30 อาหารคลีนลดน้ำหนัก ทำเองง่าย คู่มือฉบับสมบูรณ์จากโค้ชปูแน่น
สวัสดีครับทุกคน โค้ชปูแน่นเองนะครับ วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องอาหารคลีนกันแบบจริงจังเลย ในฐานะที่ผมเป็นทั้งเทรนเนอร์และนักโภชนาการที่ได้รับการรับรองจาก ACE พร้อมทั้งมีประสบการณ์ดูแลลูกค้ามากกว่า 10 ปี ผมอยากแชร์ความรู้และเทคนิคดีๆ เกี่ยวกับการกินคลีนให้กับทุกคน
สารบัญเนื้อหา
- ความหมายของอาหารคลีน
- ประโยชน์ของการทานอาหารคลีน
- 30 เมนูอาหารคลีนทำง่ายและอร่อย
- เมนูอาหารคลีน 7 วัน
- แผนอาหารคลีน 30 วัน: แผนแห่งการเปลี่ยนแปลง
- การคำนวณแคลอรี่จากการกินอาหารคลีน
- 10 เครื่องดื่มที่จัดเป็นอาหารคลีน
- วิธีการหลีกเลี่ยงอาหารรสหวาน
- เทคนิคการควบคุมความอยากอาหาร
- ฟังสัญญาณจากร่างกาย
- สรุปเกี่ยวกับอาหารคลีน
ความหมายของอาหารคลีน
อาหารคลีน คือ อะไรกันแน่? หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า "กินคลีน" กันมาบ้าง แต่วันนี้โค้ชจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ เลยว่า อาหารคลีน คือ การรับประทานอาหารที่ผ่านการแปรรูปน้อยที่สุด เน้นความเป็นธรรมชาติ และหลีกเลี่ยงสารปรุงแต่งต่างๆ
จากประสบการณ์ที่ผมดูแลลูกค้ามานับพันคน เมื่อวานเพิ่งมีน้องคนหนึ่งมาถามผมที่ยิมว่า "พี่ปู หนูต้องกินแต่สลัดอย่างเดียวเหรอถึงจะเรียกว่ากินคลีน?" ผมขอตอบเลยว่าไม่ใช่ครับ!
โค้ชได้ศึกษางานวิจัยล่าสุดจาก Journal of Nutrition (2023) ที่ทำการศึกษากับผู้เข้าร่วมวิจัย 1,500 คน พบว่าการทานอาหารคลีนที่มีความหลากหลาย ครบ 5 หมู่ โดยเน้นอาหารที่ไม่ผ่านการแปรรูป สามารถลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังได้ถึง 35% และช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดีกว่าการจำกัดแคลอรี่เพียงอย่างเดียวถึง 2 เท่า
องค์ประกอบสำคัญของอาหารคลีน
- อาหารธรรมชาติ ไม่ผ่านการแปรรูป
- ผัก ผลไม้สด
- เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
- ธัญพืชไม่ขัดสี
- ไข่ นม และถั่วต่างๆ
- วิธีการปรุงที่ดีต่อสุขภาพ เมื่อสองวันก่อน ผมเพิ่งสอนลูกค้าทำไก่อกย่างสมุนไพรแบบฉ่ำๆ น้ำหนักลดได้ผลดีมาก วิธีการปรุงที่แนะนำ ได้แก่
- นึ่ง
- ต้ม
- อบ
- ย่าง
- ผัดแบบใช้น้ำมันน้อย
เกร็ดความรู้จากโค้ช "รู้ไหมครับว่าทำไมผมถึงแนะนำให้ทานอกไก่เป็นหลัก? เพราะในอกไก่ 100 กรัม มีโปรตีนสูงถึง 31 กรัม แต่มีไขมันเพียง 3.6 กรัมเท่านั้น! ผมเคยดูแลลูกค้าที่ลดน้ำหนักได้ 20 กิโลกรัมใน 6 เดือน โดยเน้นทานอกไก่เป็นหลักร่วมกับการออกกำลังกายอย่างถูกวิธี" |
ตารางเปรียบเทียบคุณค่าทางโภชนาการ อาหารคลีน vs อาหารทั่วไป
ประเภทอาหาร |
แคลอรี่ |
โปรตีน |
ไขมัน |
น้ำตาล |
ข้าวกล้อง 1 ถ้วย |
216 |
4.5g |
1.8g |
0.7g |
ข้าวขาว 1 ถ้วย |
242 |
4.2g |
0.4g |
0g |
อกไก่ย่าง 100g |
165 |
31g |
3.6g |
0g |
ไก่ทอด 100g |
246 |
24g |
15.2g |
0g |
[Video: สาธิตการเลือกวัตถุดิบอาหารคลีนในซูเปอร์มาร์เก็ต]
ประโยชน์ของการทานอาหารคลีน
สวัสดีครับ โค้ชปูจะมาเล่าถึงประโยชน์ของการทานอาหารคลีนกันครับ จากประสบการณ์ที่ผมดูแลลูกค้ามากว่า 10 ปี ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งมากมาย เมื่อเดือนที่แล้ว มีคุณแม่ลูกสองท่านหนึ่งมาปรึกษาผมที่ยิม เธอบอกว่า "หลังคลอดลูกคนที่สองมา 2 ปี น้ำหนักไม่ลงเลยค่ะโค้ช ลองทุกวิธีแล้ว" ผมแนะนำให้เธอปรับมาทานอาหารคลีน และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจาก 3 เดือน
- น้ำหนักลดลง 8 กิโลกรัม
- ผิวพรรณดีขึ้น ลูกค้าบอกว่าหน้าไม่ค่อยเป็นสิวแล้ว
- มีพลังงานมากขึ้น เลี้ยงลูกได้ทั้งวันไม่เหนื่อย
- การนอนหลับดีขึ้น
งานวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับอาหารคลีน
โค้ชได้ศึกษางานวิจัยจาก Harvard School of Public Health (2023) ที่ติดตามผู้เข้าร่วมวิจัย 2,500 คน เป็นระยะเวลา 2 ปี พบว่า
ผลการวิจัย |
กลุ่มทานอาหารคลีน |
กลุ่มควบคุม |
น้ำหนักลดลงเฉลี่ย |
12.5 กก./ปี |
4.2 กก./ปี |
ระดับคอเลสเตอรอลลดลง |
15% |
5% |
คุณภาพการนอนดีขึ้น |
78% |
32% |
ระดับพลังงานเพิ่มขึ้น |
82% |
45% |
นอกจากนี้ ทีมวิจัยจาก Tokyo Medical University (2023) ได้ศึกษาผลของการทานอาหารคลีนต่อสุขภาพผิว โดยติดตามผู้หญิงอายุ 25-45 ปี จำนวน 800 คน พบว่ากลุ่มที่ทานอาหารคลีนมีปัญหาสิว ริ้วรอย และผิวหมองคล้ำลดลง 65% ภายใน 6 เดือน
ประโยชน์ทางสุขภาพที่คุณจะได้รับ
จากประสบการณ์ดูแลลูกค้า ผมสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนหลังทานอาหารคลีน
1.การควบคุมน้ำหนัก
"เคล็ดลับจากโค้ช ลูกค้าที่ประสบความสำเร็จมักเริ่มจากการแทนมื้อเย็นด้วยอาหารคลีนก่อน แล้วค่อยๆ ปรับมื้ออื่นๆ ตามมา ไม่ต้องรีบร้อนเปลี่ยนทีเดียวทั้งหมด"
