10 วิธีทำ Lateral Raises สร้างไหล่สวยเห็นผลไวเกินคาด
Lateral raises เป็นท่าออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพสูงในการพัฒนากล้ามเนื้อไหล่ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อเดลทอยด์ส่วนกลาง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างรูปทรงไหล่ที่สวยงาม การทำ lateral raises อย่างถูกวิธีไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มขนาดและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อไหล่ แต่ยังช่วยปรับปรุงท่าทางและการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันอีกด้วย
สารบัญเนื้อหา
ประโยชน์ของ Lateral Raises
การทำ lateral raises มีประโยชน์มากมาย นอกเหนือจากการสร้างไหล่สวย:
- เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อไหล่
- ปรับปรุงความมั่นคงของข้อไหล่
- ช่วยในการทรงตัวและการเคลื่อนไหวของแขน
- เสริมสร้างสมดุลของกล้ามเนื้อส่วนบนของร่างกาย
- ช่วยป้องกันการบาดเจ็บของไหล่
10 วิธีทำ Lateral Raises สร้างไหล่สวย
วิธีที่ 1: การจัดท่าทางที่ถูกต้องเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
การจัดท่าทางที่ถูกต้องเป็นพื้นฐานสำคัญในการทำ lateral raises ให้มีประสิทธิภาพ
การวางเท้าและการยืน
- ยืนตรง เท้าห่างกันประมาณความกว้างของสะโพก
- ย่อเข่าเล็กน้อยเพื่อลดแรงกระแทกที่หลังส่วนล่าง
- รักษาแกนลำตัวให้ตรงและมั่นคง
การจัดตำแหน่งของแขนและมือ
- จับดัมเบลหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการยก โดยให้ฝ่ามือหันเข้าหาต้นขา
- เริ่มต้นด้วยการวางแขนข้างลำตัว ศอกงอเล็กน้อย
วิธีที่ 2: การควบคุมจังหวะการเคลื่อนไหวอย่างแม่นยำ
การควบคุมจังหวะการเคลื่อนไหวเป็นสิ่งสำคัญในการทำ lateral raises ให้ได้ผลดี
จังหวะการยกและการลด
- ยกแขนขึ้นช้าๆ จนขนานกับพื้น ใช้เวลาประมาณ 2 วินาที
- ลดแขนลงช้าๆ ใช้เวลาประมาณ 3-4 วินาที เพื่อเพิ่มแรงต้านทาน
การหยุดค้างที่จุดสูงสุด
- เมื่อยกแขนถึงระดับไหล่ ให้หยุดค้างไว้ 1-2 วินาที
- การหยุดค้างช่วยเพิ่มความตึงของกล้ามเนื้อและกระตุ้นการเติบโต
วิธีที่ 3: การเลือกน้ำหนักที่เหมาะสม
การเลือกน้ำหนักที่เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญในการทำ lateral raises ให้ได้ผลดี
หลักการเลือกน้ำหนัก
- เริ่มต้นด้วยน้ำหนักเบา เพื่อฝึกฟอร์มให้ถูกต้อง
- เลือกน้ำหนักที่ทำให้คุณสามารถทำได้ 10-12 ครั้งต่อเซ็ต โดยยังคงรักษาฟอร์มที่ดี
การปรับน้ำหนักตามความก้าวหน้า
- เพิ่มน้ำหนักทีละน้อยเมื่อรู้สึกว่าการยกง่ายเกินไป
- ปรับน้ำหนักให้เหมาะสมกับจำนวนครั้งและเซ็ตที่ต้องการทำ
วิธีที่ 4: การใช้เทคนิค Time Under Tension (TUT)
เทคนิค Time Under Tension หรือ TUT เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มความเข้มข้นให้กับการทำ lateral raises
หลักการ TUT คืออะไร?
