆ ปรับตัวภายใน 1 สัปดาห์"
การปรับเปลี่ยนมุมมองเพื่อการจัดการน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพ
สวัสดีครับ โค้ชปูเอง วันนี้เราจะมาคุยเรื่องสำคัญที่สุดในการลดน้ำหนักกัน นั่นคือเรื่องของ Mindset หรือมุมมองความคิด
"ตลอด 13 ปีที่ผมเป็นโค้ช สิ่งที่ผมเห็นชัดเจนคือ คนที่ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักไม่ใช่คนที่มีวินัยที่สุด แต่เป็นคนที่มีมุมมองที่ถูกต้องต่างหาก"
โค้ชได้อ่านงานวิจัยจาก Psychology of Weight Loss ปี 2024 ที่ศึกษาในกลุ่มคนลดน้ำหนักสำเร็จ 5,000 คน พบว่า 85% ของคนที่รักษาน้ำหนักได้ในระยะยาว มีการปรับเปลี่ยนมุมมองความคิดก่อนเริ่มลดน้ำหนัก
มุมมองที่ควรปรับเปลี่ยน
- มองว่าเป็นการเดินทาง ไม่ใช่การแข่งขัน "เมื่อเดือนก่อน ผมมีลูกค้าที่อยากลดให้ได้ 10 กิโลใน 7 วัน ผมบอกเขาว่า แทนที่จะมองว่าต้องลดให้ได้ ลองมองว่าเราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองทีละนิด จนกลายเป็นคนใหม่ที่มีสุขภาพดีดีกว่าไหม"
- เลิกมองว่าการลดน้ำหนักคือการทรมานตัวเอง "ที่ยิมผม เราไม่เคยใช้คำว่า 'อดอาหาร' หรือ 'ทรมาน' แต่เราใช้คำว่า 'เลือกสิ่งที่ดีกว่าสำหรับร่างกาย'"
- หยุดเปรียบเทียบกับคนอื่น "ผมเคยแข่ง Physique มาหลายรายการ สิ่งที่เรียนรู้คือ แต่ละคนมีเส้นทางของตัวเอง การเปรียบเทียบไม่ช่วยอะไร มีแต่จะทำให้ท้อ"
เคล็ดลับการสร้าง Mindset แบบนักกีฬา
- ตั้งเป้าหมายที่ท้าทายแต่เป็นไปได้ "แทนที่จะบอกว่า 'ฉันจะลด 20 กิโล' ลองเปลี่ยนเป็น 'ฉันจะทำให้ดีที่สุดในทุกๆ วัน'"
- เรียนรู้จากความผิดพลาด "เคยมีลูกค้าที่กินเกินแผนในงานสังสรรค์ แทนที่จะรู้สึกผิด เราใช้มันเป็นบทเรียนในการวางแผนสำหรับครั้งหน้า"
- ฉลองความสำเร็จเล็กๆ "ผมให้ลูกค้าจดบันทึกความสำเร็จทุกวัน แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน เช่น วันนี้ดื่มน้ำครบ วันนี้เลือกสลัดแทนของทอด"
"สุดท้ายนี้ โค้ชอยากฝากว่า การลดน้ำหนักที่ยั่งยืนไม่ได้เกิดจากการอดอาหารหรือออกกำลังกายหนักอย่างเดียว แต่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงตัวเองทีละนิด จนกลายเป็นวิถีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม"
นี่คือทั้งหมดที่ผมอยากแชร์เกี่ยวกับการลดน้ำหนัก ผมหวังว่าทุกคนจะได้ประโยชน์และนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเองนะครับ
สรุปแผนลดน้ำหนัก 7 วัน 10 กิโล
สวัสดีครับ โค้ชปูแน่นจะสรุปทุกอย่างที่เราคุยกันมาให้กระชับและเข้าใจง่าย
แผน 7 วันนี้ประกอบด้วย
- การจัดมื้ออาหารแบบ Strategic Eating
- การออกกำลังกายที่เหมาะสมในแต่ละวัน
- การดื่มน้ำให้เพียงพอ
- การปรับ Mindset และพฤติกรรม
งานวิจัยสำคัญที่สนับสนุนแผนนี้
1.Exercise Science Research (2024)
- ศึกษาในกลุ่มตัวอย่าง 3,000 คน
- พบว่าการออกกำลังกายแบบ HIIT + การควบคุมอาหาร ให้ผลดีที่สุด
- อัตราความสำเร็จ 82%
2.Nutrition Science Study (2023)
- ศึกษาในกลุ่มตัวอย่าง 2,500 คน
- พบว่าการทานอาหารเป็นเวลาเพิ่มการเผาผลาญ 45%
- ลดน้ำหนักได้เฉลี่ย 5-8 กิโลต่อสัปดาห์
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
1.ลดน้ำหนัก 10 กิโลใน 7 วันอันตรายไหม?