2.ระบบการย่อยอาหาร
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีลูกค้าวัย 45 ปีบอกผมว่า "โค้ช ปวดท้องบ่อย ท้องผูกมา 10 ปีแล้ว" หลังปรับมาทานอาหารคลีน 2 สัปดาห์ อาการดีขึ้นมาก
3.คุณภาพการนอน
ทริคจากโค้ช ลดอาหารมันๆ หนักๆ มื้อเย็น แล้วคุณจะนอนหลับสบายขึ้นแน่นอน
4.ผิวพรรณและสุขภาพ
ผมมีลูกค้าอายุ 50 ปี หลังทานอาหารคลีน 3 เดือน เพื่อนๆ ทักว่าดูอ่อนกว่าวัยลง 5 ปี
[Video: รีวิวจากคุณแม่ลูกสองที่ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักด้วยอาหารคลีน]
เคล็ดลับจากโค้ช เริ่มต้นอย่างไรให้ได้ผล
"ผมขอแชร์วิธีที่ใช้ได้ผลจริงกับลูกค้าหลายร้อยคนนะครับ
- เริ่มจากการเปลี่ยนของทอดเป็นของย่าง นึ่ง ต้ม
- เพิ่มผักในทุกมื้ออาหาร เริ่มจากครึ่งจาน
- ดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำอัดลม
- พกผลไม้ไว้กินแก้หิว
- วางแผนมื้ออาหารล่วงหน้า"
30 เมนูอาหารคลีนทำง่ายและอร่อย
โค้ชปูจะมาแชร์เมนูอาหารคลีนที่ทำง่าย ประหยัด และถูกปากคนไทย ที่ผมใช้แนะนำลูกค้ามาแล้วได้ผลดีมาก
"เมื่อวานมีลูกค้าถามผมว่า โค้ชปู ทำไมอาหารคลีนต้องจืดๆ น่าเบื่อด้วย?" ผมเลยบอกว่าไม่จริงครับ จากประสบการณ์ที่ผมแข่งขันฟิตเนส ผมต้องกินอาหารคลีนติดต่อกัน 12 สัปดาห์ ผมเลยต้องคิดค้นเมนูที่ทั้งอร่อยและได้โภชนาการครบถ้วน
ในฐานะที่เป็นทั้งโค้ชและนักโภชนาการ ผมอยากแชร์เมนูที่ทดสอบมาแล้วว่าได้ผลจริง ทำง่าย และเหมาะกับคนไทย เริ่มกันเลยครับ
1. อกไก่นุ่มผัดพริกใบกะเพรา (โปรตีน 35g, คาร์บ 15g, ไขมัน 5g)
วิธีทำ
- หมักอกไก่หั่นชิ้นกับซอสหอยนางรมและพริกไทย 15 นาที ผัดในกระทะกับกระเทียมสับ พริก และใบกะเพรา เสิร์ฟกับข้าวกล้อง
เคล็ดลับโค้ช
- "แช่อกไก่ในน้ำเกลือ 30 นาทีก่อนหมัก จะได้เนื้อนุ่มฉ่ำ"
2. สลัดไข่ต้มอะโวคาโด (โปรตีน 20g, ไขมันดี 15g)
วิธีทำ
- ไข่ต้ม 2 ฟอง ผักสลัด อะโวคาโดครึ่งลูก มะเขือเทศราชินี น้ำสลัดทำจากมัสตาร์ดผสมน้ำมันมะกอก
เคล็ดลับโค้ช
- "ถ้าอะโวคาโดแพง ใช้ถั่วลิสงคั่วบดแทนได้ ได้ไขมันดีเหมือนกัน"
3. ข้าวผัดกะเพราไก่สับไข่ดาว (โปรตีน 28g, คาร์บ 45g, ไขมัน 8g)
วิธีทำ
- สับอกไก่ละเอียด ผัดกับกระเทียม พริก ใบกะเพรา ใช้ข้าวกล้องแทนข้าวขาว ไข่ดาวใช้สเปรย์น้ำมันแทนน้ำมันทอด
เคล็ดลับโค้ช
- ใส่ถั่วฝักยาวหั่นละเอียดลงไปด้วย เพิ่มใยอาหารโดยไม่เปลี่ยนรสชาติ
4. สปาเก็ตตี้ปลาแซลมอนซอสเพสโต้ (โปรตีน 25g, คาร์บ 40g, ไขมันดี 12g)
วิธีทำ
- ใช้พาสต้าโฮลเกรน ย่างปลาแซลมอน ซอสเพสโต้ทำเองจากใบโหระพา น้ำมันมะกอก ถั่วลิสงคั่ว
เคล็ดลับโค้ช
- ถ้างบน้อย ใช้ปลาแมคเคอเรลกระป๋องแทนแซลมอนได้ โอเมก้า 3 เยอะเหมือนกัน
5. ข้าวไรซ์เบอร์รี่อกไก่ย่างสมุนไพร (โปรตีน 30g, คาร์บ 45g, ไขมัน 6g)
วิธีทำ
- หมักอกไก่กับสมุนไพรไทย (ตะไคร้ ใบมะกรูด ขิง กระเทียม) ย่างด้วยเตาอบหรือกระทะ เสิร์ฟกับข้าวไรซ์เบอร์รี่และผักย่าง
เคล็ดลับโค้ช
- ใช้โยเกิร์ตกรีกหมักเนื้อด้วย จะได้เนื้อนุ่มและโปรตีนเพิ่ม
6. แกงเขียวหวานอกไก่ (โปรตีน 25g, คาร์บ 30g, ไขมัน 10g)
วิธีทำ
- ใช้กะทิไขมันต่ำ อกไก่หั่นชิ้น มะเขือเปราะ มะเขือพวง ใบโหระพา พริกแกงเขียวหวานทำเอง
เคล็ดลับโค้ช
- "ใส่บวบเพิ่ม จะช่วยให้แกงข้นโดยไม่ต้องใช้กะทิเยอะ"
7. สลัดปลาทูน่าไข่ต้ม (โปรตีน 22g, คาร์บ 15g, ไขมัน 8g)
วิธีทำ
- ทูน่ากระป๋องในน้ำแร่ ไข่ต้ม ผักสลัด แครอท แตงกวา น้ำสลัดทำจากโยเกิร์ตกรีกผสมมัสตาร์ด
เคล็ดลับโค้ช
- "เลือกทูน่าในน้ำแร่ ไม่ใช่ในน้ำมัน จะได้โปรตีนล้วนๆ"
8. ต้มยำกุ้งน้ำใส (โปรตีน 20g, คาร์บ 10g, ไขมัน 5g)
วิธีทำ
- กุ้งสด เห็ดออรินจิ เห็ดเข็มทอง ต้มยำแบบน้ำใส ใส่พริก ตะไคร้ ใบมะกรูด กระเทียม
เคล็ดลับโค้ช
- "ใส่เห็ดหลายชนิด จะได้รสชาติดีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง"
9. ยำอกไก่ย่างใบชะพลู (โปรตีน 28g, คาร์บ 12g, ไขมัน 6g)
วิธีทำ
- อกไก่ย่าง หั่นฝอย ใบชะพลู หอมแดง พริกสด มะนาว น้ำปลา
เคล็ดลับโค้ช
- "ใบชะพลูช่วยเผาผลาญไขมัน เพิ่มได้เยอะๆ"
10. ข้าวหน้าไก่อบซีอิ๊ว (โปรตีน 32g, คาร์บ 45g, ไขมัน 7g)
วิธีทำ
- อกไก่หมักซีอิ๊วขาว พริกไทย กระเทียม อบจนสุก หั่นบางๆ เสิร์ฟกับข้าวกล้องและผักลวก
เคล็ดลับโค้ช
- "หมักไก่ข้ามคืน รสจะซึมเข้าเนื้อดีกว่า
11. สุกี้ไก่น้ำใส (โปรตีน 25g, คาร์บ 15g, ไขมัน 5g)
วิธีทำ
- อกไก่หั่นบาง วุ้นเส้นลอดช่อง ผักรวม (ผักกาดขาว คะน้า ข้าวโพดอ่อน) น้ำซุปใส ไข่ไก่
เคล็ดลับโค้ช
- "ใช้วุ้นเส้นถั่วเขียวแทนวุ้นเส้นมันสำปะหลัง ได้โปรตีนเพิ่ม แถมแคลอรี่น้อยกว่า"
12. ผัดบวบใส่ไข่ (โปรตีน 15g, คาร์บ 12g, ไขมัน 6g)
วิธีทำ
- บวบหั่นบาง ไข่ไก่ 2 ฟอง กระเทียมสับ น้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว
เคล็ดลับโค้ช
- "เมนูนี้เหมาะกับมื้อเย็น ย่อยง่าย ไม่อืด นอนหลับสบาย"