Time Under Tension (TUT) คือหลักการเพิ่มเวลาที่กล้ามเนื้อทำงานต้านแรงในการออกกำลังกาย โดยเน้นการเคลื่อนไหวช้าลงทั้งขณะยกและลดน้ำหนัก รวมถึงการหยุดค้างในบางจุด วิธีนี้ช่วยเพิ่มความเครียดทางกลศาสตร์ให้กล้ามเนื้อ ส่งผลให้เกิดการทำลายเส้นใยกล้ามเนื้อระดับเล็ก ซึ่งเมื่อร่างกายซ่อมแซม จะทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและใหญ่ขึ้น
การใช้ TUT ทำได้โดยยกน้ำหนักขึ้นช้าๆ ใช้เวลา 2-3 วินาที และลดลงช้าๆ 3-4 วินาที พร้อมหยุดค้างที่จุดสูงสุดหรือต่ำสุด 1-2 วินาที วิธีนี้ช่วยเพิ่มการเติบโตของกล้ามเนื้อ พัฒนาความแข็งแรง ปรับปรุงการเชื่อมต่อระหว่างประสาทและกล้ามเนื้อ ลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บ และเพิ่มการเผาผลาญไขมัน ทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นทั้งในด้านขนาดกล้ามเนื้อ ความแข็งแรง และรูปร่างโดยรวม
วิธีประยุกต์ใช้กับ Lateral Raises
- ทำการยกช้าๆ ใช้เวลา 3-4 วินาทีในการยกขึ้น
- หยุดค้างที่จุดสูงสุด 2 วินาที
- ลดลงช้าๆ ใช้เวลา 4-5 วินาที
วิธีที่ 5: การทำ Lateral Raises แบบ Drop Set
Drop Set เป็นเทคนิคที่ช่วยเพิ่มความเข้มข้นและกระตุ้นการเติบโตของกล้ามเนื้อในการทำ lateral raises
ขั้นตอนการทำ Drop Set
- เริ่มด้วยน้ำหนักที่คุณทำได้ 8-10 ครั้ง
- ทำจนหมดแรง แล้วลดน้ำหนักลงประมาณ 20-30%
- ทำต่อทันทีจนหมดแรงอีกครั้ง
- ทำซ้ำขั้นตอนที่ 2-3 อีก 1-2 ครั้ง
ประโยชน์และข้อควรระวัง
- ช่วยเพิ่มความเข้มข้นในการฝึก กระตุ้นการเติบโตของกล้ามเนื้อ
- ควรทำไม่เกิน 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บและการฝึกหนักเกินไป
วิธีที่ 6: การผสมผสาน Lateral Raises กับท่าอื่น
การผสมผสาน lateral raises กับท่าอื่นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฝึกและกระตุ้นกล้ามเนื้อหลายส่วน
ตัวอย่างการทำ Superset
- ทำ lateral raises ตามด้วย front raises โดยไม่พักระหว่างท่า
- ทำ lateral raises สลับกับ overhead press เพื่อฝึกกล้ามเนื้อไหล่รอบด้าน
การจัดลำดับท่าในโปรแกรมฝึก
- เริ่มด้วยท่าหนักๆ เช่น overhead press ก่อนทำ lateral raises
- จัด lateral raises เป็นท่าที่สองหรือสามในโปรแกรมฝึกไหล่
วิธีที่ 7: การใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อเพิ่มความท้าทาย
การใช้อุปกรณ์เสริมสามารถเพิ่มความหลากหลายและความท้าทายในการทำ lateral raises
การใช้สายรัดข้อมือเพิ่มน้ำหนัก
- สายรัดข้อมือแบบถ่วงน้ำหนักช่วยเพิ่มแรงต้านโดยไม่ต้องถือน้ำหนักเพิ่ม
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการจับยึดหรือต้องการเพิ่มความท้าทาย
การใช้แถบยางยืดแทนดัมเบล
- แถบยางยืดให้แรงต้านที่แตกต่างจากดัมเบล โดยเพิ่มแรงต้านเมื่อยืดมากขึ้น
- ช่วยในการฝึกการควบคุมการเคลื่อนไหวและเพิ่มความมั่นคงของข้อต่อ
วิธีที่ 8: การทำ Lateral Raises แบบ Isometric Hold
Isometric Hold เป็นเทคนิคที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความทนทานของกล้ามเนื้อไหล่
อธิบายเทคนิค Isometric Hold
- Isometric Hold คือการรักษาตำแหน่งของกล้ามเนื้อโดยไม่มีการเคลื่อนไหว
- ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความทนทานของกล้ามเนื้อในตำแหน่งนั้นๆ