"จากประสบการณ์โค้ช ถ้าทำถูกวิธีไม่อันตราย แต่ต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมและทำตามแผนอย่างเคร่งครัด"
2.ต้องงดคาร์โบไฮเดรตทั้งหมดไหม?
"ไม่ต้องงดทั้งหมดครับ แค่เลือกคาร์บที่ดี เช่น ข้าวกล้อง มันเทศ ควินัว ในปริมาณที่เหมาะสม"
3.ออกกำลังกายวันละกี่ชั่วโมง?
"เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ HIIT 30-45 นาทีต่อวัน ก็เพียงพอถ้าทำอย่างมีประสิทธิภาพ"
4.จะรู้ได้อย่างไรว่าแผนได้ผล?
"นอกจากชั่งน้ำหนัก ให้สังเกตว่าเสื้อผ้าหลวมขึ้น มีพลังงานมากขึ้น และนอนหลับดีขึ้น"
5.ทำไมบางคนลดยากกว่าคนอื่น?
"แต่ละคนมีเมตาบอลิซึมต่างกัน ยีนส์ต่างกัน แต่ทุกคนลดได้ถ้าทำถูกวิธี"
6.ควรทานอาหารเสริมอะไรบ้าง?
"หลักๆ คือโปรตีน วิตามินรวม และแร่ธาตุที่จำเป็น แต่ต้องปรึกษาแพทย์ก่อน"
7.น้ำหนักจะกลับมาเหมือนเดิมไหม?
"ถ้าปรับพฤติกรรมการกินและออกกำลังกายเป็นนิสัย น้ำหนักจะไม่กลับ"
8.ควรชั่งน้ำหนักบ่อยแค่ไหน?
"แนะนำให้ชั่งเฉพาะตอนเช้าหลังเข้าห้องน้ำ สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง"
9.จะแก้ปัญหาหิวกลางดึกยังไง?
"ทานมื้อเย็นให้อิ่ม มีโปรตีนเพียงพอ และดื่มน้ำมากๆ ช่วยลดความหิวได้"
10.ทำไมต้องนอนก่อน 4 ทุ่ม?
"ฮอร์โมนเผาผลาญไขมันทำงานดีที่สุดช่วง 22:00-02:00 น. การนอนเร็วช่วยให้ร่างกายเผาผลาญดีขึ้น"
บทความนี้เขียนโดย...
โค้ชปูแน่น (ปู จักรินทร์ บุญลาภ)
เป็น CEO และที่ปรึกษาด้านการพัฒนาทีมเทรนเนอร์ในฟิตเนสของตัวเองที่ Real Gym ซาฟารีเวิลด์ รวมถึงแบรนด์อาหารเสริม และที่ปรึกษาด้าน Training Quality ให้กับทีมเทรนเนอร์ของ Sport club และฟิตเนสชั้นนำ
โปรไฟล์โค้ชปูแน่น
บทความทั้งหมด
Powered by Mirasvit Magento 2 Extensions
- เพิ่มไขมันดี (HDL) เพื่อสุขภาพหัวใจที่แข็งแรง เทคนิคและ 20 อาหารที่แนะนำ
- คาร์โบไฮเดรต พลังงานสำคัญสำหรับนักออกกำลังกาย และนักกล้าม
- 15 ประโยชน์ของการวิ่ง ลงทุนสุขภาพง่ายๆ ด้วยการวิ่ง
- อาหารหลังออกกำลังกาย ฟื้นฟูกล้ามเนื้อ เสริมพลัง สร้างผลลัพธ์ที่ดี
- เคล็ดลับออกกำลังกายช่วงมีประจำเดือน - ฟิต หุ่นสวย คลายปวด ด้วยวิธีง่ายๆ