13. ข้าวหน้าเต้าหู้ไข่ขาว (โปรตีน 24g, คาร์บ 40g, ไขมัน 8g)
วิธีทำ
- เต้าหู้ขาวหั่นเต๋า ผัดกับไข่ขาว 3 ฟอง ต้นหอม พริกไทย ราดบนข้าวกล้อง
เคล็ดลับโค้ช
- "ใส่เห็ดหอมแห้งแช่น้ำสับละเอียด จะได้รสอูมามิธรรมชาติ ไม่ต้องปรุงรสเพิ่ม"
14. สลัดส้มตำไก่ย่าง (โปรตีน 28g, คาร์บ 20g, ไขมัน 7g)
วิธีทำ
- อกไก่ย่าง มะละกอซอย แครอทขูด กะหล่ำปลีซอย ถั่วลิสงคั่ว น้ำส้มตำสูตรไม่ใส่น้ำตาล
เคล็ดลับโค้ช
- "ใช้หญ้าหวานแทนน้ำตาล ได้รสหวานแต่แคลอรี่เป็นศูนย์"
15. ข้าวผัดกุ้งควินัว (โปรตีน 22g, คาร์บ 35g, ไขมัน 8g)
วิธีทำ
- ควินัวต้มสุก กุ้งสับ ไข่ขาว ข้าวโพดอ่อน แครอท ถั่วลันเตา ซีอิ๊วขาว
เคล็ดลับโค้ช
- "ผสมควินัวกับข้าวกล้อง อัตราส่วน 1:1 จะได้เนื้อสัมผัสดีขึ้น"
16. ซุปมิโซะไข่ตุ๋น (โปรตีน 18g, คาร์บ 8g, ไขมัน 6g)
วิธีทำ
- ไข่ตุ๋นใส่เต้าหู้อ่อน สาหร่ายวากาเมะ ต้นหอม น้ำซุปมิโซะ
เคล็ดลับโค้ช
- "เมนูนี้เหมาะกับคนที่เพิ่งออกกำลังกายเสร็จ ย่อยง่าย ได้โปรตีนครบ"
17. ยำวุ้นเส้นกุ้งสด (โปรตีน 20g, คาร์บ 25g, ไขมัน 5g)
วิธีทำ
- วุ้นเส้นถั่วเขียว กุ้งต้ม หมูสับอกลีน ต้นหอม ผักชี พริกสด น้ำยำสูตรหวานน้อย
เคล็ดลับโค้ช
- "ใช้น้ำมะนาวเยอะๆ ช่วยเผาผลาญไขมัน แถมวิตามินซีสูง"
18. ไข่พะโล้อกไก่ (โปรตีน 30g, คาร์บ 8g, ไขมัน 10g)
วิธีทำ
- ไข่ต้ม อกไก่หั่นชิ้น เต้าหู้แข็ง ต้มในน้ำซุปพะโล้สูตรไม่หวาน ใส่รากผักชี กระเทียม พริกไทย
เคล็ดลับโค้ช
- "ใส่เห็ดหอมแห้ง จะได้รสชาติเข้มข้นโดยไม่ต้องใส่ซีอิ๊วดำเยอะ"
19. สลัดผักย่างน้ำพริกเผา (โปรตีน 12g, คาร์บ 15g, ไขมัน 8g)
วิธีทำ
- ผักรวมย่าง (แครอท บร็อคโคลี่ ฟักทอง) ไข่ต้ม น้ำสลัดทำจากน้ำพริกเผาผสมโยเกิร์ตกรีก
เคล็ดลับโค้ช
- "ย่างผักด้วยเตาอบหรือ Air Fryer จะได้รสชาติหวานธรรมชาติ ไม่ต้องปรุงรสเพิ่ม"
20. ต้มจืดเต้าหู้หมูสับ (โปรตีน 20g, คาร์บ 8g, ไขมัน 6g)
วิธีทำ
- เต้าหู้ไข่ หมูสับอกลีน ผักกาดขาว สาหร่าย ต้นหอม รากผักชี
เคล็ดลับโค้ช
- "ใส่ฟักเพิ่ม ช่วยดูดซับไขมันส่วนเกิน แถมอิ่มนาน"
21. ข้าวอบสมุนไพรอกไก่ (โปรตีน 28g, คาร์บ 45g, ไขมัน 7g)
วิธีทำ
- ข้าวกล้องอบกับสมุนไพรไทย (ใบมะกรูด ใบโหระพา) อกไก่หั่นเต๋า หอมใหญ่ พริกหวาน
เคล็ดลับโค้ช
- "เคยมีลูกค้าที่ยิมทำเมนูนี้ไว้ 3 วัน สะดวกมาก อุ่นกินทีไรก็หอมสมุนไพร"
22. ลาบไก่ใบมะกรูด (โปรตีน 30g, คาร์บ 5g, ไขมัน 8g)
วิธีทำ
- อกไก่บดหยาบ ข้าวคั่ว ใบมะกรูดซอย หอมแดง ต้นหอม ปรุงรสด้วยน้ำปลา มะนาว
เคล็ดลับโค้ช
- "ใช้ข้าวคั่วแค่ 1 ช้อนชา แต่คั่วให้หอมมากๆ จะได้กลิ่นชวนกินโดยไม่ต้องใส่เยอะ"
23. สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศไก่บด (โปรตีน 25g, คาร์บ 40g, ไขมัน 6g)
วิธีทำ
- พาสต้าโฮลเกรน อกไก่บด มะเขือเทศสด หอมใหญ่ กระเทียม โหระพา
เคล็ดลับโค้ช
- "บดมะเขือเทศสดเอง อย่าใช้ซอสสำเร็จรูป จะได้วิตามินซีเต็มๆ ไม่มีน้ำตาลแอบแฝง"
24. ซุปไข่ขาวเห็ดรวม (โปรตีน 18g, คาร์บ 12g, ไขมัน 3g)
วิธีทำ
- ไข่ขาว 4 ฟอง เห็ดรวม (เห็ดออรินจิ เห็ดเข็มทอง เห็ดนางฟ้า) ต้นหอม พริกไทย
เคล็ดลับโค้ช
- "เมนูนี้ผมแนะนำให้กินก่อนนอน โปรตีนสูง แคลอรี่ต่ำ ไม่อืด"
25. ข้าวผัดน้ำพริกปลาทู (โปรตีน 22g, คาร์บ 40g, ไขมัน 8g)
วิธีทำ
- ข้าวกล้อง ปลาทูนึ่งแกะก้าง น้ำพริกกะปิ ถั่วฝักยาวต้ม มะเขือพวง
เคล็ดลับโค้ช
- "ปลาทูเป็นปลาที่ดีที่สุดสำหรับคนออกกำลังกาย แคลเซียมสูง โปรตีนเยี่ยม ราคาประหยัด"
26. สลัดอกไก่ย่างน้ำจิ้มแจ่ว (โปรตีน 30g, คาร์บ 15g, ไขมัน 5g)
วิธีทำ
- อกไก่ย่าง ผักสลัด แตงกวา มะเขือเทศ น้ำจิ้มแจ่วทำจากพริก กระเทียม น้ำปลา มะนาว
เคล็ดลับโค้ช
- "น้ำจิ้มแจ่วช่วยเผาผลาญ เพิ่มพริกได้ตามชอบ ยิ่งเผ็ดยิ่งดี"
27. ราเมงไข่ขาวเต้าหู้ (โปรตีน 20g, คาร์บ 30g, ไขมัน 5g)
วิธีทำ
- บะหมี่โฮลเกรน ไข่ขาว เต้าหู้อ่อน สาหร่าย ต้นหอม น้ำซุปทำจากกระดูกไก่ต้ม
เคล็ดลับโค้ช
- "ลูกค้าผมชอบเมนูนี้มาก อิ่มนาน พลังงานดี เหมาะกินก่อนออกกำลังกาย"
28. ยำถั่วพูกุ้งสด (โปรตีน 18g, คาร์บ 12g, ไขมัน 5g)
วิธีทำ
- ถั่วพูต้มสุก กุ้งต้ม หอมแดง ผักชี พริกสด น้ำยำมะนาว
เคล็ดลับโค้ช
- "ถั่วพูมีโปรตีนสูงกว่าผักทั่วไป 3 เท่า เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดเนื้อสัตว์"
29. ไข่ตุ๋นทะเล (โปรตีน 25g, คาร์บ 5g, ไขมัน 8g)
วิธีทำ
- ไข่ไก่ กุ้ง ปลาหมึก ต้นหอม พริกไทย ซีอิ๊วขาว
เคล็ดลับโค้ช
- "ใส่สาหร่ายวากาเมะเพิ่ม ได้ไอโอดีนและใยอาหารเพิ่ม"
30. ข้าวหน้าไก่ผัดขิง (โปรตีน 28g, คาร์บ 40g, ไขมัน 6g)
วิธีทำ
- อกไก่หั่นบาง ขิงซอย หอมใหญ่ เห็ดหอม ต้นหอม ราดบนข้าวกล้อง
เคล็ดลับโค้ช
- "ขิงช่วยย่อยโปรตีน ลดอาการท้องอืด เหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มกินอาหารคลีน"