วิธีการทำและประโยชน์
- ยกแขนขึ้นจนขนานกับพื้น แล้วคงตำแหน่งนี้ไว้ 10-30 วินาที
- ทำ 2-3 เซ็ต โดยพักระหว่างเซ็ต 30-60 วินาที
- ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความทนทานของกล้ามเนื้อไหล่
วิธีที่ 9: การปรับมุมยกเพื่อเน้นส่วนต่างๆ ของกล้ามเนื้อไหล่
การปรับมุมยกในการทำ lateral raises ช่วยกระตุ้นส่วนต่างๆ ของกล้ามเนื้อไหล่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มุมยกด้านหน้าเล็กน้อย
- ยกแขนขึ้นโดยให้มืออยู่ด้านหน้าลำตัวเล็กน้อย ประมาณ 15-30 องศา
- ช่วยเน้นกล้ามเนื้อเดลทอยด์ส่วนหน้ามากขึ้น
มุมยกด้านหลังเล็กน้อย
- ยกแขนขึ้นโดยให้มืออยู่ด้านหลังลำตัวเล็กน้อย ประมาณ 15-30 องศา
- ช่วยเน้นกล้ามเนื้อเดลทอยด์ส่วนหลังมากขึ้น
การปรับมุมยกช่วยให้คุณสามารถพัฒนากล้ามเนื้อไหล่ได้อย่างรอบด้าน ทำให้ไหล่มีรูปทรงที่สวยงามและสมดุล
วิธีที่ 10: การใช้เทคนิค Mind-Muscle Connection
การใช้เทคนิค Mind-Muscle Connection หรือการเชื่อมโยงระหว่างจิตใจและกล้ามเนื้อ เป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ lateral raises อย่างมาก
การฝึกสมาธิและการรับรู้กล้ามเนื้อ
- ก่อนเริ่มทำ lateral raises ให้หายใจลึกๆ และจดจ่อกับกล้ามเนื้อไหล่
- ระหว่างการยก ให้คิดถึงการทำงานของกล้ามเนื้อเดลทอยด์ตลอดเวลา
- รับรู้ถึงความรู้สึกตึงและการหดตัวของกล้ามเนื้อในแต่ละครั้งที่ยก
วิธีเพิ่มการเชื่อมโยงระหว่างสมองและกล้ามเนื้อ
- ทำ lateral raises หน้ากระจกเพื่อสังเกตการเคลื่อนไหวและการทำงานของกล้ามเนื้อ
- ลองทำ lateral raises แบบช้าๆ และตั้งใจรับรู้ถึงการทำงานของกล้ามเนื้อในแต่ละช่วงของการเคลื่อนไหว
- ฝึกการบีบกล้ามเนื้อไหล่โดยไม่ใช้น้ำหนัก เพื่อสร้างความเชื่อมโยงระหว่างสมองและกล้ามเนื้อ
การผสมผสาน Lateral Raises ในโปรแกรมการฝึก
การรวม lateral raises เข้ากับโปรแกรมการฝึกอย่างเหมาะสมจะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ตัวอย่างโปรแกรมการฝึกสำหรับผู้เริ่มต้น
- Warm-up: หมุนไหล่ 2 เซ็ต เซ็ตละ 15 ครั้ง
- Overhead Press: 3 เซ็ต เซ็ตละ 8-10 ครั้ง
- Lateral Raises: 3 เซ็ต เซ็ตละ 10-12 ครั้ง
- Front Raises: 3 เซ็ต เซ็ตละ 10-12 ครั้ง
- Rear Delt Flyes: 3 เซ็ต เซ็ตละ 12-15 ครั้ง
การจัดตารางฝึกที่เหมาะสม
- ฝึกไหล่ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
- เว้นระยะห่างระหว่างการฝึกไหล่อย่างน้อย 48-72 ชั่วโมง
- จัด lateral raises ในช่วงกลางของการฝึก หลังจากท่าหลักอย่าง Overhead Press
ข้อควรระวังและความผิดพลาดที่พบบ่อยในการทำ Lateral Raises
การทำ lateral raises อย่างถูกวิธีจะช่วยป้องกันการบาดเจ็บและเพิ่มประสิทธิภาพในการฝึก ต่อไปนี้เป็นข้อควรระวังและความผิดพลาดที่พบบ่อย:
- การใช้แรงเหวี่ยง: หลีกเลี่ยงการใช้แรงเหวี่ยงจากลำตัวเพื่อยกน้ำหนัก ควรใช้กล้ามเนื้อไหล่ในการยกอย่างควบคุม
- การยกสูงเกินไป: ไม่จำเป็นต้องยกแขนสูงเกินระดับไหล่ การยกสูงเกินไปอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้
- การล็อคข้อศอก: ควรงอข้อศอกเล็กน้อยเพื่อลดแรงกดที่ข้อต่อ
- การละเลยการอบอุ่นร่างกาย: ควรอบอุ่นร่างกายและยืดเหยียดกล้ามเนื้อก่อนการฝึกเสมอ
- การใช้น้ำหนักมากเกินไป: เริ่มต้นด้วยน้ำหนักเบาและค่อยๆ เพิ่มขึ้นเพื่อรักษาฟอร์มที่ถูกต้อง