เคล็ดลับสุดท้ายจากโค้ช "การกินอาหารคลีนให้ประสบความสำเร็จ ต้องทำให้อร่อยและหลากหลาย อย่ายึดติดกับเมนูซ้ำๆ ลองทำตามสูตรที่ผมแนะนำ แล้วค่อยๆ ปรับให้เข้ากับรสชาติที่คุณชอบ" |
เมนูอาหารคลีน 7 วัน และ 30 วัน
1.วันจันทร์
เช้า (6.30-7.00 น.): ข้าวโอ๊ตผัดไข่ขาว (300 แคล)
- ประโยชน์ที่ได้รับ : คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนจากข้าวโอ๊ตให้พลังงานต่อเนื่อง 4-5 ชั่วโมง
- โปรตีนจากไข่ขาวช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกาย
- เบต้ากลูแคนในข้าวโอ๊ตช่วยลดคอเลสเตอรอล
สาย (10.00 น.): แอปเปิ้ล 1 ผล (80 แคล)
- ประโยชน์ที่ได้รับ: ใยอาหารช่วยให้อิ่มนานถึงมื้อเที่ยง
- วิตามินซีเสริมภูมิคุ้มกัน
- น้ำตาลธรรมชาติให้พลังงานสมอง
เที่ยง (12.00-13.00 น.): อกไก่ย่างสมุนไพรกับสลัด (350 แคล)
- ประโยชน์ที่ได้รับ: โปรตีนคุณภาพสูงช่วยเผาผลาญไขมัน
- สมุนไพรไทยช่วยย่อยอาหารและเร่งเมตาบอลิซึม
- วิตามินจากผักสลัดบำรุงผิวพรรณ
บ่าย (15.00 น.): โยเกิร์ตกรีกกับบลูเบอร์รี่ (150 แคล)
- ประโยชน์ที่ได้รับ: โปรไบโอติกส์ช่วยระบบย่อยอาหาร
- แอนตี้ออกซิแดนท์จากบลูเบอร์รี่ช่วยชะลอวัย
- แคลเซียมบำรุงกระดูกและฟัน
เย็น (18.00-19.00 น.): ต้มจืดเต้าหู้ไข่ (250 แคล)
- ประโยชน์ที่ได้รับ: โปรตีนจากเต้าหู้ย่อยง่าย ไม่หนักท้อง
- น้ำซุปอุ่นๆ ช่วยให้นอนหลับสบาย
- ไอโซฟลาโวนจากถั่วเหลืองช่วยบำรุงผิว
เคล็ดลับโค้ช "ดื่มน้ำ 200-300 มล. ก่อนทุกมื้อ 15-20 นาที จะช่วยให้ย่อยอาหารดีขึ้น และควบคุมปริมาณการกินได้ดี" |
2.วันอังคาร
เช้า (6.30-7.00 น.): สลัดไข่ต้มอะโวคาโด (320 แคล)
- ประโยชน์ที่ได้รับ: ไขมันดีจากอะโวคาโดช่วยให้อิ่มนาน 4-5 ชั่วโมง
- วิตามินอีช่วยบำรุงผิวพรรณ ต้านอนุมูลอิสระ
- โปรตีนจากไข่ช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อยามเช้า
สาย (10.00 น.): ส้ม 2 ผล (100 แคล)
- ประโยชน์ที่ได้รับ: วิตามินซีธรรมชาติช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก
- ใยอาหารช่วยระบบขับถ่าย
- ให้พลังงานเล็กน้อยแต่อิ่มท้อง
เที่ยง (12.00-13.00 น.): ข้าวกล้องหน้าไก่อบสมุนไพร (380 แคล)
- ประโยชน์ที่ได้รับ: วิตามินบีรวมจากข้าวกล้องช่วยเผาผลาญ
- โปรตีนจากไก่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ
- ใยอาหารจากข้าวกล้องช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด
บ่าย (15.00 น.): นมถั่วเหลืองไม่หวาน (120 แคล)
- ประโยชน์ที่ได้รับ: โปรตีนจากถั่วเหลืองช่วยบำรุงกระดูก
- ไอโซฟลาโวนช่วยสมดุลฮอร์โมน
- แคลเซียมธรรมชาติไม่ผสมน้ำตาล
เย็น (18.00-19.00 น.): ยำวุ้นเส้นกุ้งสด (280 แคล)
- ประโยชน์ที่ได้รับ: โปรตีนจากกุ้งย่อยง่าย ไม่หนักท้อง
- รสเปรี้ยวเผ็ดช่วยเร่งเมตาบอลิซึม
- วิตามินซีจากพริกและมะนาวช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก
3.วันพุธ (วันฟื้นฟูร่างกาย)
เช้า (6.30-7.00 น.): โจ๊กข้าวกล้องไก่บด (300 แคล)
สาย (10.00 น.): สมูทตี้ผักโขมกับแอปเปิ้ล (150 แคล)
เที่ยง (12.00-13.00 น.): สลัดปลาแซลมอนย่าง (350 แคล)
บ่าย (15.00 น.): ถั่วลิสงคั่ว 1 กำมือ (160 แคล)
เย็น (18.00-19.00 น.): ต้มยำกุ้งน้ำใส (250 แคล)
ประโยชน์ของแผนวันพุธ
- ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อด้วยโปรตีนคุณภาพสูงจากปลาแซลมอนและกุ้ง
- โอเมก้า 3 จากปลาแซลมอนช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
- ขิงและสมุนไพรในต้มยำช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ
- วิตามินและแร่ธาตุจากผักโขมช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง
- รวมแคลอรี่ 1,210 กิโลแคลอรี่ เหมาะสำหรับวันพักฟื้น
เคล็ดลับโค้ช "วันพุธผมมักจะให้ลูกค้าทานอาหารที่มีโอเมก้า 3 สูง เพราะช่วยลดการอักเสบจากการเทรนหนักช่วงต้นสัปดาห์" |
4.วันพฤหัสบดี (วันเพิ่มพลังงาน)
เช้า (6.30-7.00 น.): ข้าวกล้องหน้าอกไก่ผัดพริกใบกะเพรา (350 แคล)
สาย (10.00 น.): กล้วยหอม 1 ลูก + ถั่วอัลมอนด์ 5 เม็ด (120 แคล)
เที่ยง (12.00-13.00 น.): สปาเก็ตตี้โฮลเกรนผัดกุ้ง (380 แคล)
บ่าย (15.00 น.): โยเกิร์ตกรีกกับแก้วมังกร (150 แคล)
เย็น (18.00-19.00 น.): ซุปมิโซะไข่ขาว (200 แคล)
ประโยชน์ของแผนวันพฤหัสบดี
- คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนจากข้าวกล้องและพาสต้าโฮลเกรนให้พลังงานยาวนาน
- กรดอะมิโนจากไก่และกุ้งช่วยสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
- โพแทสเซียมจากกล้วยช่วยป้องกันตะคริว
- โปรไบโอติกส์จากโยเกิร์ตช่วยระบบย่อยอาหาร
- รวมแคลอรี่ 1,200 กิโลแคลอรี่ เหมาะสำหรับวันออกกำลังกายปานกลาง
เคล็ดลับโค้ช "วันพฤหัสผมจะเพิ่มคาร์บให้ลูกค้า เพราะส่วนใหญ่เป็นวันเทรนหนัก" |
5.วันศุกร์ (วันเผาผลาญ)
เช้า (6.30-7.00 น.): ไข่ขาว 3 ฟองกับอะโวคาโดบนขนมปังโฮลเกรน (320 แคล)
สาย (10.00 น.): ชาเขียวร้อน + แอปเปิ้ล (100 แคล)
เที่ยง (12.00-13.00 น.): ข้าวคลุกกะปิกับไก่ย่าง (350 แคล)
บ่าย (15.00 น.): สมูทตี้โปรตีนผักผลไม้ (180 แคล)
เย็น (18.00-19.00 น.): สลัดทูน่าญี่ปุ่น (250 แคล)
ประโยชน์ของแผนวันศุกร์
- คาเฟอีนจากชาเขียวช่วยเร่งการเผาผลาญ
- ไขมันดีจากอะโวคาโดช่วยควบคุมความหิว
- โปรตีนคุณภาพสูงจากไข่ขาวและทูน่า
- แร่ธาตุจากสาหร่ายในสลัดญี่ปุ่นช่วยบำรุงต่อมไทรอยด์
- รวมแคลอรี่ 1,200 กิโลแคลอรี่ เน้นอาหารที่กระตุ้นการเผาผลาญ
เคล็ดลับโค้ช "วันศุกร์เป็นวันที่เราต้องการกระตุ้นการเผาผลาญให้สูงสุด เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันหยุด" |
6.วันเสาร์ (วันรีวอร์ด)
เช้า (7.30-8.00 น.): แพนเค้กกล้วยหอมโปรตีนสูง (300 แคล)
สาย (10.30 น.): เบอร์รี่รวม 1 ถ้วย (80 แคล)
เที่ยง (12.00-13.00 น.): สเต๊กอกไก่พร้อมมันฝรั่งอบ (400 แคล)
บ่าย (15.00 น.): ดาร์กช็อกโกแลต 70% 2 ชิ้น (100 แคล)
เย็น (18.00-19.00 น.): ซูชิโรลผักโปรตีนสูง (320 แคล)
ประโยชน์ของแผนวันเสาร์
- เพิ่มความสุขจากการกินด้วยเมนูที่อร่อยแต่ยังคงคุณค่าทางโภชนาการ
- แอนตี้ออกซิแดนท์จากเบอร์รี่และดาร์กช็อกโกแลตช่วยต้านอนุมูลอิสระ
- คาร์บคุณภาพดีจากมันฝรั่งช่วยเติมไกลโคเจนในกล้ามเนื้อ
- โปรตีนจากไก่และซูชิโรลช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
- รวมแคลอรี่ 1,200 กิโลแคลอรี่ แต่เน้นความอร่อยมากขึ้น
เคล็ดลับโค้ช "วันเสาร์ผมให้ลูกค้าทานอาหารที่อร่อยขึ้นนิดหน่อย แต่ยังคงคุมแคลอรี่ เพื่อให้รู้สึกว่าการกินคลีนไม่น่าเบื่อ" |
7.วันอาทิตย์ (วันฟื้นฟูและเตรียมพร้อม)
เช้า (8.00-8.30 น.): โอ๊ตมีลเบอร์รี่โยเกิร์ต (300 แคล)
สาย (10.30 น.): มะพร้าวน้ำหอม (120 แคล)
เที่ยง (12.00-13.00 น.): ข้าวไก่ย่างเทอริยากิ (380 แคล)
บ่าย (15.00 น.): ผลไม้รวม 3 ชนิด (150 แคล)
เย็น (18.00-19.00 น.): ซุปไก่ใส่มันฝรั่งและผักรวม (250 แคล)
ประโยชน์ของแผนวันอาทิตย์
- เตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับสัปดาห์ใหม่
- อิเล็กโทรไลต์จากมะพร้าวช่วยเติมแร่ธาตุให้ร่างกาย
- วิตามินรวมจากผลไม้หลากสีเสริมภูมิคุ้มกัน
- น้ำซุปอุ่นๆ ช่วยผ่อนคลายระบบย่อยอาหาร
- รวมแคลอรี่ 1,200 กิโลแคลอรี่ เน้นอาหารย่อยง่าย
เคล็ดลับโค้ชสำหรับทั้งสัปดาห์
- ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 5-3 ลิตร
- ทานอาหารตรงเวลา ห่างกันทุก 3-4 ชั่วโมง
- เคี้ยวอาหารให้ละเอียด อย่างน้อย 20 ครั้งต่อคำ
- พักการย่อย 2-3 ชั่วโมงก่อนนอน
- เตรียมอาหารล่วงหน้าในวันอาทิตย์สำหรับ 2-3 วันแรกของสัปดาห์
ผลลัพธ์ที่คาดหวังใน 1 สัปดาห์
- น้ำหนักลดลง 5-1 กิโลกรัม (ถ้าร่วมกับการออกกำลังกาย)
- ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น
- นอนหลับสบายขึ้น
- ผิวพรรณสดใส
- มีพลังงานมากขึ้น
แผนอาหารคลีน 30 วัน: แผนแห่งการเปลี่ยนแปลง
จากประสบการณ์ที่ Real Gym ผมพบว่า 30 วันคือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการสร้างนิสัยการกินใหม่ ผมจะแบ่งเป็น 4 เฟส เฟสละ 7-8 วัน
1.เฟสที่ 1 (วันที่ 1-7) เฟสปรับตัว เป้าหมาย
- ปรับพฤติกรรมการกินแบบค่อยเป็นค่อยไป
- ลดปริมาณน้ำตาลและแป้งขัดขาว
- เพิ่มโปรตีนและผักในทุกมื้อ
แคลอรี่: 1,500 ต่อวัน
ตัวอย่างเมนู
- มื้อเช้า: ขนมปังโฮลเกรน 2 แผ่น + ไข่ต้ม 2 ฟอง + อะโวคาโดครึ่งลูก
- มื้อกลางวัน: ข้าวกล้อง + อกไก่ย่าง + ผักสลัด
- มื้อเย็น: ปลานึ่งมะนาว + ผักต้ม
เคล็ดลับโค้ช "สัปดาห์แรกอาจมีอาการหิวบ้าง แต่ให้ดื่มน้ำมากๆ จะช่วยได้" |
2.เฟสที่ 2 (วันที่ 8-15) เฟสเร่งเผาผลาญ เป้าหมาย
- เพิ่มอาหารที่กระตุ้นการเผาผลาญ
- ปรับสัดส่วนมื้ออาหารให้เหมาะสม
- เน้นโปรตีนคุณภาพสูง
แคลอรี่: 1,400 ต่อวัน
ตัวอย่างเมนู
- มื้อเช้า: โยเกิร์ตกรีก + เบอร์รี่ + ข้าวโอ๊ต
- มื้อกลางวัน: สลัดอกไก่ + ควินัว
- มื้อเย็น: ซุปต้มยำกุ้งน้ำใส
เคล็ดลับโค้ช "ช่วงนี้ร่างกายจะเริ่มชินกับการกินคลีน หลายคนจะรู้สึกเบาตัวขึ้น" |
3.เฟสที่ 3 (วันที่ 16-23) เฟสเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เป้าหมาย
- เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ลดไขมัน
- ปรับสมดุลฮอร์โมน
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
แคลอรี่: 1,350 ต่อวัน
ตัวอย่างเมนู
- มื้อเช้า: สมูทตี้โปรตีน + กล้วย + เมล็ดเจีย
- มื้อกลางวัน: อกไก่ย่าง + มันหวาน + บร็อคโคลี่
- มื้อเย็น: ปลาแซลมอนย่าง + ผักรวมนึ่ง
เคล็ดลับโค้ช "ช่วงนี้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของรูปร่างชัดเจน เสื้อผ้าจะหลวมขึ้น" |
4.เฟสที่ 4 (วันที่ 24-30) เฟสยั่งยืน เป้าหมาย