สรุป
การนำ 10 วิธีการทำ lateral raises ที่กล่าวมาไปประยุกต์ใช้จะช่วยยกระดับการฝึกของคุณและนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น:
- เริ่มต้นด้วยการฝึกท่าทางที่ถูกต้อง
- ให้ความสำคัญกับการควบคุมจังหวะการเคลื่อนไหว
- เลือกน้ำหนักที่เหมาะสมและปรับเพิ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไป
- ทดลองใช้เทคนิค Time Under Tension และ Drop Set
- ผสมผสาน lateral raises กับท่าอื่นๆ ในโปรแกรมฝึก
- ใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อเพิ่มความท้าทาย
- ลองทำ Isometric Hold เพื่อเพิ่มความแข็งแรง
- ปรับมุมยกเพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ
- ฝึกการใช้ Mind-Muscle Connection
- จัดโปรแกรมการฝึกที่เหมาะสมและให้เวลาร่างกายได้พักฟื้น
การทำ lateral raises อย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี ร่วมกับการรับประทานอาหารที่เหมาะสมและการพักผ่อนที่เพียงพอ จะช่วยให้คุณสร้างไหล่ที่สวยงาม แข็งแรง และมีสุขภาพดีได้อย่างแน่นอน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำ Lateral Raises
Q: ควรทำ lateral raises บ่อยแค่ไหน?
A: แนะนำให้ทำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยให้เวลาร่างกายได้พักฟื้นอย่างน้อย 48 ชั่วโมงระหว่างการฝึกแต่ละครั้ง
Q: Lateral raises ช่วยลดไขมันที่แขนได้หรือไม่?
A: Lateral raises ไม่ได้เน้นการลดไขมันโดยตรง แต่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อซึ่งจะช่วยเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้นในระยะยาว
Q: ควรใช้น้ำหนักเท่าไรในการทำ lateral raises?
A: เริ่มต้นด้วยน้ำหนักที่คุณสามารถทำได้ 10-12 ครั้งต่อเซ็ต โดยยังคงรักษาฟอร์มที่ถูกต้อง
Q: Lateral raises เหมาะสำหรับผู้หญิงหรือไม่?
A: เหมาะสมอย่างยิ่ง lateral raises ช่วยสร้างไหล่ที่สวยงามและกระชับสำหรับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
Q: สามารถทำ lateral raises ทุกวันได้หรือไม่?
A: ไม่แนะนำ ควรให้เวลากล้ามเนื้อได้พักฟื้นระหว่างการฝึก การทำทุกวันอาจนำไปสู่การบาดเจ็บและ overtraining ได้
การทำ lateral raises อย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณสร้างไหล่ที่สวยงามและแข็งแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้เริ่มต้นหรือนักออกกำลังกายที่มีประสบการณ์ การนำเทคนิคต่างๆ ที่กล่าวมาไปปรับใช้จะช่วยยกระดับการฝึกของคุณและนำไปสู่ผลลัพธ์ที่น่าพอใจยิ่งขึ้น
อ้างอิงภาพจาก:
https://central.gymshark.com/article/how-to-do-lateral-raises
https://www.menshealth.com/uk/building-muscle/a30716543/lateral-raises/
Powered by Mirasvit Magento 2 Extensions
- ฟังโค้ชตัวจริงว่าออกกำลังกายตอนเช้าดีอย่างไร ทำไมต้องเริ่มต้นวันด้วยการออกกำลังกาย
- วิธีเล่นท่า Dumbbell Bench Press พร้อมวิดีโอสาธิต อัปเดต 2025 - โค้ชออตโต้
- วิธีเล่นท่า Dumbbell Fly พร้อมวิดีโอสาธิต อัปเดต 2025 - โค้ชออตโต้
- วิธีเล่นท่า Standing Dumbbell Biceps Curls พร้อมวิดีโอสาธิต อัปเดต 2025 - โค้ชออตโต้
- หน้าท้องแบนราบ ด้วยการออกกำลังกาย Pilates 15 นาทีต่อวัน