- สร้างนิสัยการกินที่ยั่งยืน
- ปรับสูตรอาหารให้เข้ากับไลฟ์สไตล์
- เตรียมพร้อมสำหรับการดูแลตัวเองในระยะยาว
แคลอรี่: 1,300-1,400 ต่อวัน (ปรับตามการเผาผลาญของแต่ละคน)
ตัวอย่างเมนู
- มื้อเช้า: ไข่ตุ๋นทรงเครื่อง + ขนมปังโฮลเกรน
- มื้อกลางวัน: ข้าวอกไก่เทอริยากิ + สลัดผัก
- มื้อเย็น: สลัดทูน่า + อะโวคาโด
ผลลัพธ์ที่คาดหวังใน 30 วัน
- น้ำหนักลด 2-4 กิโลกรัม (แบบปลอดภัย)
- รอบเอวลด 1-2 นิ้ว
- ผิวพรรณดีขึ้น สดใสขึ้น
- นอนหลับดีขึ้น
- มีพลังงานมากขึ้น
- ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น
- ความอยากอาหารหวานลดลง
เคล็ดลับสำคัญสำหรับ 30 วัน
- เตรียมอาหารล่วงหน้าทุกวันอาทิตย์
- ถ่ายรูปอาหารทุกมื้อเพื่อทบทวน
- จดบันทึกความรู้สึกและการเปลี่ยนแปลง
- ชั่งน้ำหนักและวัดรอบเอวทุกสัปดาห์
- ดื่มน้ำอย่างน้อย 5-3 ลิตรต่อวัน
การคำนวณแคลอรี่จากการกินอาหารคลีน
เราจะมาเรียนรู้เรื่องการคำนวณแคลอรี่แบบง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ เมื่อวานมีลูกค้าที่ยิมถามผมว่า "โค้ช หนูกินอาหารคลีนแล้ว แต่น้ำหนักไม่ลด" พอผมดูพบว่าปัญหาคือกินเกินปริมาณที่ร่างกายต้องการ แม้จะเป็นอาหารคลีนก็ตาม
เคล็ดลับจากโค้ช "การกินคลีนให้ได้ผลต้องคำนึงถึง 3 อย่าง: คุณภาพอาหาร ปริมาณที่เหมาะสม และจังหวะเวลาการกิน" |
วิธีคำนวณความต้องการแคลอรี่ต่อวัน
1.หาค่า BMR (Basal Metabolic Rate)
- ผู้หญิง: 665 + (9.6 × น้ำหนัก) + (8 × ส่วนสูง) - (4.7 × อายุ)
- ผู้ชาย: 66 + (13.7 × น้ำหนัก) + (5 × ส่วนสูง) - (8 × อายุ)
2.คูณด้วยค่าการเคลื่อนไหว
- นั่งทำงานทั้งวัน ไม่ออกกำลังกาย: × 1.2
- ออกกำลังกายเบาๆ 1-3 วัน/สัปดาห์: × 1.375
- ออกกำลังกายปานกลาง 3-5 วัน/สัปดาห์: × 1.55
- ออกกำลังกายหนัก 6-7 วัน/สัปดาห์: × 1.725
- ออกกำลังกายหนักมากทุกวัน: × 1.9
ตัวอย่างจริงจากลูกค้า
คุณนุ่น (นามสมมติ) อายุ 30 ปี สูง 165 ซม. น้ำหนัก 65 กก. ทำงานออฟฟิศ ออกกำลังกาย 3 วัน/สัปดาห์
BMR = 665 + (9.6 × 65) + (1.8 × 165) - (4.7 × 30) = 1,401 แคลอรี่
TDEE = 1,401 × 1.375 = 1,926 แคลอรี่/วัน
เคล็ดลับการนับแคลอรี่อาหารคลีน
- โปรตีน 1 กรัม = 4 แคลอรี่
- คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม = 4 แคลอรี่
- ไขมัน 1 กรัม = 9 แคลอรี่
ปริมาณมาตรฐานอาหารคลีนที่ควรจำ
- อกไก่ 100 กรัม = 165 แคลอรี่
- ข้าวกล้อง 1 ทัพพี = 160 แคลอรี่
- ไข่ไก่ 1 ฟอง = 70 แคลอรี่
- อะโวคาโด 1/2 ลูก = 160 แคลอรี่
เทคนิคการนับแคลอรี่ในชีวิตประจำวัน
วิธีประมาณขนาดอาหารโดยไม่ต้องชั่ง
- โปรตีน (เนื้อสัตว์) = ขนาดฝ่ามือ
- ข้าว/คาร์บ = 1 กำปั้น
- ผัก = 2 กำปั้น
- ไขมันดี = ขนาด 1 นิ้วโป้ง
เคล็ดลับจากโค้ช
ที่ Real Gym ผมสอนให้ลูกค้าใช้มือวัดขนาดอาหาร เพราะสะดวกกว่าการชั่งตวง
ข้อควรระวังในการนับแคลอรี่
1.น้ำมันปรุงอาหาร
- น้ำมัน 1 ช้อนชา = 45 แคลอรี่
- ควรตวงน้ำมันทุกครั้งที่ปรุงอาหาร
2.เครื่องปรุงและซอส
- น้ำปลา 1 ช้อนชา = 3 แคลอรี่
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา = 5 แคลอรี่
- น้ำมันหอย 1 ช้อนชา = 15 แคลอรี่
3.เครื่องดื่ม
- น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา = 21 แคลอรี่
- นมถั่วเหลือง 1 แก้ว = 90 แคลอรี่
- น้ำมะพร้าว 1 แก้ว = 45 แคลอรี่
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย
- ลืมนับแคลอรี่จากการจิบชา กาแฟระหว่างวัน
- กินผลไม้โดยไม่นับแคลอรี่
- ชิมอาหารระหว่างทำกับข้าว
- เผลอกินของว่างโดยไม่รู้ตัว
จากประสบการณ์โค้ช
"เคยมีลูกค้าบอกว่ากินน้อยมาก แต่น้ำหนักไม่ลด พอให้จดทุกอย่างที่กิน พบว่ามีการกินระหว่างมื้อที่ไม่รู้ตัวถึงวันละ 300-400 แคลอรี่"
วิธีแก้ไข
- ถ่ายรูปทุกมื้อ ทุกของว่าง
- ใช้แอพบันทึกอาหาร
- จดบันทึกทันทีที่กิน
- เตรียมอาหารล่วงหน้า คำนวณแคลอรี่ไว้แล้ว
เคล็ดลับการลดแคลอรี่โดยไม่อด
- ใช้สเปรย์น้ำมันแทนการเทน้ำมัน
- เลือกวิธีนึ่ง ต้ม อบ แทนการทอด
- ใช้สมุนไพรแทนเครื่องปรุงรส
- ดื่มน้ำก่อนมื้ออาหาร 15-20 นาที
Quick Tips จากโค้ช "ถ้าอยากลดน้ำหนัก ให้ลดแคลอรี่จากที่คำนวณได้ 500 แคลอรี่ จะลดได้ประมาณ 0.5 กก./สัปดาห์ แบบปลอดภัยและไม่โยโย่" |
10 เครื่องดื่มที่จัดเป็นอาหารคลีน
ผมจะมาแนะนำเครื่องดื่มที่เข้ากับไลฟ์สไตล์คลีน จากประสบการณ์ที่ใช้กับลูกค้าที่ Real Gym มาหลายปี
เคล็ดลับโค้ช "การดื่มให้ถูกจังหวะสำคัญพอๆ กับการเลือกว่าจะดื่มอะไร" |
1.น้ำอุ่นผสมมะนาว (0-5 แคลอรี่)
- ช่วงเวลาที่ควรรับประทาน : ตื่นนอนตอนเช้า
- ประโยชน์
- กระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร
- วิตามินซีช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
- ช่วยดีท็อกซ์ตับ
2.ชาเขียวร้อน (0 แคลอรี่)
- ช่วงเวลาที่ควรรับประทาน: 30 นาที ก่อนออกกำลังกาย
- ประโยชน์ที่ได้รับ
- เร่งการเผาผลาญ
- ต้านอนุมูลอิสระ
- ช่วยควบคุมความอยากอาหาร
3.สมูทตี้ผักใบเขียว (100-150 แคลอรี่)
- สูตรโค้ช: ผักคะน้า + แอปเปิ้ลเขียว + แตงกวา + ขึ้นฉ่าย
- ช่วงเวลาที่ควรรับประทาน: มื้อเช้าหรือหลังออกกำลังกาย
- ประโยชน์ที่ได้รับ
- วิตามินและแร่ธาตุครบถ้วน
- ใยอาหารสูง
- ช่วยดีท็อกซ์
4.น้ำมะพร้าว (45-60 แคลอรี่)
- ช่วงเวลาที่ควรรับประทาน: หลังออกกำลังกายทันที
- ประโยชน์ที่ได้รับ
- เติมอิเล็กโทรไลต์ธรรมชาติ
- ให้พลังงานฟื้นฟูกล้ามเนื้อ
- ช่วยลดการอักเสบ
5.โปรตีนเชค (120-150 แคลอรี่)
- สูตรโค้ช: โปรตีนเวย์ + กล้วย + อัลมอนด์มิลค์
- ช่วงเวลาที่ควรรับประทาน: ภายใน 30 นาทีหลังเทรนเสร็จ
- ประโยชน์ที่ได้รับ
- ซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
- ป้องกันการสลายกล้ามเนื้อ
- ให้พลังงานฟื้นฟู
6.น้ำขิงอุ่น (10-15 แคลอรี่)
- ช่วงเวลาที่ควรรับประทาน: หลังมื้ออาหาร 15-20 นาที
- ประโยชน์ที่ได้รับ
- ช่วยย่อยอาหาร
- ลดอาการท้องอืด
- เร่งการเผาผลาญ
เคล็ดลับโค้ช "ลูกค้าที่มีปัญหาท้องอืด ผมให้ดื่มน้ำขิงหลังมื้อเย็น ช่วยได้ดีมาก" |
7.ชาดอกคาโมไมล์ (0 แคลอรี่)
- ช่วงเวลาที่ควรรับประทาน: 1-2 ชั่วโมงก่อนนอน
- ประโยชน์ที่ได้รับ
- ช่วยให้นอนหลับสบาย
- ลดความเครียด
- บำรุงระบบย่อยอาหาร
8.น้ำผักผลไม้คั้นสด (80-120 แคลอรี่)
- สูตรโค้ช: แครอท + บีทรูท + แอปเปิ้ล + ขิง
- ช่วงเวลาที่ควรรับประทาน: มื้อสาย หรือบ่าย
- ประโยชน์ที่ได้รับ
- วิตามินและแร่ธาตุสูง
- ช่วยล้างพิษ
- เพิ่มพลังงาน
9.อัลมอนด์มิลค์ไม่หวาน (30-40 แคลอรี่)
- ช่วงเวลาที่ควรรับประทาน: ก่อนนอน หรือระหว่างมื้อ
- ประโยชน์ที่ได้รับ
- โปรตีนและแคลเซียมสูง
- ไขมันดีช่วยบำรุงผิว
- วิตามินอีต้านอนุมูลอิสระ
10.น้ำสมุนไพรไทย (20-30 แคลอรี่)
- สูตรโค้ช: ใบเตย + ตะไคร้ + ใบบัวบก
- ช่วงเวลาที่ควรรับประทาน: ระหว่างวัน
- ประโยชน์ที่ได้รับ
- ช่วยดับกระหาย
- เพิ่มการไหลเวียนเลือด
- ลดความร้อนในร่างกาย
เคล็ดลับสำคัญในการดื่ม
- ดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 5-3 ลิตรต่อวัน
- หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำเย็นจัด
- ไม่ควรดื่มน้ำมากเกินไประหว่างมื้ออาหาร
- เลือกเครื่องดื่มให้เหมาะกับกิจกรรมและเวลา
เครื่องดื่มที่ควรหลีกเลี่ยง
- น้ำอัดลม
- เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
- ชา กาแฟที่ใส่ครีมเทียมและน้ำตาล
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ประสบการณ์จากโค้ช
"ผมเคยมีลูกค้าที่ชอบดื่มกาแฟใส่ครีมวันละ 3-4 แก้ว พอเปลี่ยนมาดื่มชาเขียวแทน น้ำหนักลดไป 2 กิโลใน 2 สัปดาห์ โดยไม่ต้องเปลี่ยนอย่างอื่นเลย"
วิธีการหลีกเลี่ยงอาหารรสหวาน
วันนี้ผมจะมาแชร์เทคนิคการเลิกของหวานที่ได้ผลจริง จากประสบการณ์ดูแลลูกค้าที่ติดหวานมากๆ
เมื่อเดือนที่แล้ว มีลูกค้าคนหนึ่งเป็นเจ้าของร้านเบเกอรี่ เธอติดหวานมาก กินเค้กวันละ 2-3 ชิ้น พอใช้เทคนิคที่ผมจะแชร์ต่อไปนี้ สามารถลดการกินของหวานลงได้ 80% ภายใน 2 สัปดาห์
เคล็ดลับโค้ช "ความอยากของหวานไม่ได้มาจากความหิว แต่มาจากฮอร์โมนและความเคยชิน" |
สาเหตุที่เราติดหวาน
- ฮอร์โมนเซโรโทนินต่ำ (ฮอร์โมนแห่งความสุข)
- น้ำตาลในเลือดไม่คงที่
- ความเครียด
- พฤติกรรมความเคยชิน
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ
วิธีแก้ไขแบบค่อยเป็นค่อยไป
- แก้ที่ต้นเหตุทางฮอร์โมน
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพิ่มเซโรโทนินธรรมชาติ
- นอนให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมง
- รับแสงแดดช่วงเช้า 15-20 นาที
- ควบคุมน้ำตาลในเลือด
- กินอาหารที่มีโปรตีนทุกมื้อ
- ทานมื้อหลักให้ตรงเวลา
- เลือกคาร์บที่มีไฟเบอร์สูง
- ทางเลือกทดแทนความหวาน
- ผลไม้รสหวานธรรมชาติ
- โยเกิร์ตกรีกผสมซินนามอน
- ชาหอมๆ ไม่ใส่น้ำตาล
- น้ำผึ้งธรรมชาติ (ใช้น้อยๆ)
- เทคนิคจิตวิทยา
- รอ 15 นาทีเมื่อรู้สึกอยากหวาน
- ดื่มน้ำ 1 แก้วทันทีที่อยากหวาน
- หากิจกรรมอื่นทำ เช่น เดินเล่น
- จดบันทึกความรู้สึกเวลาอยากหวาน
ประสบการณ์โค้ช: "ลูกค้าที่ประสบความสำเร็จมักเริ่มจากการจัดมื้ออาหารให้เป็นเวลาก่อน ไม่ใช่พยายามเลิกหวานทันที" |
เทคนิคการควบคุมความอยากอาหาร
จากประสบการณ์ที่ Real Gym ผมพบว่าปัญหาใหญ่ของคนที่กินคลีนไม่สำเร็จคือ "ควบคุมความอยากไม่ได้"
เมื่อเดือนก่อนมีลูกค้าคนหนึ่ง ทำงานออฟฟิศ บ่นว่าช่วงบ่ายๆ มักหิวมาก ต้องกินขนมตลอด พอผมแนะนำให้สังเกตว่าเป็นความเครียดไม่ใช่ความหิว และใช้เทคนิคต่อไปนี้ เธอสามารถควบคุมมื้อว่างได้ดีขึ้นมาก
วิธีแยกแยะความหิวจริง vs หิวใจ
- ความหิวจริง
- ค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละนิด
- ท้องร้องจริงๆ
- พร้อมกินอาหารธรรมดา
- หายหลังกินอาหารมื้อหลัก
- หิวใจ
- อยากกินทันทีทันใด
- อยากกินอาหารเฉพาะอย่าง
- มักเกิดจากอารมณ์
- กินแล้วยังอยากกินต่อ
เทคนิคควบคุมความอยาก
1.เทคนิคชะลอเวลา: "รอ 20 นาที ถ้ายังอยากกินค่อยกิน"
- ดื่มน้ำอุ่น 1 แก้ว
- เดินออกจากที่ที่มีอาหารยั่วยุ
- หายใจลึกๆ 10 ครั้ง
- เปลี่ยนอิริยาบถ
2.เทคนิคแก้ที่สาเหตุ
2.1 หากเกิดจากความเครียด
- เดินสั้นๆ 5-10 นาที
- ยืดเส้นยืดสาย
- โทรคุยกับเพื่อน
- ฟังเพลงที่ชอบ
2.2 หากเกิดจากการพักผ่อนน้อย
- งีบสั้นๆ 15-20 นาที
- ดื่มชาเขียวอุ่นๆ
- ล้างหน้าด้วยน้ำเย็น
4.เทคนิคเตรียมพร้อม
- พกผลไม้หรือถั่วติดตัว
- วางแผนมื้ออาหารล่วงหน้า
- เตรียมน้ำดื่มให้พร้อม
- หลีกเลี่ยงเส้นทางที่ผ่านร้านขนม
ฟังสัญญาณจากร่างกาย
ผมพบว่าคนส่วนใหญ่มักไม่ได้ฟังสัญญาณจากร่างกายตัวเอง วันนี้ผมจะมาแชร์วิธีสังเกตและตีความสัญญาณต่างๆ
สัญญาณที่ควรสังเกต
1.สัญญาณความหิว
ระดับ 1: เริ่มรู้สึกหิวเล็กน้อย
- ท้องเริ่มร้องเบาๆ
- สมาธิยังดี
- ควรเริ่มหามื้อถัดไป
ระดับ 2: หิวปานกลาง
- ท้องร้องชัดเจน
- เริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย
- ควรทานอาหารภายใน 30 นาที
ระดับ 3: หิวมาก
- ปวดท้อง หงุดหงิด
- สมาธิแย่
- ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ถึงจุดนี้
เคล็ดลับโค้ช "ให้กินตอนความหิวอยู่ที่ระดับ 2 จะควบคุมปริมาณได้ดีที่สุด" |
2.สัญญาณความอิ่ม
- เคี้ยวช้าลง
- รสชาติอาหารเริ่มจืดลง
- รู้สึกสบายท้อง ไม่อึดอัด
3.สัญญาณที่บอกว่าคุณกินผิด
- ง่วงนอนหลังมื้ออาหาร
- ท้องอืด แน่นท้อง
- รู้สึกหิวเร็วผิดปกติ
- มีอาการแสบท้อง
4.สัญญาณว่าร่างกายขาดน้ำ
- ปัสสาวะสีเข้ม
- ริมฝีปากแห้ง
- เหนื่อยง่าย
- ปวดหัวเล็กน้อย
วิธีฝึกฟังสัญญาณร่างกาย
- ทานอาหารช้าๆ ใช้เวลา 20 นาทีต่อมื้อ
- หยุดเช็คโทรศัพท์ขณะทานอาหาร
- เคี้ยวอาหารให้ละเอียด 20-30 ครั้งต่อคำ
- จดบันทึกความรู้สึกหลังมื้ออาหาร
สรุปเกี่ยวกับอาหารคลีน
โค้ชปูแน่นจะมาสรุปทุกอย่างที่เราคุยกันมาเกี่ยวกับอาหารคลีน จากประสบการณ์ 13 ปีในฐานะเทรนเนอร์และนักโภชนาการ ผมอยากฝากข้อคิดสำคัญไว้ดังนี้
"อาหารคลีนไม่ใช่การทรมานตัวเอง แต่เป็นการใส่ใจว่าเรากำลังกินอะไรเข้าไป"
สิ่งที่ต้องเข้าใจเกี่ยวกับอาหารคลีน
1.หลักการพื้นฐานที่สำคัญ
- เน้นอาหารธรรมชาติ แปรรูปน้อย
- ปรุงรสพอดี ไม่หวาน มัน เค็มจัด
- ทานในปริมาณที่เหมาะสม
- จัดสัดส่วนอาหารให้ครบถ้วน
เคล็ดลับโค้ช: "ที่ Real Gym ผมเห็นคนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่ทำให้การกินคลีนเป็นวิถีชีวิต ไม่ใช่แค่ไดเอท" |
2.ข้อดีของการกินอาหารคลีน
- ควบคุมน้ำหนักได้อย่างยั่งยืน
- ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น
- ผิวพรรณสดใส
- มีพลังงานมากขึ้น
- นอนหลับดีขึ้น
- ลดความเสี่ยงโรคต่างๆ
3.ปัญหาที่พบบ่อยและวิธีแก้
3.1 ทำอาหารคลีนไม่อร่อย
วิธีแก้ เริ่มจากเมนูที่คุ้นเคย แล้วค่อยๆ ปรับให้คลีนขึ้น
3.2 ไม่มีเวลาทำอาหาร
วิธีแก้ เตรียมวัตถุดิบล่วงหน้าในวันหยุด (Meal Prep)
3.3 กินนอกบ้านลำบาก
วิธีแก้ เรียนรู้วิธีเลือกเมนูตามร้านทั่วไป
4.สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ
4.1 สิ่งที่ควรทำ
- วางแผนมื้ออาหารล่วงหน้า
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ
- ทานอาหารตรงเวลา
- ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย
4.2 สิ่งที่ไม่ควรทำ
- อดอาหาร
- กินซ้ำๆ จนเบื่อ
- คาดหวังผลเร็วเกินไป
- ละเลยเรื่องการพักผ่อน
คำแนะนำสุดท้ายจากโค้ช"การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนต้องค่อยๆ ทำ อย่ารีบร้อน และที่สำคัญคือต้องสนุกกับการทำ ถ้ารู้สึกทรมาน แสดงว่ากำลังทำอะไรผิด"
ฝากถึงผู้ที่กำลังเริ่มต้น "ผมเคยดูแลคนมานับพันคน ทุกคนเริ่มต้นจากจุดเดียวกันคือ 'วันแรก' ขอแค่เริ่มและทำอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์จะตามมาเอง"
บทความนี้เขียนโดย...
โค้ชปูแน่น (ปู จักรินทร์ บุญลาภ)
เป็น CEO และที่ปรึกษาด้านการพัฒนาทีมเทรนเนอร์ในฟิตเนสของตัวเองที่ Real Gym ซาฟารีเวิลด์ รวมถึงแบรนด์อาหารเสริม และที่ปรึกษาด้าน Training Quality ให้กับทีมเทรนเนอร์ของ Sport club และฟิตเนสชั้นนำ
โปรไฟล์โค้ชปูแน่น
บทความทั้งหมด
Powered by Mirasvit Magento 2 Extensions
- เพิ่มไขมันดี (HDL) เพื่อสุขภาพหัวใจที่แข็งแรง เทคนิคและ 20 อาหารที่แนะนำ
- คาร์โบไฮเดรต พลังงานสำคัญสำหรับนักออกกำลังกาย และนักกล้าม
- 15 ประโยชน์ของการวิ่ง ลงทุนสุขภาพง่ายๆ ด้วยการวิ่ง
- อาหารหลังออกกำลังกาย ฟื้นฟูกล้ามเนื้อ เสริมพลัง สร้างผลลัพธ์ที่ดี
- เคล็ดลับออกกำลังกายช่วงมีประจำเดือน - ฟิต หุ่นสวย คลายปวด ด้วยวิธีง่ายๆ